“ตาควาย” ต้องใจเย็น #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน 

ตอนนี้…..

คนไทย “ร้อนอก-ร้อนใจ” เรื่อง “ปราสาทตาควาย” กันมาก!

กลัวจะเสีย “ทั้งปราสาท-ทั้งดินแดน” ให้กับเขมร จน “กินได้น้อย-แต่ดื่มหนัก” ไปตามๆ กัน

ผมก็อยากลูบหลัง-ลูบไหล่ เป็นการปลอบใจว่า

ตราบใดที่เขมรมันแซะ “ปราสาทตาควาย” ทั้งหลัง ยกไปจากที่ตั้งปัจจุบัน คือที่ ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ไม่ได้

ตราบนั้น ขอให้พ่อแม่ พี่น้อง ลุง ป้า น้า อา และลูกๆ หลานๆ เหลน โหลน รวมทั้งที่อยู่ในท้องว่า ทุกคนสบายใจได้

ยังไงๆ “ปราสาทตาควาย” ก็ยังเป็นของไทย อยู่ในแผ่นดินไทย วันยันค่ำ-คืนยันรุ่ง ไม่มีไอ้เขมรตูดหมึกตัวไหน มาเอาไปได้หรอก

“ทิดเปลว” คนนี้ ขอเอาหัวเป็นประกัน!

ตอนนี้ ปล่อยให้มันดมกลิ่นผายลมตัวเองแล้วทึกทักเป็นกลิ่นเต่าฮุนเซน ว่าหอมชื่นใจ ชั่วมื้อ-ชั่วคราว ไปซักพักก่อนเหอะ

แล้วเดี๋ยวมันก็จะลู่ซึก!

หารู้ไม่ว่า รัฐบาลอนุทินและกองทัพ ตอนนี้ เขาไม่เล่นหมากรุกแล้ว แต่เขากำลังเล่น “หมากล้อม”!

ฉะนั้น ในฐานะคนแผ่นดินติดกัน ขอกระซิบเอาบุญ ว่า

“ขณะนี้โลกล้อมเขมร “ศูนย์กลางอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโลก” ไว้หมดทุกด้านแล้ว

“ฮุน ๒ พ่อลูก” จงออกมามอบตัวซะดีๆ ยก ๒ มือประสานไว้เหนือศีรษะ แล้วเดินลงจากอำนาจไปซะดีๆ เลือกเอา ว่าอยากไปอยู่ประเทศไหน (ที่ไม่ใช่ไทย)?”

นี่…..

“ชะตาชีวิต-ลิขิตกรรม” ของสมเด็จที่สถาปนาให้ตัวเองอย่างฮุนเซนจะต้องเจอ!

สมมติ ถ้าเขมรไม่ยอมถอยออกไปจากปราสาทตาควาย

ก็ต้องบอกว่า ทางสวรรค์มีให้เดิน เขมรกลับไม่เดิน กลับไปเลือกเดินทางนรก!

ทำไมน่ะหรือ?

ก็เขมรเดินพลาดเข้ามาในวงหมากล้อมของไทยน่ะซี!

ไทยน่ะ ไม่อยากหักหาญเอาด้วยกำลัง จึงเปิดทางให้เขมรถอย ด้วยการตั้ง ๔ เงื่อนไข ให้ “ต้องปฎิบัติ”

ปฎิบัติจนเป็นที่พอใจฝ่ายไทยแล้วนั่นแหละ ไทยจึงจะเปิดเส้นทางสันติภาพให้

-คืนเชลยศึก ๑๘ คน ให้

-เปิดด่านชายแดนให้

-ให้คนเขมรเข้ามาขายแรงงานได้

๔ เงื่อนไข ก็อย่างที่บอกไปเป็นสิบ-เป็นร้อยครั้ง คือ

๑.ต้องถอนอาวุธหนักจากชายแดนกลับสู่ที่ตั้ง

๒.ต้องร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

๓.ต้องปราบแก๊งสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์

๔.ต้องถอยออกไปจากพื้นที่ที่เขมรรุกล้ำเข้ามาในแดนไทย

เนี่ย….

ถ้าปฎิบัติได้ครบทั้ง ๔ ข้อ เป็นที่แน่ใจได้ว่าเขมรจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่งคง และไม่เป็นแหล่งเพาะอาชญากรรมทางไซเบอร์แล้ว

พรที่เขมรต้องการได้จากไทย ก็จะได้ดังใจ!

