เปลว สีเงิน
อับดุลเอ๊ย….ถามอะไรตอบได้หมด ว่าเจ๋งสุดแล้ว!
แต่ถ้ามาเจอ “ทักษิณจ้อ” ที่ ป.ป.ส.เมื่อวาน (๒๗ พ.ค.๖๘) เข้าละก็ มีหวัง “อับดุลจ๋อย” ไปทันที
เพราะ “ทักษิณจ้อ” เมื่อวาน ยึดพื้นที่ทุกสื่อได้หมดจริงๆ!
และไม่ว่านักข่าวจะถามอะไร ทักษิณเอ้ย…เอ้ย..ขอโทษ “ทักษิณจ้อ” เจื้อยแจ้วเช็ดเม็ดได้หมดทุกคำถาม
ก็คงดูกันแล้วน่า โดยเฉพาะ “สนธิ-จตุพร” และคณะ คงไม่พลาด
ข่าวลือเรื่อง “หนี” ไปแล้ว เป็นประเด็นที่นักข่าวไม่พลาด “ต้องถาม” และทักษิณก็ไม่พลาดที่จะตอบลีลาเดียวกับที่ยิ่งลักษณ์ตอบก่อนหนี
“จะแปลให้ฟังก่อนนะ ข่าวลือแปลว่าอะไร ข่าวลือแปลว่า “ข่าวที่คนปล่อยอยากให้เป็นจริง”
ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว “มันคือไม่จริง” เป็นข่าวที่คนปล่อยอยากทําให้มันเป็น เขาเรียกข่าวลือ”
“มันก็มีอยู่ไม่กี่คนละ อย่าไปใส่ใจมาก ผมไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากมาย”
แหม…ดีนะ ที่แปลว่า “มันคือไม่จริง”
ถ้าบอกว่า ข่าวลือแปลว่า “ลอบออกไปแล้วและกลับมาแล้ว” ละก็ยุ่งตายห่ะ!
ถาม-ตอบอะไรก็ไม่น่าสนใจเท่าเรื่อง “ศาลปกครองสูงสุด” สั่งให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหาย ๑๐,๐๒๘ ล้านบาท จากโครงการจีทูจี
ทักษิณ “อารัมภบท” นำร่องทันที…..
“อดีตนายกรัฐมนตรี (หมายถึงยิ่งลักษณ์) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกระทรวงการคลังว่าออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ถูกต้อง ที่ต้องให้ชดใช้เงินค่าเสียหายถึง ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท
โดยเห็นควรให้ชดใช้เฉพาะบางส่วน เป็นเงินเพียง ๑๐,๐๒๘ล้านบาท ก็ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการ
โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ยังสามารถใช้สิทธิ์ในการเสนอขอตั้งคดีใหม่ภายใน ๙๐ วันได้ และต้องต่อสู้กันไปตามกระบวนการและช่องทางของกฎหมาย”
“ศาลได้อธิบายอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่องนี้คุณยิ่งลักษณ์เป็นโจทย์ ไม่ได้เป็นจําเลย
เพราะฉะนั้น คุณยิ่งลักษณ์ฟ้องว่า กระทรวงการคลังทําไม่ถูก ใช้งานออกสาร ออกมติทางปกครองไม่ถูก แล้วจะปรับตั้ง ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท
ศาลก็เลยบอกว่า เท่าที่ตรวจดูแล้ว บางอันก็ถูก บางอันก็ไม่ถูก แต่สรุปแล้วว่า ปรับได้ไม่เกิน ๑๐,๐๒๘ ล้านบาท”
“แต่ว่าหมายความว่า จะปรับได้อย่างนั้นเนี่ย ก็ต้องไปตกลงกันว่า กระทรวงการคลังได้รับการชดเชยมาจากคนอื่นแค่ไหน ยังไง ขาดเหลือเท่าไหร่ แล้วข้าวขายได้ยังไง
เบ็ดเสร็จแล้วเสียหายจริงหรือเปล่า ถ้าเสียหายจริงไม่ถึงหมื่น ก็คือปรับไม่ถึงหมื่น ก็ตามนั้น
อันนี้คือกติกานะครับ กติกาที่ออกมาอย่างนี้ แต่หมายความว่าคุณยิ่งลักษณ์ก็ยังมีสิทธิเสนอใหม่ได้ภายใน ๙๐ วัน”
ความหมายตามที่ทักษิณพูดนำร่องแทนยิ่งลักษณ์ ก็แปลตรงๆ ว่า จะยื้อคดีต่อ ยังไม่ยอมจ่าย ๑๐,๐๒๘ ล้านบาทนั้น
เมื่อหัวส่ายอย่างนี้แล้ว ก็ดูซิว่าส่วนหางจะว่าอย่างไร?
