ผักกาดหอม
บอกแล้ว…ดีลจบตั้งแต่ตั้งรัฐบาลโน้น…
วานนี้ (๗ ตุลาคม) ที่พรรคภูมิใจไทยคึกคักครับ
หัวกระไดเป็นเมือกเลยทีเดียว
มีแขกเข้าพรรคนับไม่ถ้วน
ตั้งแต่ระดับหัวยันหางของพรรคการเมืองอื่น ที่มุ่งหน้าเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย
จะเรียกกลยุทธ์อะไรดี
โฮลดิง คอมปานี, ควบรวม, ซื้อยกพรรค, รักทุกก๊วน เหมือนสมัยที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ตั้งพรรคไทยรักไทย
หรือกลยุทธ์ตีท้ายครัวบ้านใหญ่ สมัยที่ “ลุงตู่” ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ
จะเรียกว่ากลยุทธ์อะไรก็ตามแต่ ผลลัพธ์ในทางการเมืองแทบไม่ต่างกันมากนัก เลือดเก่ายังอยู่ครบ เลือดใหม่ไหลเข้าเรื่อยๆ
พรรคภูมิใจไทยกำลังเป็นพรรคเกินร้อย
MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ที่ห้าม พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ก็คงเป็นไปตามนั้น
เป็นเรื่องยากที่ พรรคภูมิใจไทย จะสามารถ ดึง สส.ได้มากพอที่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก หากพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนไม่ร่วมรัฐบาล
ปัจจุบันรัฐบาล เสียงข้างน้อยมี ๑๔๗ เสียง
พรรคภูมิใจไทย ๖๙ เสียง
พรรคกล้าธรรม ๓๑ เสียง
พรรคพลังประชารัฐ ๑๗ เสียง
พรรครวมไทยสร้างชาติ ๑๖ เสียง
พรรคเพื่อไทย ๘ เสียง
พรรคไทยสร้างไทย ๓ เสียง
พรรคประชาธิปัตย์ ๓ เสียง
ในสภาสมัยนี้ตัวเลขกลมๆ ก็อยู่แค่นี้
ส่วนที่เพิ่มมาของพรรคภูมิใจไทยส่วนใหญ่ก็อยู่ในนี้
เกินร้อยไปแล้วครับ!
ยกเว้น ๓๑ เสียงจากพรรคกล้าธรรม ที่ยังยืนยันดำเนินกิจกรรมของพรรคต่อไป
ทีนี้ไปดูว่าวานนี้พรรคภูมิใจไทยต้อนรับใครบ้าง
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ
“จุติ ไกรฤกษ์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ
“อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” สส.ราชบุรี
“ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู” สส.บัญชีรายชื่อ
“อนุชา บูรพชัยศรี”
แต่กลุ่มนี้ทั้ง ๑๖ คน ย้ายครบไม่มีขาด
ข้ามมาจากเพื่อไทย ที่เห็นๆ มี “โกศล ปัทมะ” สส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย
“พงศกร อรรณนพพร” อดีต สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย
สองพี่น้อง ตระกูลรัตนเศรษฐ จากนครราชสีมา
สจ.อัครวัฒน์ กุลเฉลิมพัฒน์ รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
เห็นความดุเดือดสนามเลือกตั้งโคราชลอยมาเลยครับ
พื้นที่นี้จะไม่ใช่ขนมสำหรับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป
แต่การเลือกตั้งเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้หรอกครับ สส.เก่าสอบตกมีให้เห็นถมถืด
สส.หน้าใหม่ ก็มีให้เห็นเยอะแยะ
ฉะนั้นการดูด สส.ไม่ใช่สูตรสำเร็จที่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ทำให้เห็นว่า การเลือกตั้งกลางปีหน้า จะมีการต่อสู้กันอย่างหนักระหว่างพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน
ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่อยู่ในสมการที่จะกระโดดขึ้นมาเป็นพรรคขนาดใหญ่ได้
พรรคเพื่อไทยเคยได้ สส.อีสานเป็นกอบเป็นกำ สมัยพรรคไทยรักไทยกวาด “ยกภาค” แต่หลังจากนี้จะไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว
ก็รู้ๆ กันอยู่พูดถึงการเลือกตั้งมิใช่เรื่องของกระแสอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมาย โดยเฉพาะเงิน
เมื่อไหร่ก็ตามที่สนามเลือกตั้งแข่งกันดุเดือด เงินก็ทะลักไม่แพ้กัน
แล้วความจริงก็ถูกเปิดเผย…
ถ้าไม่ใช่คนในพรรคเพื่อไทยพูดก็ยังก้ำกึ่งว่าอยู่ในช่วง “ขาลง” จริงหรือไม่
แต่นี่…ระดับบิ๊กยืนยันเอง
“…ผมมองว่ามหาสารคามค่อนข้างเหนียวแน่น ที่อื่นอ่อนไหว แต่มหาสารคามไม่อ่อนไหว…”
“…ในพื้นที่ที่เสียไปคราวที่แล้วอาจจะต้องต่อสู้หนักหน่อย แต่ส่วนที่มีอยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา และเชื่อว่าคนเก่าจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยทั้งหมด…”
นั่นคือคำพูดของ “สุทิน คลังแสง”
เป็นการตอบคำถามเรื่องการย้ายพรรค และกระแสของพรรค
“สุทิน” ยอมรับตรงๆ ว่า มีความอ่อนไหวเรื่องความนิยมในพื้นที่ภาคอีสานมาก
แค่รักษาฐานเดิมเอาไว้ ก็เหนื่อยแล้ว
แต่ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยก็น่าสนใจมากเช่นกัน โดยเฉพาะการตั้ง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย
เหมือนคนกุมบังเหียนพรรคเพื่อไทยอ่านเกมว่า เลือดกำลังจะไหลล็อตใหญ่ วิธีแก้คือชิงมัดมือเอาไว้ก่อน
คนอย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ไม่ใช่นักการเมืองที่ภักดีพรรคการเมือง โดยไม่สนใจว่าพรรคจะชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่
พูดง่ายๆ อย่างที่ “สมศักดิ์” เคยบอก “ผมไม่ถนัดเป็นฝ่ายค้าน”
การให้ “สุริยะ” นั่งเป็น ผอ.เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย คือการประกาศว่า เลือดหยุดไหลแล้ว
ภาพรวมระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อไทย จึงออกมาในรูป พรรคหนึ่งพยายามหาทางหยุดไม่ให้เลือดไหล อีกพรรคพร้อมดูดเพราะมีความพร้อมมากกว่า
ส่วนพรรคประชาชน ตามโพลยังบอกว่า มาที่ ๑ แสดงว่ากระแสยังแรงไม่ตก
แต่…ในการเลือกตั้งแต่ละพรรคปรับตัวตลอดเวลา
ที่ปรับตัวได้จำนวน สส.ก็คงที่ หายไปนิด เพิ่มมาหน่อย
ที่ปรับตัวไม่ได้ จากพรรคร้อยกลายเป็นพรรคสิบต้นๆ
การต่อสู้ในสนามเลือกตั้งเป็นเรื่องที่คุยกันเป็นปีก็ไม่จบ เพราะมีรายละเอียดเยอะจริงๆ ไม่ว่าจะเล่นแบบตรงไปตรงมา หรือวิชามาร
แต่ที่แน่ๆใครที่คิดว่าตัวเองนอนมา ก็เตรียมตัวนอนต่อไม่ต้องตื่น
พรรคไหนหวังกระแสก็ระวัง เพราะไม่มีอะไรยั่งยืน
ส่วนพรรคไหนที่ถนัดใช้เงิน โอกาสถูกหลอกกินฟรีมีอยู่ไม่น้อย
เพราะวันนี้ประชาชนฉลาดขึ้นเยอะ ไม่เชื่อก็ลองดู.
