ของดีเพียงหนึ่งเดียว #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

สิ้นหวังครับ….

ประเทศไทยตกอยู่ในวังวนการรักษาอำนาจของนักการเมือง โดยไม่สนใจไยดีกับอนาคตของประชาชน ที่เต็มไปด้วยวิกฤตรออยู่ข้างหน้า

รัฐบาลแพทองธาร จับประเทศเป็นตัวประกัน เพื่อกู้ภาพพจน์ของรัฐบาล โดยไม่สนใจกฎกติกา และความเสียหายที่จะตามมา

เป็นความอัปยศที่คนไทยต้องทน เพราะนอกจากรัฐบาลฉ้อฉลแล้ว เรายังมีฝ่ายค้านพรรคหลักที่อ่อนแอ และเต็มไปด้วยความซับซ้อนซ่อนเงื่อน

ดูเหมือนจะดี แต่ไม่ได้เรื่อง!

มันเจือสมกันแทบไม่มีที่ติ

กรณีการคืนวัตถุโบราณ ๒๐ ชิ้นให้กัมพูชา ตามข้อตกลง ถูก “แพทองธาร” นำมาเป็นเครื่องมือสนองตัณหาทางการเมืองของตัวเอง

การไม่ยอมคืนตามข้อตกลง สะท้อนถึงวุฒิภาวะของผู้นำไทยว่า ไม่ต่างจากเด็กแย่งของเล่นกัน

เป็นเรื่องน่าขายหน้า

เสียเหลี่ยมเขมรซ้ำซาก

อย่าเอาสันดานเดิมมาใช้กับการทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะความเสียหายมิได้เกิดกับตระกูลชินวัตร แต่เกิดกับประเทศไทย

มีปัญหาสะสมเยอะแยะมากมายที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข แต่รัฐบาลกลับทุ่มสมาธิไปที่การแก้ปัญหาทางการเมืองเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง

ประเทศไทยกำลังเจอปัญหาอะไรบ้าง

โพสต์ของ “สมหมาย ภาษี” อดีต รมว.การคลัง คือสิ่งที่คณะรัฐมนตรีทั้งชุดควรอ่าน

“ประเทศไทยเราเลวร้ายและตกต่ำสุดๆ จริงหรือ”

“..วันนี้ผมขอเขียนและวิเคราะห์ตามหัวข้อข้างต้น ซึ่งเป็นคำถามที่เพื่อนฝูงและผู้ที่รู้จักมักคุ้นรุ่นน้องถามกันมามาก ผมเข้าใจว่าเขาไม่ได้ถามในเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องที่ตกต่ำลากยาวมานานเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเรื่องการเมืองที่เละเทะ และเรื่องสังคมที่เน่าเฟะ

​ด้านสังคม : ผมขอพูดถึงด้านสังคมก่อน ซึ่งปัจจุบันมีสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดความชั่วช้าและเลวร้ายหนักๆ ขนาดที่ไม่อยากจะนำคำพูดใดไปบรรยายได้ เห็นมากในหมู่พระสงฆ์ที่เป็นพระเฉพาะผ้าเหลืองที่ปกปิดสังขารอยู่เท่านั้น แต่มีพฤติกรรมที่เป็นปาราชิกซ่อนอยู่ในสถานภาพของพระสงฆ์มากมาย ทำให้คนไทยรู้สึกว่าแม้จะเป็นปลาเน่าในเข่งเพียงไม่กี่ตัว แต่มันทำให้เกิดอาการสมเพชในหมู่คนไทยส่วนใหญ่อย่างมาก ​ความชั่วร้ายในสังคมไทยที่กระฉ่อนไปทั่วโลก คือ คนไทยที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาในดินแดนสุวรรณภูมิที่เป็นปึกแผ่น แต่กลับยากจน

ประเทศมีการค้ายาเสพติดสูงมาก การค้ามนุษย์ยังเป็นเรื่องธรรมดา มีการเล่นพนันโดยเฉพาะการพนันออนไลน์ในหมู่คนจนกว่าครึ่งของประเทศ มีการทำทุจริตเรื่องไซเบอร์โดยเฉพาะคอลเซ็นเตอร์ ที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ของไทยเราเองเข้าไปมีส่วนร่วมมือด้วยสูงมาก ขณะเดียวกันระบบราชการอ่อนแอลงมาก ข้าราชการไทยขาดความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของนักการเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนด้านการเมืองนั้นไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ย่ำอยู่กับที่ เพราะทั้งนักการเมืองและพรรคการเมืองเป็นสิ่งที่เลวระยำที่สุดในความรู้สึกของคนไทยที่พอมีความรู้ส่วนใหญ่

