ระวังซึมเศร้าจากเบาหวาน เพราะการดูแลจิตใจสำคัญไม่แพ้กัน

ระวังซึมเศร้าจากเบาหวาน เพราะการดูแลจิตใจสำคัญไม่แพ้กัน

โรคเบาหวาน เป็นโรคที่ทำให้วิถีชีวิตอาจต้องเปลี่ยนไปในทุกมิติ ทั้งต้องใส่ใจทั้งในเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย การดูแลตัวเอง การรักษาอย่างต่อเนื่อง และอีกมากมาย ภาระที่หนักอึ้งเหล่านี้ทำให้หลายคนมองข้ามเรื่องสำคัญนั่นคือ “การดูแลจิตใจ” การดำเนินชีวิตที่ต้องเปลี่ยนอย่างฉับพลัน อาจสร้างความเครียดและนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้

ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านเบาหวาน ฮอร์โมน และเมตะบอลิสม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มองเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพใจในผู้ป่วยเบาหวาน จึงได้จัดงาน วันเบาหวานโลก 2568 “สุขได้..แม้มีเบาหวาน” ด้วยกิจกรรมมากมายที่ช่วยสร้างความสุขและให้ความรู้แก่ผู้ร่วมงาน โดยเฉพาะบนเวทีเสวนาที่หลายคนตั้งตารอคอย ในหัวข้อเรื่อง การดูแลสุขภาพจิตใจในผู้เป็นโรคเบาหวาน โดยมี รศ.ดร.กุลยา พิสิษฏ์สังขการ อาจารย์ประจำคณะจิตวิทยาและนักจิตวิทยาคลินิก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นพ.วิทวัส แนววงศ์ อายุรแพทย์สาขาวิชาต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นผู้ดำเนินการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้

เริ่มดูแลใจ ไปพร้อมกับดูแลสุขภาพ
“ในมุมมองของหมอเบาหวาน หลายครั้งเรามีเวลาพูดคุยกับคนไข้อย่างจำกัด”
นายแพทย์วิทวัสเปิดการเสวนาด้วยมุมมองการทำงานของตนในฐานะแพทย์ที่ต้องวินิจฉัยโรคเบาหวานมานับไม่ถ้วน “หน้าที่เราต้องบอกให้คนไข้ไปคุมอาหาร ออกกำลังกาย แนะนำเรื่องยา และอีกหลาย ๆ อย่าง จนบางครั้งเรามองข้ามเรื่องคำแนะนำด้านสุขภาพจิตใจ เพราะผู้เป็นเบาหวานมักเกิดความเครียด ทำให้เวลานั้นไม่สามารถรับข้อมูลได้ครบ และเกิดปัญหาตามมา”
เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน เปรียบเสมือนฟ้าผ่าลงกลางวงสนทนา พร้อมกับคำถามมากมายวนเวียนในหัวว่า ชีวิตเราจะไม่เหมือนเดิมไหม ? อาหารที่เคยชอบจะกินได้ไหม ? จะต้องเสียเงินเยอะไหม ? จะเป็นภาระใครหรือเปล่า ? และคำถามอีกมากมายที่มักจะเป็นความคิดเชิงลบ ประกอบกับแนวทางการรักษาจากแพทย์ที่ถาโถมเข้ามาในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ รศ.ดร.กุลยา พิสิษฏ์สังขการ ในฐานะนักจิตวิทยาคลินิก จึงได้ให้คำแนะนำเบื้องต้นถึงการจัดการความคิดเพื่อจัดการความเครียด ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ป่วยสามารถเริ่มต้นได้ด้วยตนเอง

“เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน อันดับแรกอยากให้เข้าใจตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะปรับตัวได้ในทันทีทันใด อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงแรก เช่น การปฏิเสธความจริง ความโกรธ ความเสียใจ สามารถเกิดขึ้นได้ แต่อยากแนะนำให้ตั้งสติ และตั้งเหตุผลให้ชัดเจนว่า ต่อจากนี้เราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออะไร เช่น เพื่ออยู่กับคนที่รักไปนาน ๆ หรือ เพื่อใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข การชัดเจนในสิ่งนี้จะช่วยให้ก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เป็นแรงผลักดันให้มีไฟในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ความเครียดจะลดลง กำลังใจจะเพิ่มขึ้น และที่สำคัญสามารถลดโอกาสที่อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้”