นี่คือ “หมากล้อม” เป็นแต้มไทยใช้เดินกับเขมร ไม่ต้องใช้กำลัง ไม่ต้องใช้อาวุธ เพียง “บีบให้เขมรเดิน” ไปตามตาหมากที่เราบังคับให้เดิน

ทุกอย่างก็ “ได้หมด-สดชื่น”

ปราสาทตาวัว-ตาควาย, บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ตลอดถึงทางจันทบุรีและตราด เราได้กลับคืนมาหมด

เพียงแต่ “ช้าหน่อย” ไม่ทันใจแควนๆ เลือดร้อนเท่านั้นเอง!

แล้วถ้าเขมรดื้อแพ่ง ลงนามในปฎิญญาสันติภาพ และเซ็นสัญญาใน ๔ งื่อนไขแล้ว แต่ไม่ยอมปฎิบัติตามนั้นล่ะ ไทยก็หน้าแหงไปเท่านั้นละซี?

อยากบอกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ยิ่งดีใหญ่ เพราะเขมรเข้าตาหมากกลตามที่เราคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเป๊ะเลย

ตานี้แหละ อย่าว่าแต่ลุยถึงพนมเปญเลย

“เตะหมากลางถนน” สังคมโลกยังบอกว่า..ไทยมีความชอบธรรม สมควรแล้วที่มันต้องโดนแบบนั้น!

เพราะอะไรน่ะหรือ?

เพราะ ๔ เงื่อนไขนี้ ผ่านการรับรองทั้งระดับภูมิภาควงประชุมอาเซียนซัมมิต มีประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นสักขีพยาน และผ่านทั้งวงประชุมระดับโลก คือเอเปก

ไทยยอมเดินตาม “กติกาโลก” แทนการหักหาญด้วยกำลังกับเขมรซึ่งเป็น “จอมกะล่อนโลก” และเป็น “ศูนย์กลางอาชญากรรมทางไซเบอรโลก” ที่สังคมโลกรังเกียจ ต้องการกำจัด

ดังนั้น ถ้าเขมรเบี้ยว “ข้อใด-ข้อหนึ่ง”

ไทยมีความชอบธรรมที่จะ “จัดการเขมร” โดยสังคมโลกไม่ตำหนิ ไม่คัดค้าน ไม่แทรกแซง ได้ทันที!

เพราะเขมร “ผิดเงื่อนไข” เอง

เมื่อผิดเงื่อนไข ปฎิญญาว่าด้วยการนำร้องสู่สันติภาพไทย-เขมร มันก็จบแค่นั้น ไปไม่ถึง “สันติภาพ”

เพราะเขมรเบี้ยวเอง!

ตานี้แหละ ที่ชาวบ้านรุกเร้าให้ทหารลุยให้มันจบๆกันไปเลยนั้น ได้ลุยกันจริงๆซะที เพราะตีตั๋วจาก “สังคมโลก” เรียบร้อยแล้ว

ก็ต้องแจกแจงกันอย่างนี้แหละ จะได้เข้าใจ หายรุ่มร้อนกัน และไม่เพียง “ปราสาทตาควาย” ที่ห่วงใยกัน

แผ่นดินตรงไหนที่เป็นของไทยเรา มันต้องได้กลับมาเป็นของเราทั้งหมด ชนิดถูกต้อง-ชอบธรรม มี Certificate สังคมโลกรองรับ

แต่มี “ข้อแม้” นะครับ….

ปุบปับ “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ ถ้าได้เพื่อไทยหรือพรรคบ่อนเซาะมาเป็นรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลภูมิใจไทย อันมี “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกฯ

ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ อาจ “เป็นอื่น” ตามอำนาจใหม่ก็เป็นได้!

เพราะได้ยินข่าวที่แฉกันตอนนี้ มีอดีตนายกฯ บ้าง รัฐมนตรีบ้าง สส.บ้าง อยู่เบื้องหลัง “แก๊งสแกมเมอร์” ผมยังเซ่อ ไม่รู้ว่าเป็นใคร-คนไหน?!

ก็ขึ้นอยู่กับใจของประชาชนผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินนั่นแหละ ว่าต้องการเลือกคนแบบไหน-พรรคไหนมาเป็นรัฐบาล

สรุป….

ลุยวันนี้เลยน่ะ มันไม่ยากหรอก แต่ความยุ่งยากจะตามมา

ถ้าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ถึงจะไม่ทันใจ แต่มันจะสบายถาวรในวันข้างหน้า!

ผมก็พูดได้เท่านี้แหละ เพราะลานจอดรถไทยโพสต์มันแคบ กลัวรถทัวร์จะแห่มาแหกรั้วเข้าไปจอด

เรื่องปราบแก๊งสแกมเมอร์ในเขมรนั้น ดูจะเป็นรูปธรรมจริงจังมากขึ้น เมื่อวาน (๔ พ.ย.)