​ด้านการเมือง : การที่พ่อค้านักธุรกิจไทยไปหาผลประโยชน์จากการค้าทั้งปกติ และการค้าสีเทาอ่อนๆ กับนักธุรกิจของประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดา ปกติชนที่ทำมาหากินในธุรกิจสีเทาในประเทศตนเองหรือ นอกประเทศของตนเองมีเป็นปกติในทุกชนชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวอังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกาหรือชาวจีน แต่สำหรับประเทศไทยเรา คนที่ไปทำมาหากินในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเป็นล่ำเป็นสันในทุกวันนี้กลับเป็นชนชั้นระดับที่เป็นตำรวจที่มีอำนาจหน้าที่สูง และตัวสำคัญคือนักการเมือง นี่แหละที่ว่าเป็นความเลวร้ายของประเทศไทยที่ทำให้ประเทศที่รักของเราโงหัวไม่ขึ้นสักที

สมัยนี้มีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจในเรื่องการร่วมวงในธุรกิจสีเทาเข้มของนักธุรกิจหรือนักการเมืองเพื่อนบ้าน กับกลุ่มนักการเมืองไทยแทบทุกสีอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งพรรคไหนมีศักดิ์ศรีของความใหญ่โตมาก มีสมาชิกพรรคมากยิ่งมีพฤติกรรมที่เลวร้ายมาก ผมคนหนึ่งที่ค่อนข้างเชื่อมากว่า ที่มีโซเชียลมีเดียกระจายข่าวเกี่ยวกับธุรกิจสีเทาของเพื่อนบ้านปลิวว่อนอยู่ทุกวันนี้ ทั้งเรื่องบ่อน เรื่องการพนันออนไลน์ เรื่องคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด เรื่องเลวร้ายสุดๆ เหล่านี้มีทั้งนายตำรวจไทย และนักการเมืองไทยมีเอี่ยวด้วยทุกเรื่อง อนิจจาการเมืองไทย

มีการพูดกันมากเรื่องการไม่ควรยุบสภาด้วยเหตุผลที่ว่าท่าน สส.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลายไม่ได้ทำผิด อยากถามว่าเมื่อมีการเปิดโอกาสให้ร่วมรัฐบาลกันได้ใหม่ ทำไมท่าน สส.เดิมยังเต็มใจเข้าไปสนับสนุนพรรคผู้นำเดิม โดยเฉพาะพรรคที่ต้องประชุมกันหนักเพื่อทำตามกฎเหล็กดั้งเดิมของตน เขาไม่ได้ทำผิดแต่ไม่ได้ทำให้ถูก ควรจะถูกยุบไหม

ด้านเศรษฐกิจ : ตามที่ท่านทั้งหลายได้ทราบดีกันแล้วว่า เศรษฐกิจของไทยนั้นร่อแร่แบบโตไม่ขึ้นมาตั้งแต่การระบาดของโควิด-๑๙ จนถึงทุกวันนี้ กล่าวได้ว่าอัตราการเติบโตของ GDP หรือรายได้มวลรวมประชาชาติของไทยต่ำสุดในกลุ่มอาเซียน

​ธนาคารโลกซึ่งต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกทั่วโลกได้คาดการณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ว่า เศรษฐกิจหรือ GDP ไทยปีนี้จะโตได้ ๒.๙% และปีหน้า ๒.๗% แต่อยู่ๆ เมื่อวันศุกร์ที่ ๔ กรกฎาคมนี้ ธนาคารโลกได้คาดการณ์ใหม่ว่าปีนี้ GDP ไทยจะขยายตัวได้แค่ ๑.๘% และปีหน้าจะได้ ๑.๗% เท่านั้น นี่แปลว่าอะไร พูดง่ายๆ คือประเทศไทยเรายังต้องถือไม้เท้าเดินกะเผลกๆ ต่อไปอีกนาน

​แต่นักการเมืองไทยกลับทำไม่รู้สึกรู้สา มีการออกแรงค้ำยันจากพรรคการเมืองมากกว่าครึ่งให้นายกรัฐมนตรีที่ทั้งโลกเขาก็เห็นว่าไม่มีทั้งความสามารถและประสบการณ์ นำพาประเทศให้เดินได้ต่อไป ทั้งๆ ที่เห็นๆ กันอยู่ว่ามีการบริหารงานเป็นที่ประจักษ์ว่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญหลายเรื่อง เทียบกับผู้นำในกลุ่มอาเซียนอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ผู้นำของไทยในสายตาคนไทยส่วนใหญ่ส่ายหน้ากันแทบทุกคน

​ภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำต้อย GDP ไม่ถึง ๒% บ่งบอกชัดว่าประเทศเราไปไม่รอดแน่ เมื่อต้นเดือนนี้ก็มีข่าวออกมาจากกระทรวงการคลังเองพูดชัดว่า ปีนี้การจัดเก็บรายได้จากภาษีทั้ง ๓ กรม คือ สรรพากร สรรพสามิต และศุลกากร ใน ๘ เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ตกต่ำกว่าเป้าหมด รวมแล้วต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ ๐.๒% หรือ ๑๒,๗๐๐ ล้านบาท เชื่อเถอะครับสิ้นปีจะต่ำกว่าเป้ามากกว่านี้แน่

เมื่อ GDP ยิ่งลดต่ำลง การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลก็จะไม่ได้ตามเป้า เป็นเรื่องธรรมดาครับ แต่ที่จะหนักกว่านั้นในปีงบประมาณหน้า ๒๕๖๙ ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก ไทยจะยิ่งโตน้อยกว่าปีนี้และปีที่แล้ว แต่ความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องหาเงินมาใช้จ่ายที่เรียกว่างบประมาณนั้นจะมีมากขึ้น อย่างน้อยรัฐบาลจะต้องขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ จะต้องเพิ่มงบดูแลคนสูงวัย จะต้องเพิ่มงบเลี้ยงชีพให้คนจนที่ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกปี และที่สำคัญที่สุดจะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะที่มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น ส่วนเงินต้นนั้นก็พอกล้อมแกล้มกู้หนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่า เหมือนบริษัทใหญ่ๆ ทำกันอยู่ได้ แต่การจะกู้เงินมาใช้เพื่อปิดยอดขาดดุลงบประมาณที่จะมีความต้องการยิ่งสูงขึ้นทุกปีนั้น มันแทบจะไม่มีช่องให้ทำได้อีกแล้ว ทีนี้ละใครเป็นรัฐบาลก็จะมีอาการหน้ามืดตาลายให้เห็นแน่นอน

ประเทศที่เศรษฐกิจร่อแร่ ประเทศที่นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อถือเพราะผู้นำไม่ได้เรื่อง เพราะธรรมาภิบาลต่ำต้อย แล้วกำลังจะถูกนักการเมืองปู้ยี่ปู้ยำเรื่องอื่นๆ อีก ผมว่าคนไทยระดับมีความรู้เขารู้ทัน

ประเทศไทยตอนนี้มีดีอยู่เพียงอย่างเดียว คือ ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ ที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘แบงก์ชาติ’ แต่จากข่าวที่ผมได้ยินได้ฟังมาจากผู้ใหญ่และผู้รู้หลายท่านว่า ขณะนี้นักการเมืองระดับสูงทั้งเก่าและปัจจุบันพยายามหนักหนาที่จะตั้งผู้ว่าการที่รัฐบาลบงการได้ จะทำงานได้เก่งแค่ไหนก็ช่างมาเป็นผู้ว่าการคนใหม่ ที่กำลังเลือกตั้งและจะจบในวันสองวันนี้

​ถ้าเป็นเช่นนั้น ของดีเพียงหนึ่งเดียวที่มีอยู่ในประเทศเราขณะนี้ก็จะถูกลากจูงไปสู่อาจมจนได้…”

ครับ…เลิกตั้งหน้าตั้งตารักษาชามข้าวตัวเอง แล้วหันไปมองประชาชนกันได้แล้วหรือยัง.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
รมว.สุชาติ พบปะ อสร พร้อมส่ง ปลัดฯ มอบประกาศเกียรติคุณสร้างขวัญกำลังใจอาสาสมัครแรงงานไทยในมาเก๊าดีเด่น
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พบปะเยี่ยมเยียนอาสาสมัครแรงงานต่างประเทศพร้อมมอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณและเข็มเชิดชูเกียรติแก่อาสาสมัครแรงงานในเขตบริหารพิเศษมาเก๊าดีเด่น
Read More
0 replies on “ของดีเพียงหนึ่งเดียว #ผักกาดหอม”