ขาที่ ๗ “ขาวัดใจ” รัฐบาล #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

มันต้องเป็นเช่นนั้น!

เมื่อไทยเปิด “ประตูสวรรค์” ให้เข้า แต่เขมรไม่ยอมเข้า

กลับไปเลือกเข้า “ประตูนรก”

โดยลอบวาง “กับระเบิด ”ที่ห้วยตามาเรีย ตรงข้ามปราสาทพระวิหาร ศรีสะเกษ ละเมิด “ปฎิญญานำร่องสันติภาพ” จนทหารไทย “ขาขาด” เป็นรายที่ ๗!

เขมร…เตรียม “หัวขาด” ได้เลย นับจากนี้

คนไทยหมดความอดทน-อดกลั้นกับ “ตระบัดสัตย์สันติภาพ” ครั้งแล้ว-ครั้งเล่าของมึงแล้ว

“นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล” ประกาศิต

 “ปฎิญญาสันติภาพทำให้เราคิดว่า “ความเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศไทย-ต่อภัยความมั่นคง” จะลดลงไป

แต่มัน ”ไม่ได้ลด”!

เมื่อไม่ลด เราจะดำเนินการอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ ทุกอย่างตามที่ตกลงกันไว้ จะต้อง “หยุดการดำเนินการ”

รายละเอียด จะให้ “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รมว.กลาโหมและ “กองทัพ” ชี้แจง

สิ่งที่ผมยืนยันกับท่าน “ท่านว่าไปเลย” ขึ้นอยู่กับท่าน ผมตามท่านทุกอย่าง”

ก็ชัดเจน….
นายกฯ “ไฟเขียว” ให้กองทัพใช้ “ปฎิบัติการทางทหาร” ดับอหังการเขมร สั่งสอนให้มันหลาบจำ

ว่าการลองดีไทยนั้น มีค่าต้องจ่ายขนาดไหน?

คำว่า “ทุกอย่างตามที่ตกลงกันไว้” จะต้อง “หยุดการดำเนินการ” จากปากนายกฯ นั้น

“ตามที่ตกลงกัน” คือ “หยุดยิง-หยุดปะทะกัน”

แต่เมื่อเขมรละเมิดข้อตกลง….

นอกจากไม่ร่วมเก็บกู้กับระเบิดแล้ว ยังลอบวางกับระเบิดในเขตไทย จนทหารลาดตระเวณของไทย ขาขาดเป็นรายที่ ๗

นี่คือเขมรละเมิดข้อตกลง

“เปิดก่อน” เป็นครั้งที่ ๒!

ฉะนั้น “สมเหตุ-สมผล” ที่ไทยจะต้องปฎิบัติการทวงคืนจากเขมร ชนิด “ทบต้น-ทบดอก” ให้กับทหารที่ขาขาดทั้ง ๗ นาย

และชาวบ้านที่กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ อุบลฯ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ที่บาดเจ็บและตาย จากจรวด BM-21 ที่เขมรยิงเข้ามา รวม ๔๕ ชีวิต เมื่อ ๒๔ กรกฎา.๖๘

นอกจากกองทัพต้องปฎิบัติการสั่งสอนให้สาสมแล้ว สมควรที่ทางรัฐบาล จะต้องเรียกค่า “ปฎิกรรมสงคราม” จากเขมร ให้พลเรือนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บด้วย

กองทัพเป็นของประชาชน

รัฐบาลเป็นของประชาชน

ครั้งนี้ ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดอีกครั้งหนึ่งแล้วว่า “เขมรพูดจาเชื่อถือไม่ได้” ประชาชนส่วนใหญ่ ลงความเห็นว่า

“กองทัพควรจัดการเขมรให้มันจบๆกันไปเลย”!

ผมก็คิดเช่นนั้น พี่น้องชาวอีสานใต้และตามชายแดนไทย-เขมร จากอีสานจรดตะวันออก “พูดไม่ผิด” ว่าเขมรเชื่อไม่ได้จริงๆ

ในที่สุด ทหารไทยก็ต้องสังเวย “ปฎิญญาสันติภาพ” กับเขมรสับปลับ “ด้วยขา” เป็นรายที่ ๗!

ถ้า “รัฐบาล-กองทัพ” ไม่สั่งสอนเขมรให้สาสม ปล่อยให้ทหารไทยต้องขาขาดอีกเป็นรายที่ ๘ ละก็

ผมว่า….กองทัพก็อยู่ยาก

รัฐบาลก็อยู่ยาก

เพราะคำว่า “ปฏิวัติประชาชน” โดยประชาชน เพื่อพิทักษ์ศักดิ์ศรีชาติและอธิปไตยไทย เกิดขึ้นแน่!

