ผักกาดหอม
พร้อมแล้วครับ
พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา ๑๕๑ แล้ว
นายกฯ อนุทินก็พร้อมเช่นกัน
เตรียมร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาแล้ว
เพราะรัฐธรรมนูญระบุว่า เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะแล้ว จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมิได้
เว้นแต่จะมีการถอนญัตติ
ครับ…นี่คือเกมชิงไหวชิงพริบ สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ใครพร้อมเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งมากกว่ากัน
พรรคไหนที่พร้อมแล้วก็อยากให้มีการเลือกตั้งวันนี้วันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ
ฉะนั้นหากพรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา ๑๕๑ จริง ก็แสดงว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมเลือกตั้งสุดๆ
แต่ถ้านายกฯ อนุทิน พลิกเกม เล่นเกมที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนกล้าทำมาก่อน ยอมให้พรรคเพื่อไทยซักฟอก ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจแพ้เสียงโหวตในสภา
งานนี้เลือดสาดกลางสภาครับ!
หากนายกฯ อนุทิน กล้าบ้าบิ่นเล่นบท “กูไม่กลัวมึง” เพราะพรรคเพื่อไทย โดยรัฐบาลแพทองธาร แผลเยอะกว่า
ไม่ว่าจะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แจกเงินหมื่นที่หายวับไปกับตา เรื่องคลิปเสียงวุ้นเส้น ความระยำที่บานปลายกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างไทย-เขมร
รัฐบาลแพทองธารมีแผลเต็มตัว
วันนี้เลือดยังไหลซิบๆ อยู่เลย
ส่วน นายกฯ อนุทิน โดนแน่ๆ คือเรื่องเขากระโดง สแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่สุดท้ายมันก็ย้อนกลับไปหา “ทักษิณ” รวมทั้ง “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เต็มๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธรณีสงฆ์ เรื่อง “เบน สมิธ”
พรรคส้มก็คงฉวยโอกาสนี้ซัดทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย
ถ้าเป็นตามนี้สนุกครับ
แต่…ขีดเส้นใต้สิบเส้น ภาพลักษณ์ทางการเมือง ณ ขณะนี้ พรรคภูมิใจไทยมีต้นทุนมากกว่าพรรคเพื่อไทยหลายเท่าตัว
สำหรับพรรคส้มเอง ใช่ว่ากระแสจะดีเหมือนเดิม เพราะเสียศูนย์จากการโจมตีกองทัพ จนเกิดกระแสตีกลับ
กลายเป็นพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
ร้อยบาทขี้หมากอง พรรคเพื่อไทยไม่กล้ายื่นซักฟอกครับ
เพราะขืนปล่อยให้เลือกตั้งเร็ว จะต้านกระแสของพรรคภูมิใจไทยไม่ไหว
หากนับความพร้อมในการเลือกตั้ง วันนี้พรรคที่พร้อมที่สุดน่าจะเป็นภูมิใจไทย รองลงมาคือพรรคส้ม ส่วนพรรคเพื่อไทยอยู่ลำดับท้ายๆ
อาจจะพร้อมน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์ด้วยซ้ำ
การที่นายกฯ อนุทิน เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย มีชื่อของ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” และ “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” เป็นการบอกใบ้ว่า…
เลือกตั้งวันนี้ก็ได้!
