การเมืองเปลี่ยนยุค #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ไหลครับ…

แม้หนึ่งใน MOA ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ห้ามมิให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” กระทำตัวเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่ในทางการเมืองจะไปห้ามอย่างไร

การเลือกตั้งแต่ละครั้ง การย้ายพรรค เป็นอิสระของสส.หรือผู้สมัคร สส. ที่จะย้ายจากพรรคหนึ่งไปอีกพรรคหนึ่ง

ที่ผ่านมาพรรคส้มก็มีไหลเข้าไหลออกไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ

ฉะนั้นเรื่องห้ามไม่ให้มีการย้ายพรรคจึงไม่น่าจะทำได้

ถอดรหัส MOA ห้ามไม่ให้พรรคภูมิใจไทยกระทำตัวให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก คงมีผลได้เฉพาะกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคส้มกลัวนักกลัวหนาว่าจะถูกหักหลัง หากพรรคภูมิใจไทยเดินหมากที่เหนือกว่าในภายหลัง

เรื่องข้อตกลงแก้รัฐธรรมนูญมีลับลวงพราง แต่ก็เห็นชัดว่า พรรคส้มเล่นการเมืองไม่แพ้พรรคเพื่อไทย

ด้วยความปรารถนาจะชำเรารัฐธรรมนูญให้ได้ นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุด ที่พรรคส้มจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ การเลือกพรรคภูมิใจไทย มิใช่ว่าสามารถไว้ใจได้มากกว่าพรรคเพื่อไทย แต่พรรคส้มมองข้ามไปอีกชั้น

พรรคส้มเชื่อว่า ความร่วมมือของ สว.จะเกิดขึ้นหาก นายกฯ ชื่ออนุทิน

กลับกัน สว.ไม่มีทางให้ความร่วมมือหากมีนายกฯ ชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ”

พรรคที่เคยปากดีต่อต้านระบบอุปถัมภ์ เชื่อว่ามีการฮั้วเลือก สว. กำลังจะอาศัย สว.เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง นั่นคือฉีกรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐

แล้วเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ผ่าน ส.ส.ร.ที่คิดว่าตัวเองสามารถควบคุมได้

แต่พรรคส้มมองเกมน้อยชั้นไปหน่อย อาจตามเกมพรรคภูมิใจไทยไม่ทัน

อีกนัยหนึ่งพรรคภูมิใจไทยคุมเกมตั้งรัฐบาลตั้งแต่แรก ขณะที่พรรคส้มแทบไม่มีทางเลือก จึงเลือกเดินไปตามทางที่พรรคภูมิใจไทยกำหนด

การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะล้มเหลวครับ!

พรรคภูมิใจไทยอาจใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ ทำไม่รู้ไม่ชี้

ไม่สามารถควบคุม สว.สีน้ำเงินได้

ก่อนนี้พรรคส้มโจมตีมาตลอดว่า สว.สีน้ำเงินเป็นทาสรับใช้ของพรรคภูมิใจไทย

ถ้า “อนุทิน” บอกว่า ไม่รู้ คุมไม่ได้ นอกจากจะเป็นการยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีส่วนในการฮั้ว สว.แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า สว.สีน้ำเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย

หล่อเลยครับ แม้ในข้อเท็จจริง สว.สีน้ำเงินคือเครือข่ายของพรรคภูมิใจไทย

รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๕๖ (๓) บัญญัติว่า…

“การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หนึ่งขั้นรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา”

เสียง ๒ ชั้นครับ

คือกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา หรือ สส.บวก สว.

และในจำนวนนี้ต้องมี สว.เห็นชอบไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๓

สว.ชุดนี้ทำงานมาปีกว่า การโหวตเสียงในที่ประชุมวุฒิสภาแบ่งกลุ่มก้อนค่อนข้างชัดเจน

เสียงข้างมากคือกลุ่ม สว.สีน้ำเงินที่มีมากกว่า ๑๕๐ คน และส่วนใหญ่เกี่ยวพันคดีฮั้ว สว.

กลุ่มกลางๆ มีอยู่ประมาณ ๓๐ คน พร้อมโหวตไปทางไหนก็ได้

และสุดท้ายกลุ่มพันธุ์ใหม่ มีอยู่ประมาณ ๒๐ คน

หลับตานึกถึงเสียง สว. ๑ ใน ๓ หรือ ๖๗ เสียง ไม่ง่ายสำหรับพรรคส้ม ที่จะล็อบบี้ให้เห็นคล้อยตามตัวเอง โดยเฉพาะโจทก์ที่ว่า แก้รัฐธรรมนูญ รื้อหมวด ๑ และ หมวด ๒

แค่ประเด็นเบื้องต้นก็ตกม้าตายแล้ว

พรรคส้มจึงหวังใช้จมูก “อนุทิน” หายใจแทน

ก็อยู่ที่ว่าลึกๆ แล้วพรรคภูมิใจไทยต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่

หรือรู้แต่แรกแล้วว่าไม่มีทางผ่าน

ปล่อยให้ไปตกเพราะ สว.

