หนักหัวบิดาหรือไง #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

หลายพรรคเขาพร้อมจะชำเรารัฐธรรมนูญกันแล้วครับ

ในส่วนของประชาชนก็คงจะมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่คงจะขวางอะไรไม่ได้หากสมาชิกรัฐสภาเขาอยากจะแก้ ที่จริงจะเรียกว่าแก้ก็ไม่ถูก เรียกว่าฉีกน่าจะเหมาะกว่า

เขาจะแก้มาตรา ๒๕๖ เพื่อแก้วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เดิมเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาเพียวๆ ก็แก้ให้มี ส.ส.ร.ไปยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา แล้วส่งกลับมาที่รัฐสภาอีกที

ซึ่งก็คือฉีกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่ผ่านประชามติของประชาชนทิ้ง

พรรคการเมืองเฮงซวยโดยเฉพาะพรรคส้มกับพรรคเพื่อไทย ถูกตรวจสอบโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างต่อเนื่อง ๒ พรรคนี้จึงต้องการฉีกทิ้งโดยอ้างว่าประชาชนไม่ต้องการ

ประชาชนที่ไหนครับ?

การทำประชามติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๙

ประชาชนเห็นชอบ ๑๖,๘๒๐,๔๐๒ คน คิดเป็น ๖๑.๓๕%

ไม่เห็นชอบ ๑๐,๕๙๘,๐๓๗ คน คิดเป็น ๓๘.๖๕%

ประชาชนร่วมๆ ๑๗ ล้านคนไปไว้ไหน

เวลาที่พรรคการเมืองอ้างเสียงสนับสนุนตัวเองก็มักอ้างครบ

อย่างพรรคก้าวไกล ประชาชนเลือกมา ๑๔ ล้านเสียง วันนี้เป็นพรรคประชาชนแล้ว ก็ยังอ้าง ๑๔ ล้านเสียงเต็มๆ ไม่มีขาด

แต่เวลาพูดถึงเสียงทำประชามติรัฐธรรมนูญ กลับพยายามบอกว่าคนที่เห็นด้วยจริงๆ มีไม่ถึง ๑๗ ล้านเสียงแล้ว

จริงอยู่ครับรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขได้ แต่นั่นควรเป็นกรณีที่ใช้รัฐธรรมนูญกันไปสักระยะหนึ่งแล้วเห็นว่ามีข้อบกพร่องต้องแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้น แต่ที่กำลังจะแก้อยู่มันมิได้มีสาเหตุมาจากข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ

มาจากความต้องการส่วนตัวของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

คนพวกนี้ไม่เคยเห็นหัวประชาชน ๑๗ ล้านเสียง แต่กลับเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย

พรรคส้มมีนโยบายฉีกรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้วครับ

พวกนี้คือพวกที่โหวตประชามติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐

แต่ก็ลงสมัคร สส. ภายใต้กติการัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาตลอด

ส่วนพรรคระบอบทักษิณ ไม่ต้องคิดเยอะครับ เกลียดรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ มาโดยตลอด เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ออกแบบมาเพื่อป้องกันนักการเมืองโกงเข้าสู่อำนาจ

ก็ได้บทเรียนการโกงมาจากรัฐบาลระบอบทักษิณนั่นแหละครับ

วันนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถูกทำให้ดูดีด้วยวาทกรรมเป็นรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ เขียนโดยเผด็จการ ไม่ยึดโยงประชาชน

การแก้ไขจึงแทบไม่สนใจเนื้อหา แต่ให้ความสำคัญกับรูปแบบ

อย่างที่เขียนถึงหลายครั้งว่า รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ เริ่มทำงานได้ผล ป้องกันคนโกง คนไม่ซื่อสัตย์สุจริต คนมีปัญหาด้านจริยธรรม เข้าสู่การเมืองได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

มีการสร้างบรรทัดฐานใหม่ๆ เพื่อขจัดคอร์รัปชัน โดยศาลรัฐธรรมนูญ

แต่พรรคการเมืองไม่ชอบ เพราะกระทบกับเขาโดยตรง

มีประเด็นสำคัญในรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ที่นักการเมืองแทบจะทั้งหมดต้องการให้ยกเลิก นั่นคือ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี พรรคการเมืองมองว่าเป็นการบังคับให้รัฐบาลต้องทำตาม

เป็นแนวคิดของเผด็จการ

แต่พรรคการเมืองไม่เคยตอบคำถามประชาชนว่าที่ผ่านมาเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย เปลี่ยนนโยบายถี่ ทำให้การพัฒนาประเทศไม่ต่อเนื่อง

