ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. กล่าวว่า สปสช. ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการร่วมให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ของโรงพยาบาลเอกชน โดยมีเนื้อหาระบุว่า ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนเพียงจำนวน 10 แห่ง จากจำนวน 400 แห่งทั่วประเทศ ที่ร่วมให้บริการประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทองนั้น สปสช. ขอเรียนว่าข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนอย่างมาก ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทุกประเภท 290 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ ประจำ และรับส่งต่อซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลประจำตัวของผู้ป่วย จำนวน 22 แห่ง
นอกจากโรงพยาบาลเอกชนแล้ว ยังมีสถานพยาบาลเอกชนที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการนวัตกรรม 30 บาทรักษาทุกที่ 7 ประเภท อีกจำนวน 13,493 แห่ง ได้แก่ คลินิกเวชกรรม 887 แห่ง คลินิกทันตกรรม 1,913 แห่ง ร้านยา 3,900 แห่ง คลินิกการพยาบาล 5,489 แห่ง คลินิกแพทย์แผนไทย 710 แห่ง คลินิกกายภาพบำบัด 370 แห่ง และคลินิกเทคนิคการแพทย์ 224 แห่ง นอกจากนั้นยังมีคลินิกชุมชนอบอุ่นอีก 227 แห่งที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วย
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า สำหรับข้อมูลที่ปรากฏข้างต้นนี้ สะท้อนให้เป็นว่า ยังมีสถานพยาบาลเอกชนที่ยังร่วมให้บริการกับ สปสช. อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนไม่ได้ลดลงเหลือเพียง 10 แห่งตามที่มีการนำเสนอข่าว ซึ่ง สปสช. ต้องขอขอบคุณความร่วมมืออันดีจากสถานพยาบาลเอกชนที่ร่วมให้บริการในระบบ รวมถึงหน่วยบริการภาครัฐต่างๆ ด้วย
อย่างไรก็ดี สปสช. มีความเข้าใจดีว่า ในช่วงเวลานี้การบริหารของ สปสช. กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในกระแสข่าวที่สื่อให้ความสนใจอย่างมาก ดังนั้นหากปรากฎข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อน สปสช. ต้องขอชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อให้รับทราบและขอความเป็นธรรมในข่าวที่เกิดขึ้นเช่นกัน และขอให้ร่วมเผยแพร่ให้กับสังคมได้รับทราบข้อเท็จจริงนี้ด้วย
“สปสช. ขอขอบคุณอย่างยิ่ง เนื่องจากขณะนี้มีหลายฝ่ายที่ต่างกังวลต่อระบบและออกมาร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนการบริหารของ สปสช. ซึ่งทางสำนักงานฯ มีความยินดีรับข้อมูล และขอย้ำว่าในการบริหารของ สปสช. ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีเป้าหมายคือการดูแลประชาชนเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นต่อหน่วยบริการ ซึ่งขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการปรับการดำเนินการ และได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อแก้ไขแล้ว ซึ่งจะเร่งทำโดยเร็ว” โฆษก สปสช. กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
1.สายด่วน สปสช. 1330
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
• Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://www.facebook.com/NHSO.Thailand