พร้อมกับข้ออ้างที่ว่า สว.เป็นอิสระ ไม่สามารถควบคุมได้

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!

พรรคส้มจะโจมตีพรรคภูมิใจไทยว่าบิดพลิ้วก็ไม่ได้ เพราะหากพรรคส้มยืนกรานว่า พรรคภูมิใจไทยสามารถคุมเสียง สว.ได้ ก็เท่ากับว่า พรรคส้มเองยอมรับการครอบงำ สว.โดยพรรคภูมิใจไทย

และพรรคส้มก็มีส่วนร่วมในการครอบงำ

นอกจากรัฐธรรมนูญจะไม่ได้แก้แล้ว ยังมี สส. อดีตสส. อดีตผู้สมัคร สส.ไหลเข้าพรรคภูมิใจไทย

ปัจจุบันพรรคภูมิใจไทยมี สส. ๖๙ คน

ไหลมาจากพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น ๑๖ คน

กลุ่ม เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จากรวมไทยสร้างชาติ ๑๒ คน

เฉียดร้อยแล้วครับ

ยังมีจากประชาธิปัตย์ เพื่อไทย อีกจำนวนหนึ่ง

นี่คือธรรมชาติของการเมืองไทย

ที่ไหนมีโอกาสที่นั่นคือที่ที่นักการเมืองมักไปรวมตัวกัน

ฉะนั้นกลุ่ม สมศักดิ์ เทพสุทิน และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยประกาศว่าไม่เคยเป็นฝ่ายค้านจึงน่าจับตามองอย่างยิ่งว่า จะเลือกแทงม้าตัวไหน

ระหว่าง “ทักษิณ” ซึ่งอยู่ในคุก กับ “อนุทิน” ที่เป็นนายกฯ รักษาการช่วงการเลือกตั้ง

ขณะที่พรรคกล้าธรรม ซึ่งกล้าทำกับ “ทักษิณ” ปิดดีลไปตั้งแต่ตั้งรัฐบาลอนุทินแล้ว

คร่าวๆ ก็พอมองเห็นโฉมหน้าการเมืองหลังยุบสภา

ที่พรรคเพื่อไทยดิ้นรน งับซ้ายทีขวาที ก็เพื่อรักษาสถานะเดิมเอาไว้ให้ได้

อย่างน้อยต้องเป็นพรรคเกินร้อย

จะสังเกตเห็นว่า สส.ที่ดิ้นแทนนายทั้งหมดเป็นกลุ่มใกล้ชิด “ทักษิณ” นำโดย “อ้วน ภูมิธรรม”

แต่ สส.กลุ่มอื่นเงียบเป็นเป่าสาก เช่นกลุ่ม “สมศักดิ์-สุริยะ” ที่หายเข้ากลีบเมฆไปเลย

“สุริยะ” อดีตเจ้ากระทรวงคมนาคม นายใหญ่ รฟท. โจทก์หมายเลข ๑ เขากระโดง แทบไม่ออกมาพาดพิงพรรคภูมิใจไทย

ปล่อย “ภูมิธรรม” ฉายเดี่ยวมานานนับเดือน

ที่สำคัญท่าทีของ “ภูมิธรรม” ไม่ต่างคนจมน้ำ

ด่ากราดไปทั่ว!

ด่าทุกเรื่อง

ถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองก็ยอม

อาการแบบนี้น่าเป็นห่วงสำหรับตระกูลชินวัตร

ครับ…การเมืองจะเปลี่ยนยุค แต่ประเทศอาจไม่มีอะไรเปลี่ยน.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
นายกฯ สั่งการเตรียมการรับรองการท่องเที่ยว ฟรีวีซ่าไทย-จีน เริ่มแล้ววันนี้ ควบคู่ส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศต่อเนื่อง พร้อมยกระดับหนังสือเดินทางไทยเดินทางได้ 35 ประเทศ/ดินแดน ไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา
2 มีนาคม 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มุ่งลดข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยว ยกระดับหนังสือเดินทางไทย...
Read More
0 replies on “การเมืองเปลี่ยนยุค #ผักกาดหอม”