นายกฯ อนุทินไปเปิดประชุม “หัวหน้าตำรวจอาเซียน” ที่โรงแรมเอราวัณ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เป็นเจ้าภาพจัด

โดยมี “เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโส” ประเทศสมาชิกอาเซียน คู่เจรจาและผู้สังเกตการณ์จากหน่วยบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ กว่า ๒๐๐ คน เข้าร่วมประชุม

ก็เป็นไปตาม ๑ ใน ๔ เงื่อนไขของไทยเราต่อเขมรในเรื่องปราบแก๊งสแกมเมอร์

“พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” ผู้ช่วยผบ.ตร.บอกว่า…..

“รองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชามาร่วมประชุมด้วย ได้พูดคุยกันในเบื้องต้นว่า ตำรวจกัมพูชาได้ตั้ง ๒ ทีมใหญ่ขึ้นมา ที่จะกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จะพยายามประสานงานกับเขา ตาม ๔ ข้อตกลง ที่นายกฯ ลงนามไว้ และจะคอยติดตามดูว่า เขาจะทำให้เราแค่ไหน?”

“ผมต้องการพูดคุยกับกัมพูชาในการส่งตำรวจเข้าไปประจำอยู่ในประเทศกัมพูชา เพื่อสังเกตการณ์ รวมถึงประเทศอื่นๆที่มีปัญหาเรื่องสแกมเมอร์และอาชญากรรมออนไลน์

แต่ในเรื่องของอำนาจหน้าที่และกฎหมาย ไม่สามารถไปจับกุมหรือสอบสวนในประเทศนั้นได้ เป็นแค่ทำงานใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่

ส่วนในประเทศไทยก็จะยังคงทำงาน สืบสวนสอบสวน และระบุเป้าหมายของสแกมเมอร์ต่างๆ ที่สำคัญเราต้องการส่งทีมไปเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ในการลงพื้นที่

และส่วนตัวเชื่อว่า การส่งเจ้าหน้าที่ไปเป็นเรื่องที่ดี กว่าที่จะสังเกตการอยู่ฝั่งประเทศไทย”

ถ้าเขมรไม่ให้ความร่วมมือล่ะ จะทำยังไง?

ก็มีคำตอบจากพล.ต.ท.จิรภพ สั้น แต่ใจความยาวว่า

“ต้องใช้สังคมโลกกดดัน”!

แต่คนที่พูดเคลียร์ที่สุดในเรื่องนี้ ต้องยกให้ “พล.อ.ณัฐพล​ นาคพาณิชย์”​ รมว.กลาโหม​

เมื่อวาน ท่านตอบนักข่าวเสียงดัง-ฟังชัด

“ยืนยัน “ปราสาทตาควาย” ยังเป็นของไทย​อยู่​ สื่อมวลชนทราบดีอยู่แล้ว ขณะนี้เรากำลังหารือเรื่องปล่อยเชลยศึกทั้ง ๑๘ คน

ดังนั้น ถ้าไม่สามารถเคลียร์เรื่องประสาทตาควายได้ “จะไม่คุยเรื่องอื่นอีกต่อไป”

และจะไม่มีการคุยกันอีก​ รวมถึงได้พูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาไปแล้วว่า “ทำผิดอนุสัญญา​เจนีวา” เรื่องการใช้โบราณสถานเป็นฐานที่มั่นทางทหาร

รวมไปถึงการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลล้อมรอบปราสาทที่ผิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเราไม่ยอมรับว่าเขายึดได้”

และท่านยังเคลียร์ชัดอีกหลายประเด็น เช่น

-การเปิดด่าน​ยังไม่มีการคุยอย่างแน่นอน​ ถ้ายังไม่สามารถตกลงกันได้​

-คำประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่ลงนามและทางกัมพูชาจะต้องยึดหลัก ๔ ข้อ รวมถึงเรื่อง “ปราสาทตาควาย”

-แม้เขมรถอนกำลังออกจากปราสาทตาควาย ก็ยังไม่มีการพูดคุย ต้อง “เคลียร์หมดทุกเรื่อง” ให้กลับสู่สภาพปกติก่อน

ส่ว น“ปราสาทคนา” ​ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์นั้น จะต้องไปคุยกันอีกครั้ง​

-เรื่องปราสาทตาควายนั้น ยืนยันกับทางกัมพูชาแล้วว่า “ไม่จบแน่นอน”

-ไทยจะไปร้อง “องค์กรระหว่างประเทศ” ว่ากัมพูชาทำผิดอนุสัญญาเจนีวาและออตตาวา​

“อะไรที่เป็นเขตแผ่นดินของไทยเรา ต้อง​เอาคืนมาให้หมด”