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พูดแบบ “ตาซื่อ-ตาใส” บ้องแบ๊ว น่าเอ็นดูว่า
“ประเด็นนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพราะเห็นว่าการคำนวณค่าเสียหายของกระทรวงการคลังไม่มีความชัดเจน
เมื่อศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่าตัวเลขที่กำหนดมาผิดพลาด จึงปรับลดเหลือ ๑ หมื่นกว่าล้านบาท
และไม่ได้สั่งให้นายกรัฐมนตรีหรือกระทรวงการคลังไปเรียกเก็บ”
“ตอนผมเป็น รมว.พาณิชย์ พบว่าสามารถขายข้าวที่เก็บมา ๑๐ ปี ได้กิโลกรัมละ ๑๘ บาท สวนทางกับข้อมูลเดิมที่บอกว่าข้าวขายได้เพียง ๓-๕ บาท
จึงสะท้อนความคลาดเคลื่อนในกระบวนการบริหารและการระบายข้าว
ขั้นตอนต่อจากนี้ ทนายความกำลังรวบรวมหลักฐานใหม่ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลจากที่ผมเคยดำเนินการ เพื่อยื่นศาลปกครองให้พิจารณาหักลบค่าใช้จ่ายต่อไป”
แหม…ยังกะ “ลอกข้อสอบ” กันมาเปี๊ยบเลย แบบนี้ก็ต้องขออธิษฐาน “ทักษิณเกิดภพภูมิไหน ภูมิธรรมขอตามไปเกิดในภพภูมินั้น นิรันดร์ไป….สาธุ้”
เอ้า…ทีนี้ มาดูมือกฎหมายในคอกบ้าง ดูซิเขาจะว่าไง?
“นายชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.สำนักนายกฯสำแดงโวหารทางกฎหมายว่า
“เป็นคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์และคณะเป็นโจทก์ฟ้องเพื่อขอให้เพิกถอนคำบังคับกระทรวง ซึ่งศาลได้ระบุว่า
คำสั่งของกระทรวงการคลัง ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหาย ๓.๕ หมื่นล้านบาท ไม่ชอบ จึงให้เพิกถอนคำสั่งในส่วนที่เกิน ๑๐,๐๒๘ ล้านบาท
ซึ่งหมายความว่า เป็นการเริ่มต้นใหม่ ยกเลิกคำสั่งเดิม เพื่อดำเนินการใหม่ และต้องมีคณะกรรมการเข้าไปดูแลความเสียหาย
คำสั่งฉบับเก่าผ่านมาหลายปีแล้ว ศาลตัดสินตั้งแต่ปี ๖๖
ฉะนั้น เป็นเรื่องที่ทนายต้องไปดูว่า คณะกรรมการบังคับคดีของกระทรวงการคลังในเวลานั้น เขาคิดค่าเสียหายอย่างไร และมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว”
สรุป……….
จะเรียกว่า “ยื้อ” หรือ “ดื้อตาใส” ด้วยคำตอบที่เหมือนเตี๊ยมกันมาก็ไม่ผิด
ความจริง เจ้าของคดี คือยิ่งลักษณ์อยู่ไหนก็ยังไม่รู้ และยังไม่พูดอะไรซักคำ แต่พวกนี้ กลับตะแบงแทน สงสัยยิ่งลักษณ์ถอดจิตมาประทับทรงละกระมัง?
สโลแกนประจำตระกูลนี้มีอยู่อย่าง “คุกวันเดียวก็ไม่ยอมติด ฉันใด บาทเดียวก็ไม่ยอมจ่าย ฉันนั้น”
เรื่องนี้ เมื่อ “ศาลปกครองสูงสุด” ตัดสิน ก็ถือว่า “คดีเป็นที่สิ้นสุด” แล้วยังจะมาตะแบงเหมือนพยายามบิดเบือนคำตัดสิน
น.ส.สายทิพย์ สุคติพันธ์ “ตุลาการศาลปกครองสูงสุด” ในฐานะกรรมการประชาสัมพันธ์ ศาลปกครอง
ท่านอุตส่าห์ออกมาแจกแจงให้เข้าใจง่ายๆไปแล้ววานซืน ชาวบ้านร้านตลาดฟังแล้วก็เข้าใจ
แต่ระดับรัฐบาล ทั้งนายกฯ ตัวจริง ทั้งนายกฯ น้อย ทั้งไอ้ห้อย-ไอ้โหน กลับทำเป็นไม่เข้าใจ พยายามสร้างความสับสน
เอ้า….ผมจะเอาที่นส.สายทิพย์แจกแจงตอนหนึ่งมาทิ่มลูกตาอีกที เผื่อจะละอายใจกันบ้าง
“ตุลาการศาลปกครองสูงสุด” อธิบายว่า…..