วันนี้ (๑๑ พ.ย.๖๘) นายกฯ อนุทินจะบินไปลงพื้นที่ ที่ห้วยตามาเรีย ไปเยี่ยมทหารที่บาดเจ็บที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลฯ

เปิดประชุมกับขุนทหารในประเด็น “หยุดปฏิญญาสันติภาพ” ที่ลงนาม Joint Declaration ไว้กับเขมร ที่มี “ประธานาธิบดีทรัมป์” เป็นสักขีพยาน

นายกฯ หน้าเครียด…ย้ำ

“ผมเห็นด้วยกับการดำเนินการของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ สิ่งที่เราดำเนินการมาโดยตลอด “จะหยุด”

หยุดจนกว่ามีความชัดเจน

ผมจะแจ้งไปยังกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ว่าต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยต้องการเท่านั้น”

อะไรล่ะ คือ “สิ่งที่ประเทศไทยต้องการ?”

ชัดๆ ตรงๆ คือ “ต้องการให้ปฎิบัติการสั่งสอนเขมรและให้ปิดด่านถาวร จนกว่าตระกูลฮุนสิ้นฤทธ์ ต้องคลานมากราบตีนไทย”

ตอนนี้ สิ่งที่เขมรได้รับแน่ๆ คือ

-ไม่มีการส่งตัว “๑๘ เชลยศึก” คืนให้เขมร

-ไม่มีการเปิดด่านไทย-เขมร “ปิดตาย” ต่อไปทุกด่าน

-ไม่มีแรงงานเขมรทั้งเข้าและออก

ทีนี้ มาดูปฎิกริยารัฐมนตรีกลาโหม “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” บ้าง เมื่อนายกฯ ไฟเขียวให้กองทัพ “จัดการเขมร” ได้

เริ่มจากถูกนักข่าวรุมซักกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิด จะตอบโต้หรือนั่งหลับตา “ยุบหนอ-พองหนอ” ท่านตอบว่า

“การเป็นผู้บังคับบัญชา การจะพูดอะไรมันต้องใช่ ซึ่งการพูดไปก่อนโดยที่ยังไม่ตรวจสอบไม่ใช่วิสัยของผม

เมื่อครู่ ผมได้เร่งรัดคำตอบจาก “ผู้บัญชาการทหารบก” และ  “กองทัพภาคที่ ๒” ซึ่งกองทัพภาคที่ ๒ ได้ให้ข้อมูลว่า

“พื้นที่ที่เกิดเหตุ เป็นเป็นพื้นที่ที่ลาดตระเวนอยู่เป็นประจำ”

และวันนี้ ผู้ใต้บังคับบัญชาของผมประสบเหตุขาขาด ซึ่งผมต้องขอแสดงความเสียใจต่อทหารที่ประสบเหตุ

แม่ทัพภาคที่ ๒ คาดว่า “เป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่”

เพราะฉะนั้น เป็นการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาที่ไม่เคารพต่อผลการลงนามในปฏิญญา เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘        

ผมจึงได้ขออนุมัติจากนายกฯ อนุทิน “ให้หยุดการปฏิบัติตามปฏิญญา” ดังกล่าวไว้ก่อน

และได้ทำ “หนังสือประท้วง” ตามลำดับไปยัง “กระทรวงการต่างประเทศ”และก็จะตรวจสอบอีกต่อไป

ถ้าพบว่าเป็นท่าทีที่ “รุกล้ำอธิปไตย” ก็จะต้องมีการปฏิบัติมากกว่านี้”

ตอนนี้ได้ทำหนังสือไปยัง “คณะผู้สังเกตการณ์” และ “ผู้สังเกตการณ์” จากประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย

ซึ่งขณะนี้ “คณะผู้สังเกตการณ์” หรือ AOT ก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผมขอยืนยันว่า

“ขอหยุดปฏิบัติการลงนามตามปฏิญญาที่นายกรัฐมนตรีไทยไปลงนามกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาไว้ก่อน ซึ่งนายกฯ เห็นชอบแล้ว”

ประเด็นน่าสนใจ ก็ตรงที่นักข่าวถาม “ที่บอกจะทำมากกว่าประท้วงคืออะไร?”

พลเอกณัฐพล ว่า “จะให้ตอบก่อนได้อย่างไร”!

ก็จริงของท่าน

ในขั้นต้น ก็ต้องพูดกว้างๆ แบบนี้แหละ เพราะเรื่องนี้ แม้นายกฯ จะไฟเขียว แต่กองทัพจะปุบปับไปฝ่ายเดียวก็ยังไม่ได้

จะต้องประชุม “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” ก่อน ดำเนินงานตามขั้นตอนทูตในเวทีโลก สร้างกรอบความชอบธรรมให้เราก่อน

จะหุนหันพลันแล่น ตูมตามไปด้วยอารมณ์ที่ขาดสติกรอง มันอาจสะใจประเดี๋ยว-ประด๋าว

แต่ความยุ่งยากมันจะตามมายาวให้สะสางโดยไม่จำเป็น!