กระแส “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ถือว่าแรงมากครับ
นี่คือสิ่งที่พรรคส้มไม่มี
และไม่น่าจะมีในระยะอันใกล้นี้
ผู้บริหารที่ผ่านการบริหารบริษัทระดับโลก ประสบความสำเร็จมากมาย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชน์ได้ไม่กี่วัน ได้รับเสียงชื่นชมว่า “ของจริง”
เมื่อเทียบมือดีที่สุดที่พรรคส้มมีคือ “ศิริกัญญา ตันสกุล” แล้วถือว่าห่างชั้นมาก
ประวัติการทำงานของ “ศิริกัญญา ตันสกุล” ที่ดูดีที่สุดคือ เคยทำงานที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
ในฐานะ “นักวิจัย”
แน่นอนครับ “ศิริกัญญา ตันสกุล” น่าจะเป็น ๑ ใน ๓ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคส้ม แต่วันนี้ไม่มีการประกาศให้เป็นข่าว
ถ้าพรรคส้มชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ถล่มทลายสมใจนึก ฉากทัศน์การเมืองไทยจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
แต่ต้องวงเล็บว่า ถ้าพรรคส้มไม่ปลิ้นปล้อน
สิ่งที่น่ากลัวสำหรับพรรคส้มคือ การเขย่าประเทศครั้งใหญ่
แล้วมันดีต่อประเทศหรือไม่
ให้ดูบทบาทของ “ซานาเอะ ทาคาอิจิ” นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบันเป็นตัวอย่าง
พยายามแหวกประเพณีการเมืองญี่ปุ่น รวมทั้งความห้าวหาญ เพราะคิดว่าเดินตามก้นอเมริกาแล้วราชสีห์จะไม่ขย้ำ!
ครั้งหนึ่ง ญี่ปุ่นพยายามอย่างหนักที่จะเชื่อมสัมพันธ์อันดีกับจีน แม้ทั้ง ๒ ประเทศมีประวัติศาสตร์บาดหมางและขมขื่นต่อกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
“คาคุเออิ ทานากะ” อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ใช้ความพยายามอย่างมากในการญาติดีกับจีน
ปี ๒๕๑๕ “คาคุเออิ ทานากะ” พบกับ “โจว เอินไหล”
ผู้นำทั้งสองบรรลุแถลงการณ์ร่วมจีน-ญี่ปุ่น
มีข้อตกลงสำคัญคือ ญี่ปุ่นรับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในฐานะรัฐบาลจีนเพียงประเทศเดียว
นั่นเท่ากับญี่ปุ่นตัดสัมพันธ์กับไต้หวันไปโดยปริยาย
ขณะที่จีน แสดงความขอบคุณ สละสิทธิ์ข้อเรียกร้องค่าชดเชยสงครามจำนวนมหาศาลจากญี่ปุ่น ทั้งๆ ที่ขณะนั้นจีนยากจนกว่าญี่ปุ่นมาก
“โจว เอินไหล” กล่าวว่า…
“…เป็นความจริงที่ชาวจีนเป็นเหยื่อของลัทธิทหารญี่ปุ่น แต่แท้จริงแล้วชาวญี่ปุ่นก็เป็นเหยื่อเช่นกัน จีนไม่สามารถยอมรับค่าปฏิกรรมสงครามได้ เพราะมันผิดศีลธรรม…”
ขณะนั้น “ซานาเอะ ทาคาอิจิ” มีอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ อยู่เลย
แต่เด็กน้อยในวันนั้น วันนี้ประกาศ “ญี่ปุ่นอาจตอบโต้ด้วยกองกำลังป้องกันตนเองหากจีนโจมตีไต้หวัน”
หมายความว่าญี่ปุ่นพร้อมจะทำสงครามกับจีน!
คำพูดนี้ได้สร้างวิกฤตระหว่างจีนกับญี่ปุ่นอีกครั้ง
จีนตอบโต้เบาะๆ ด้วยการเตือนพลเมืองของตนเองให้ “หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังญี่ปุ่นในช่วงเวลาอันใกล้”
แนวทางของ “ซานาเอะ ทาคาอิจิ” ไม่ต่างจากพรรคส้มสักเท่าไหร่
เอาใจสหรัฐ เอาตัวออกห่างจากจีน
ไม่มีคำว่าถ่วงดุล
ถ้าพรรคส้มเป็นรัฐบาล และย้ำว่าไม่ปลิ้นปล้อน พลิกลิ้น สิ่งที่เราจะได้เห็นในอนาคตคือ รัฐบาลไทยภายใต้การนำของพรรคส้ม คือการเรียกร้องให้จีนปล่อยอุยกูร์เป็นอิสระ
ประณามจีนว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน
นี่ไม่นับรวมเรื่องปฏิรูปสถาบัน ปฏิรูปกองทัพ แก้ ม.๑๑๒ นะครับ.