-ขอความเห็นใจ “กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์” ที่จะรวมตัวจัดกิจกรรมทวงคืนปราสาทตาควาย​ ว่าเพราะปัญหาเยอะไปหมด

สั่งสมมานาน ไม่ใช่เพิ่งเกิดปีนี้​ รัฐบาลหรือกองทัพก็พยายามแก้ปัญหาไปทีละเรื่อง

การแก้ปัญหาต้องค่อยๆทำไป อย่างไรก็ตาม กองทัพไม่ใจเย็นแน่นอน

ขณะเดียวกัน ก็เข้าใจกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่รักและเห็นแก่ประโยชน์​ของชาติ​ ก็ยึดมั่นในอธิปไตยเหมือนกับเรา

แต่ขอทำความเข้าใจ ให้เปิดโอกาส​ให้รัฐบาลและกองทัพทำงาน​

ในประเด็นประชาชนเข้าใจว่าไทยเสียปราสาทตาควายไปแล้ว และไม่พอใจรัฐบาลอย่างมากนั้น พล.อ.ณัฐพล​ ยืนยันว่า

“กองทัพจะไม่ยอม ไม่จบแน่นอน​ ถ้ายังไม่ได้ปราสาทตาควายคืน”

ต่อคำถามที่น่าสนใจ กรณีโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงยอมรับว่า “เสียปราสาทตาควาย” ตั้งแต่คืนวันที่ ๒๘ ก.ค. และไม่สามารถไปยิงเพื่อยึดคืนได้ ต้องใช้กลไกการเจรจา

ตรงนี้ ยิ่งตอกย้ำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเสียไปจริง พล.อ.ณัฐพล​ อธิบายด้วยการยกตัวอย่างว่า

“คำว่า “เสีย” ​เช่น​ “ภูมะเขือ” ​​ที่เรายึดได้ เราทำถูกต้องทุกอย่าง​ แต่ปราสาทตาควาย กัมพูชาทำผิดอนุสัญญาเจนีวา จึงต้องมีการต่อสู้ทางกฎหมาย

แต่ขอความร่วมมือ-ความเห็นใจ จากสื่อและประชาชน ว่าขอทำให้จบไปทีละเรื่อง ปัจจุบัน ปัญหาเกิดแทบทุกจุด ค่อยๆ คลี่คลายไปทีละเรื่อง ขณะนี้ เคลียร์เรื่องอาวุธหนักก่อน

ที่ “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” เรามุ่งมั่นที่จะนำที่ดินของไทยคืนมาให้ได้ แต่จะต้องทำตามขั้นตอน

ขั้นตอนแรก เคลียร์ทุ่นระเบิดออกก่อน ถ้าเร่งรัดเข้าไปสำรวจพื้นที่ เจ้าหน้าที่อาจประสบอุบัติเหตุด้วย

ดังนั้น ภายในวันที่ ๑๗ พ.ย.นี้

จะเคลียร์เรื่องทุ่นระเบิด จากนั้น จะใช้เวลาอีก ๑ เดือน เพื่อสำรวจหมุดชั่วคราว

เรื่อง “สร้างรั้ว” เดิมกัมพูชาไม่ยอมให้สร้าง แต่เรายืนยัน “นี่สร้างในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ​ต้องสร้างได้​” จนการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ล่าสุดทาง “กัมพูชายอม”

ส่วนการ “เปิดด่าน” ไม่มีแน่นอน

“หรือใครจะเปิดด่านก็ไม่ต้องมาคุยกับผม​ ผมไม่คุย​แน่นอน​ เรื่องเปิดด่านชีวิตนี้”

ครับ….ก็พยายามสรุปๆ ในประเด็นที่ควรรู้มาให้รู้กัน หมั่นฟังข่าวทางการไว้ อย่ารีบเชื่อ “ข่าวปล่อย-ข่าวปั่น”

ที่บ้านเมือง-สับสน-วุ่นวาย ทุกวันนี้

ส่วนหนึ่งเพราะ คนมีหู แต่ไม่มี “หินถ่วง” นี่แหละ!

เปลว สีเงิน

๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ

 

 

Written By
More from plew
การเมืองกับครูบาเจ้าศรีวิชัย
ก็ต้อง “สาธุ” อีกครั้ง กับกุศลเจตนาของ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” “พุทธะ” เป็นที่ใจ ไม่ได้เป็นเพราะกายคลุมจีวร! ตามที่หลวงปู่เคยบอก จะครองจีวรคือสู่สมณเพศในวันที่ ๕ ธันวา.นั้น...
Read More
0 replies on ““ตาควาย” ต้องใจเย็น #เปลวสีเงิน”