ผักกาดหอม
เข็มขัดสั้น…คาดไม่ถึง
มันง่ายกว่าที่คิด
การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่มาเลเซีย วานนี้ (๗ สิงหาคม) ๒ ชาติต่างเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง ๑๓ ข้อ
มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี
๒.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ ๒๘ ก.ค.๖๘ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย
๓.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
๔.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดนเขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ ๒๘ ก.ค.๖๘ และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน
๕.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี
๖.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา : การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ
๗.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์
๘.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้
๘.๑ ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่
๘.๒ จัดการประชุม RBC ภายใน ๒ สัปดาห์นับจากการประชุม GBC ใน ๗ ส.ค.๖๘
๘.๓ ดำรงช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยตรงระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ
๙.งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม
ส่วนที่ ๒ กลไกตรวจสอบการหยุดยิง
๑๐.ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการตามผลหารือเมื่อ ๒๘ ก.ค.๖๘ ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดยมาเลเซีย
๑๑.เห็นชอบให้ RBC ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยมาเลเซียเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดย RBC จะพบกันเป็นประจำ และส่งรายงานให้ GBC ตามสายการบังคับบัญชาของแต่ละฝ่าย
๑๒.ในระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่มีมาเลเซียเป็นผู้นำ จะใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทยและกัมพูชา ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว
ส่วนที่ ๓ การประชุม GBC
๑๓.ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลัง ๗ ส.ค.๖๘ (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญ จะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิง
ครับ…ในภาพรวมทั้ง ๑๓ ข้อ ถือว่าดีต่อไทย
แต่…เขมรจะปฏิบัติได้ครบหรือไม่ อันนี้ยังสงสัยอยู่
เพราะแทบทุกข้อถูกเขมรละเมิดก่อนหน้านี้
ไม่ว่าจะยิงเป้าหมายพลเรือน การพยายามยึดพื้นที่คืน เช่น การตัดรั้วลวดหนามหีบเพลงที่ช่องอานม้า จนทหารไทยสั่งให้ถอยออกไป
การเพิ่มกำลัง การยั่วยุ คือสิ่งที่เขมรทำหลังมีข้อตกลงช่วงวันสองวันแรก
การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา เขมรละเมิดทั้งหมด
การส่งตัวทหารบาดเจ็บ เราส่งให้เขมรไปเรียบร้อย แต่เชลยศึก ชัดนะครับ รอจบความขัดแย้งก่อน ประหลาดใจว่าทำไมเขมรยอม ทั้งๆ ที่เอาเรื่องนี้ไปปลุกกระแสชาตินิยม
เขมรเชื่อไม่ได้หรอกครับ!
เพราะวันเดียวกันนี้เอง กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแถลงว่า คณะผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ส่งหนังสือถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross-CRC) และข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Office of the High Commissioner for Human Rights-OHCHR) เรียกร้องให้มีการดำเนินการเร่งด่วน กรณีที่ฝ่ายไทยยังคงควบคุมตัวนักโทษสงครามชาวกัมพูชาเอาไว้
เขมรอ้างว่าเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
กลับกัน “อังเคิลวุ้นเส้น” และลูกชาย ปล่อยให้ศพทหารที่พลีชีพเพื่อชาติเขมรเน่าหนอนขึ้นคาสนามรบ
ไม่เก็บ!
แล้วเขมรจะทำตามข้อตกลงจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพได้อย่างไร
นี่คือการปฏิบัติต่อศพอย่างสมเกียรติอย่างนั้นหรือ
หยุดยิงมากว่า ๑๐ วันแล้ว ศพเน่าหมดแล้ว เขมรสามารถพิสูจน์อัตลักษณ์ของศพทหารตัวเองได้หรือเปล่า ส่งศพคืนญาติถูกหรือเปล่า
มันเลยจุดที่ว่า ต้องส่งร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพไปแล้ว
เรื่องการประชุม GBC ก็ว่ากันไป
แต่เรื่องข้อมูลเท็จต้องไปกำชับ “น้องมาลี” ของ “อังเคิลวุ้นเส้น” แล้วล่ะครับว่าเลิกขยันปั่นข่าวปลอมเกี่ยวกับไทยเสียที เพราะที่ผ่านมามีข่าวปลอมที่ปล่อยออกมาอย่างทางการออกจากปากโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาคนนี้เยอะเหลือเกิน
สรุปแล้วทั้ง ๑๓ ข้อ ต้องจับตามองกันดีๆ
มีแนวโน้มที่เขมรจะลักไก่เคลื่อนกำลังพล
ใช้พลเรือนเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่ที่มีข้อพิพาท เพื่อเป็นโล่กำบัง
รัฐบาลน้ำมะเน็ด โดย “อังเคิลวุ้นเส้น” ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
แต่อีกมุม…ก็น่าสนใจ
เพราะทหารเขมรตายไปเยอะ จนพ่อลูกตระกูลฮุนขวัญผวา กอดคำว่า “สันติภาพ” เอาไว้แน่น ขืนทำศึกต่อ แรงกระเพื่อมภายในประเทศอาจรุนแรงจนคุมไม่อยู่ เสี่ยงต่อการสูญเสียอำนาจ
แทนที่จะปลุกกระแสคลั่งชาติเพื่อสร้างคะแนนนิยม
กลายเป็นกระแสขับไล่ระบอบฮุน เซน.