เฝ้าระวังสัญญาณเตือนภาวะซึมเศร้า ในผู้เป็นโรคเบาหวาน
“ความเครียด โดยปกติแล้วหากมีวิธีการจัดการความเครียดที่ดี ย่อมรับมือได้ แต่อยากให้ผู้เป็นโรคเบาหวานลองสังเกตตัวเองเพิ่มว่า สิ่งที่เคยทำให้เราผ่อนคลาย ยังสามารถดึงเราขึ้นได้หรือเปล่า รวมถึงสังเกตการเปลี่ยนแปลงในด้านของการกินการนอนว่า นอนมากขึ้น นอนน้อยลง กินมากขึ้น หรือกินน้อยลง รวมไปถึงการเป็นโรคเบาหวานทำให้เรามองตัวเองในแง่ลบหรือเปล่า รู้สึกว่าโรคนี้ทำให้เราไม่มีคุณค่าพอจนอยากทำร้ายตัวเองหรือไม่ ถ้ามีสัญญาณเหล่านี้ควรพบหมอโดยด่วน จะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่เที่ยงตรงที่สุด และรักษาได้ทันท่วงที ขณะเดียวกันคนข้างกายเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยสังเกตอาการ และช่วยเหลือทางใจได้อย่างมาก”

บุคคลรอบข้าง คือ เสาหลักแห่งความเข้าใจ
แม้การเริ่มต้นที่ตนเองจะเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลจิตใจของผู้เป็นโรคเบาหวาน แต่เสาหลักสำคัญที่เป็นที่ยึดมั่นสำหรับผู้ป่วย คือ บุคคลรอบข้าง ทั้งครอบครัว คนรัก หรือเพื่อน ล้วนเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งในการมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ
“คนรอบข้างมีความสำคัญ เหมือนเป็นผู้คอยค้ำยันช่วยให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับผู้ดูแลก็ต้องอย่าลืมมองว่า บางครั้งเรามุ่งแต่การดูแลเรื่องเบาหวานอย่างเดียว จนลืมความรู้สึกบวกในการอยู่ร่วมกัน เราควรให้พื้นที่ผู้ป่วยได้มีพื้นที่ในการได้ดูแลตัวเองบ้าง อาจจะเข้าไปช่วยในจุดที่เขาเริ่มมีปัญหา หรือคอยสังเกตอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ แค่ทำให้เขาทราบว่า มีคนที่พร้อมจะซัปพอร์ตอยู่ตรงนี้เสมอ เป็นวิธีที่จะแบ่งพื้นที่กันได้ง่ายที่สุด”

“สำหรับผู้เป็นเบาหวาน การดูแลตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้กำลังกายและกำลังใจเยอะ อยากบอกว่า แม้คนอื่นจะใจดีกับเรา คุณหมอหรือคุณพยาบาลจะดูแลดีขนาดไหน ก็คงไม่สำคัญเท่าการที่เราต้องใจดีกับตัวเองด้วย ระหว่างการดูแลตัวเอง ย่อมต้องมีขึ้น ๆ ลง ๆ บ้าง เราต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้ และใช้สติในการดูแลตัวเอง ตรงนี้น่าจะช่วยให้ผ่อนคลายและสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นค่ะ” อาจารย์กุลยากล่าวปิดท้ายการเสวนาด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าโรคเบาหวานจะทำให้การใช้ชีวิตมีข้อจำกัดมากขึ้น แต่เราสามารถข้ามข้อจำกัดนั้นได้ด้วยการมีสุขภาวะที่ดี ไม่ว่าจะเป็น กาย ใจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ซึ่งกุญแจสำคัญในการจะมีสุขภาวะที่ดีในแต่ละด้านได้นั้น สามารถเริ่มต้นได้ที่ตนเอง เมื่อออกสตาร์ทพร้อมกับสุขภาวะที่ดี ย่อมก้าวข้ามผ่านทุกอุปสรรคได้ด้วยความสบายใจ และเดินทางไปกับโรคเบาหวานได้อย่างเป็นสุขในระยะยาว.

Written By
More from pp
พาคุณแม่มาอิ่มอร่อยกับแกรนด์ วีกเอน บุฟเฟต์ ที่เดอะ กลาส เฮ้าส์ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ
เนื่องในโอกาสวันแม่ที่จะมาถึงนี้ ทางโรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบของขวัญแด่คุณแม่คนพิเศษของคุณ ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ “คุณแม่ทานฟรี” เมื่อมาทานพร้อมผู้ใหญ่อีก 3 ท่าน ที่ห้องอาหารเดอะ...
Read More
0 replies on “ระวังซึมเศร้าจากเบาหวาน เพราะการดูแลจิตใจสำคัญไม่แพ้กัน”