ผักกาดหอม
วันนี้ ๖ ตุลาคม
วันนี้เมื่อ ๔๙ ปีที่แล้ว เกิดเหตุการณ์นองเลือด มีการปราบปรามนักศึกษาประชาชน บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลเผด็จการทหาร
เหตุการณ์เดือนตุลาทั้ง ๒ เหตุการณ์ ในปี ๒๕๑๖ และ ๒๕๑๙ ว่ากันว่าทำให้ประชาธิปไตยเบ่งบาน
แต่ก็ชั่วครู่!
มาวันนี้ การเมืองไทยยังวนอยู่ในอ่าง แม้คนเดือนตุลาจำนวนไม่น้อยมีอำนาจทางการเมือง
จากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
จบด้วยการก้มหน้าก้มตารับใช้ “ทักษิณ ชินวัตร” ทุนการเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องคอร์รัปชัน
แต่ไม่มีอะไรสูญเปล่าครับ
อย่างน้อยๆ เราก็ได้รู้ว่า นักประชาธิปไตย มีอยู่หลากหลายรูปแบบ
บางคนมีแต่รูปแบบ แต่เนื้อหาเผด็จการดีๆ นี่เอง
บางคนเคยมีอุดมการณ์รับใช้ประชาชน
พอเป็นใหญ่เป็นโต รับใช้คนโกง
ที่จริงมิใช่เฉพาะคนเดือนตุลา คนดังที่เป็นผลิตผลจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ก็แทบไม่ต่างกัน บางคนแทบจำอุดมการณ์ของตัวเองไม่ได้
ช่วงระบอบทักษิณเรืองอำนาจ “ทักษิณ” เป็นนายกรัฐมนตรีร่วมๆ ๖ ปี มีคนกลุ่มนี้อยู่ข้างกายเต็มไปหมด เลือกใช้แทบไม่ทัน
ขณะที่คนซึ่งยึดมั่นในอุดมการณ์ตลอดมาก็มีอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาเหล่านั้น ไม่มีอำนาจทางการเมือง หรือไม่อยากเกลือกกลั้วการเมือง
เมื่อถึงวาระ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ นอกจากการรำลึกที่ค่อยๆ เลือนรางตามกาลเวลาแล้ว สิ่งที่ทั้งคนรุ่นหลัง คนรุ่นใหม่ ต้องตระหนักคือ การต่อสู้และการยึดมั่นในอุดมการณ์
อย่างน้อยเป็นบทเรียนว่า การรับใช้ประชาธิปไตยนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
เมื่อไหร่ก็ตาม ประชาธิปไตยที่รับใช้มีแต่เปลือก และรู้อยู่แล้วว่า เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม ผลสุดท้ายมิได้ถูกมองเป็นนักประชาธิปไตย
เป็นแค่สุนัขรับใช้เท่านั้นเอง
สุนัขรับใช้ที่อ้างประชาธิปไตยบังหน้า เหล่านี้ไม่ควรมีที่ยืนทางการเมือง
เพราะนอกจากหลอกลวงความหวังในประชาธิปไตยแล้ว ยังปล้นสิ่งที่เพื่อนร่วมอุดมการณ์ในอดีตสร้างขึ้นมา หวังว่าจะผลิดอกออกผลให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้อยู่กับโลกแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริง
แต่คงยากที่จะเห็นวันนั้น
เพราะคนทรยศอุดมการณ์เดือนตุลายังคงโลดแล่นอยู่ในวงการเมืองจำนวนไม่น้อย
แต่ความเป็นจริงทางการเมืองหลังจากนี้ แทบไม่มีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ในอดีตแม้แต่น้อย ไม่ว่าในแง่ตัวบุคคล หรือเหตุการณ์
จะมีก็แค่การฉกฉวยเอาอดีตมาใช้ประโยชน์ทางการเมืองในปัจจุบัน
ซึ่งก็มีให้เห็นอยู่เนืองๆ
แค่งานรำลึกหลายปีที่ผ่านมานี้ มีการนำไปสร้างคุณค่าให้พรรคการเมืองบางพรรคว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่แต่ละพรรคล้วนมีนายทุน มีเจ้าของ มีโปลิตบูโร
ร้องหาความเท่าเทียม
คนเท่ากัน!