ที่พลเอกณัฐพลบอก “จะต้องมีปฎิบัติการมากกว่านี้”

“มากกว่านี้” ความหมายของท่าน มันต้องมากกว่า “อี๋อ๋อสันติภาพ” แน่

น่าจะ “จัดหนัก-จัดเต็ม” อัดให้มันพังพาบไปอีกซักรอบ ไม่งั้น ชาวบ้านจะหันมาอัดท่านพังพาบแทนแน่!

อย่างอื่น ผมไม่ติดใจ ติดใจอยู่คำเดียวที่ท่านพูดเป็นเงื่อนไขของการไปสู่ “ปฎิบัติการมากกว่านี้”

ที่ว่า… ถ้าพบว่าเป็นท่าทีที่ “รุกล้ำอธิปไตย” นั่นน่ะ!

“ขาที่ ๗” ของทหาร เห็นจะจะ สดๆ ร้อนๆ จากกับระเบิดขนาดนี้แล้ว ท่านยังไม่พบท่าทีที่ “รุกล้ำอธิปไตย” จากเขมรหรือ…ท่าน?

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว….
อดนึกถึงคำพูดของ “เสนาธิการทหาร” กองบัญชาการกองทัพไทย “พล.อ.มนัส จันดี” ไม่ได้

เมื่อเดือนกันยา.ท่านเดินทางลงพื้นที่บ้านภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิดจนต้องตัดขา

“พล.อ.มนัส” กล่าวว่า…..

“ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะจนถึงปัจจุบัน มีทหารไทยเสียขาไปแล้ว ๖ นาย จะต้องไม่มีขาที่ ๗”

หากยังเกิดเหตุซ้ำตามแนวชายแดน ไทยรู้ดีว่าใครเป็นฝ่ายวางระเบิด ไม่ว่ากัมพูชาจะปฏิเสธอย่างไร

เพราะไทยมีข้อมูลทั้งตำแหน่งที่ตั้งหน่วย ชื่อผู้บังคับบัญชา และชนิดระเบิดที่ใช้ โดยเฉพาะ PMN-2 ที่กองกำลังฝ่ายกัมพูชานำมาวาง

“หากยังมีขาที่ ๗ เกิดขึ้น ถือเป็นความชอบธรรมที่เราจะยิงปืนใหญ่ตอบโต้ไปยังพิกัดหน่วยของคุณ”

แล้วเมื่อวาน (๑๐ พ.ย.) ขาที่ ๗ ก็เกิดขึ้น จึงอยากให้กองทัพเขมร สำเหนียกประโยคที่ “พลเอกมนัส” ทิ้งท้ายไว้ให้ดีๆ ว่า

“หากคิดจะรบกันจริง ก็ประกาศมาตรง ๆ…..

อย่าลอบวางระเบิด เพราะมันทำร้ายชีวิตกำลังพลอย่างรุนแรงและไร้มนุษยธรรม

ฉะนั้น เตรียมตัวได้เลย…พวกมึง

“ความชอบธรรมที่เราจะยิงปืนใหญ่ตอบโต้ไปยังพิกัดหน่วยของคุณ” อาจเป็น “ฝันที่เป็นจริง” ของพวกสายเลือดลิ้นสองแฉก!

“พลเอก อุกฤษฏ์ บุญตานนท์” ผู้บัญชาการทหารสูงสุดประกาศท่าที “กองทัพไทย” แล้วว่า

“กองทัพไทย ยุติข้อตกลงจนกว่ากัมพูชาจะมีความจริงใจอย่างชัดเจนที่จะไม่เป็น “ปฏิปักษ์”

และกองทัพไทยพร้อมจะรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ รวมถึงความผาสุกของพี่น้องประชาชนไทยทุกคน”

ขณะนี้….

-ศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ ถูกเขมรเยาะเย้ย-หมิ่นหยาม

-ความผาสุกของพี่น้องประชาชนไทยทุกคน ถูกเขมรทำลาย

รัฐบาลพร้อมแล้ว

ทบ.,ทอ.และ ทร.พร้อมแล้ว

ประชาชนก็พร้อมแล้ว

เขมร…มึงแหย่ “เสือจำศีล” ตอนนี้ก็ “ออกพรรษา” แล้ว

ฉะนั้น…มึงเตรียมรับ “กฐินหลง” ได้เลย!

เปลว สีเงิน

๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ

 

Written By
More from plew
สัญญาน “ล้างบาง” ตำรวจ
ขออาลัย………. ต่อการสิ้นอายุขัยของ “นายชัย ชิดชอบ” อดีตประธานรัฐสภา ที่บ้านจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวาน (๒๔ มค.๖๒) ด้วยวัย ๙๒ ปี
Read More
0 replies on “ขาที่ ๗ “ขาวัดใจ” รัฐบาล #เปลวสีเงิน”