ไม่มีกรอบให้เดิน

มีแต่ความต้องการของแต่ละรัฐบาลซึ่งไม่เหมือนกัน ความต่อเนื่องจึงไม่มี และนี่เป็นจุดอ่อนในการพัฒนาประเทศของไทย

ทุกพรรคการเมืองก็รู้ แต่ทุกพรรคก็ไม่ต้องการยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี เพราะคิดเอาว่า รัฐบาลไม่สามารถผลักดันนโยบายตัวเองได้ ต้องอยู่ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งมันไม่ใช่

การพัฒนาประเทศยังคงเป็นหน้าที่รัฐบาล แต่ที่ยุทธศาสตร์ชาติบีบบังคับคือความต่อเนื่อง

ไม่ใช่รัฐบาลใหม่มาก็ยกเลิกนโยบายรัฐบาลเก่า แล้วไปประมูลงานกันใหม่ กินกันใหม่ เอกชนก็ต้องจ่ายใหม่ ในอดีตมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

ไปดูสิครับว่า คนที่เขาทำยุทธศาสตร์ชาติ เขามีหลักการมีเหตุผลอย่างไร ไม่มีตรงไหนที่บอกว่ารับใช้เผด็จการเลย การพูดถึงเหตุผลที่ต้องมี ดีกว่าข้ออ้างของพวกจ้องชำเรารัฐธรรมนูญเสียอีก

คำนำใน ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ เขามองเห็นปัญหาและมองไปข้างหน้าเพื่อประเทศ ไม่ใช่เพื่อพรรค ใจความโดยสรุปเขาเขียนไว้ว่า

“…โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๖๕ บัญญัติให้รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ ส่งผลให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศยากจน และในด้านสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบในความหลากหลายเชิงนิเวศ

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความท้าทายต่อการพัฒนาที่สำคัญ อาทิ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๐ ที่ร้อยละ ๓.๙ ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าศักยภาพ เมื่อเทียบกับร้อยละ ๖.๐ ต่อปีในช่วงเวลาเกือบ ๖ ทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักจากการชะลอตัวของการลงทุนภายในประเทศและสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวได้เต็มที่ โครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภาคบริการและภาคเกษตรมีผลิตภาพการผลิตในระดับต่ำ ขาดการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ประกอบกับแรงงานไทยยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพและสมรรถนะที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการในการขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศ

นอกจากนั้น ศักยภาพและคุณภาพของประชากรไทยทุกช่วงวัยยังคงเป็นปัจจัยท้าทายสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แม้ว่าการเข้าถึงระบบบริการสาธารณะ การศึกษา บริการสาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และการคุ้มครองทางสังคมอื่นๆ ของคนไทยมีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องคุณภาพการให้บริการที่มีมาตรฐานแตกต่างกันระหว่างพื้นที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศไทยยังคงมีปัญหาความเหลื่อมล้ำในหลายมิติ

ขณะที่ปัญหาด้านความยากจนยังคงเป็นประเด็นท้าทายในการยกระดับการพัฒนาประเทศให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้นและแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน

ขณะเดียวกันการวางกลยุทธ์ระยะยาวในการฟื้นฟู การใช้ และการรักษาทรัพยากรอย่างบูรณาการเพื่อการพัฒนาประเทศที่ผ่านมายังขาดความชัดเจน ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศยังมีปัญหาการใช้อย่างสิ้นเปลืองและเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว…”

การมียุทธศาสตร์ชาติมาจากเหตุผลความเหลื่อมล้ำในสังคม

ในขณะที่นักการเมืองหิวแสงก็อ้างเรื่องความเหลื่อมล้ำทำให้ต้องแก้รัฐธรรมนูญ พวกนี้มักใช้ความเหลื่อมล้ำเป็นข้ออ้างในทุกเรื่อง แต่ไม่เคยเสนอแนะทางออกที่เป็นไปได้

นอกจากบอกว่ารัฐธรรมนูญก็กินได้

ครับ…รัฐธรรมนูญมันหนักหัวบิดามากหรือไร ถึงจ้องจะแก้กันตลอดเวลา.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
“อนุทิน” สั่งเปิด 3 จุดฉีดวัคซีน mRNA รองรับผู้ไม่เคยฉีดมาก่อนและยังรอวัคซีนทางเลือก
26 พฤศจิกายน 2564-รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คาดฉีดวัคซีนโควิดครบ 100 ล้านโดสในสิ้นเดือน พ.ย. หลังยังขาดอีก 3 ล้านคน เน้นผู้ที่ยังไม่เคยฉีด สูงอายุ...
Read More
0 replies on “หนักหัวบิดาหรือไง #ผักกาดหอม”