แต่ในพรรคยังแบ่งชนชั้น
ครับ…อีก ๔ เดือนยุบสภา อีก ๖-๗ เดือนเลือกตั้ง แต่ฤดูกาลหาเสียงมาเร็ว ไม่มีใครรอใคร พรรคที่เล่นกับกระแสก็ปั่นกระแสให้หนักกว่าเดิม พรรคที่กำลังจะตายก็หาวิธีฟื้น พรรคที่เพิ่งจะหมดอำนาจก็ทำทุกวิถีทางให้อำนาจกลับมาอยู่ในมือ พรรคที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือก็บริหารแบบเหล้าพ่วงเบียร์
ช่วยชาวบ้านไปด้วยหาเสียงไปด้วย
ใครจะเป็นนายกฯ เริ่มมีการเปรียบเทียบกันแล้ว โพสต์ของ “ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) น่าสนใจครับ…
“…ประเทศไทยไม่ได้ขาดคนเก่ง-แต่ขาดผู้นำที่เก่งพอจะเชื่อม ‘จารีตxการปฏิรูป ให้กลายเป็นพลังสร้างอนาคตอย่างแท้จริง’ เนื้อหาระบุว่า ประเทศไทยกับผู้นำยุคเปลี่ยนผ่าน ประเทศเรากำลังยืนอยู่บนทางแยกสำคัญของประวัติศาสตร์ ระหว่าง ‘โลกเก่า’ ที่ยังไม่ยอมเปลี่ยน กับ ‘โลกใหม่’ ที่รอการกำหนดทิศทาง และในสมรภูมิการเมืองยุคเปลี่ยนผ่านนี้ เราเห็นผู้นำ 3 สไตล์ที่กำลังถูกจับตา…
อนุทิน ชาญวีรกูล-ผู้นำเชิงปฏิบัติ
เชี่ยวชาญระบบราชการ เข้าใจการบริหารงานรัฐ มุ่งผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม แต่คำถามคือ…จะขับไปทางไหน? ในยุคที่ประเทศต้องการ ‘วิสัยทัศน์มากกว่าแผนงาน’ และ ‘หลักการมากกว่าเกมอำนาจ’-การบริหารแบบเดิมอาจไม่พอจะพาประเทศฝ่าวิกฤติ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-ผู้นำเชิงหลักการ
เป็นสัญลักษณ์ของเสรีนิยมประชาธิปไตย เป็นตัวแทนของการเมืองที่ยังเชื่อในอุดมการณ์และความถูกต้อง ความท้าทายของเขาคือ จะเปลี่ยน ‘หลักการ’ ให้กลายเป็น ‘พลังที่ลงมือทำได้จริง’ ในยุคที่ศรัทธาทางการเมืองถูกกัดกร่อนด้วยความสิ้นหวังได้อย่างไร?
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ-ผู้นำเจเนอเรชันใหม่
สะท้อนพลังของคนรุ่นใหม่ที่ยืนหยัดเพื่อสิทธิ เสรีภาพ และความโปร่งใส แต่ต้องก้าวข้ามการเป็นเพียงสัญลักษณ์ของการต่อต้าน ให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์-จากการเรียกร้อง ให้กลายเป็นการออกแบบอนาคต ได้อย่างไร? ประเทศไทยไม่ต้องการแค่ ‘คนเก่ง’ อีกต่อไป
แต่ต้องการ ‘ผู้นำที่ครบเครื่อง’ มองไกลพอจะเห็นอนาคต (Visionary) มั่นคงพอจะยืนบนหลัก (Moral) และกล้าพอจะลงมือทำจริง (Actionable) เพียงผู้นำที่ผสานสามสิ่งนี้ได้เท่านั้น ถึงจะเปลี่ยน ‘จารีตxปฏิรูป’ ให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อน ‘อนาคตร่วมของคนไทยทุกคน’
ไม่ใช่แค่เกมอำนาจของคนไม่กี่กลุ่ม อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน…”
สรุปยังไม่มีผู้นำที่สมบูรณ์แบบ
ประเทศไทยวันนี้ ใช่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ ก็ได้
ดูกรณี “แพทองธาร ชินวัตร” คือการเสียเวลาของประเทศ
ฉะนั้นผู้นำที่มาถูกที่ถูกเวลา ตรงสถานการณ์ มีวิสัยทัศน์ สั่งการถูกต้องแม่นยำและฉับไว
หาได้ที่ไหน?