“คดีนี้เป็นการฟ้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งโดนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่เรียกให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมโครงการจำนำข้าวเปลือกไป ๓.๕ หมื่นล้านบาท
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเอาคำสั่งนี้มาฟ้องต่อศาลว่า “คำสั่งนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่?”
ศาลก็ได้ทบทวน โดยพิจารณาแล้ว เห็นว่า “โครงการจำนำข้าวนั้น ประกอบด้วยหลายขั้นตอน” จึงวินิจฉัยว่า
“อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในส่วนที่ทำหน้าที่ “กำหนดนโยบาย” นั้น ไม่ต้องมีความรับผิด”
แต่ในส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำหน้าที่ในฐานะ “เป็นเจ้าหน้าที่” คือเป็น “ประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ที่ควบคุมการปฏิบัตินโยบาย
ดังนั้น การระบายข้าวแบบ “รัฐต่อรัฐ” หรือ “จีทูจี” มีปัญหาการทุจริต มีการรายงานเข้ามาโดยหลายหน่วยงาน
แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ติดตามกำกับดูแลตรวจสอบการทุจริตในส่วนนี้
“ดังนั้น เฉพาะในส่วนนี้ ที่ศาลปกครองเห็นว่า คุณยิ่งลักษณ์จะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายที่กระทรวงการคลังเขาเรียกมา ๓.๕ หมื่นล้านบาท นั่นแหละ”
แต่ศาลปกครองสูงสุดตรวจสอบแล้วว่า “ไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้” แต่เป็นตัวเลขเพียงแค่ ๑๐,๐๒๘ ล้านบาท เนื่องจากโครงการจีทูจี
ดังนั้น ผลของคดี ศาลฯ ถึงบอกว่าคำ สั่งเรียกเงินนั้น “ชอบบางส่วน” และ “ไม่ชอบบางส่วน”
ส่วนที่ชอบด้วยกฎหมายก็คือ ๑๐,๐๒๘ ล้านบาทนี้ “กระทรวงการคลัง” ก็มีหน้าที่ต้องไปดำเนินการเรียกจากคุณยิ่งลักษณ์ต่อไป”
เห็นมั้ย…ชัดกว่านี้ ก็มี “ชัช เตาปูน” คนเดียวเท่านั้นแหละ แล้วยังทำเฉไฉ อ้างโน่น-นี่ ไม่ยอมจ่าย จะยื้อต่อ
จะยื้อก็ได้ หรือจะหักกลบลบหนี้อย่างใดนั้น นส.สายทิพย์ท่านบอกขั้นตอนไว้ให้อย่างนี้
ก่อนที่จะไปพูดถึงหักกลบหนี้กันได้หรือไม่ แต่สำหรับคดีนี้ ในทาง “กฎหมายวิธีพิจารณาความ” นั้น ถือว่า “สิ้นสุดแล้วในทางปกครอง”
ในคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด “ถือเป็นที่สุด”!
ชัดมั้ย ในคำพิพากษา ว่าด้วย ๑๐,๐๒๘ ล้านบาทนั้น มันสิ้นสุดแล้วในทางปกครอง
“กระทรวงคลัง” ไปจัดการเอาเงินก้อนนั้นมาก่อน เพิกเฉย พิชัย-ฟันขาว และทั้งนายกฯ ซอฟต์ พาวเวอร์ ระวังเจอ ๑๕๗!
ส่วนจะทบทวนคดีใหม่ ขอหักกลบลบหนี้อย่างใดนั้น ก็ไปตั้งต้นนับ ๑ “ขอพิจารณาคดีใหม่” ตามมาตรา ๗๕ ของกฎหมายวิธีพิจารณาคดีปกครอง
จะมาโมเมเกี่ยงงอนขอหักกลบลบหนี้ในคดีอันเป็นที่สิ้นสุดแล้วว่าเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” อย่างนี้ไม่ได้…เข้าใจบ่?
จะขอพิจารณาคดีใหม่นั้น ท่านชูศักดิ์ไม่ต้องเสียเวลาพลิกตำราหรอก สน.สายทิพย์ท่านแนะนำไว้ให้เสร็จสรรพ ดังนี้
กรณีที่จะเกิดการทบทวนขึ้นใหม่ จะอยู่ในมาตรา ๗๕ ของกฎหมายวิธีพิจารณาคดีปกครอง โดยสาระสำคัญเขียนว่า
“กรณีที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาในคดีเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว” ซึ่งขณะนี้ คดีนี้ ก็เป็นเช่นนั้น
ถ้าในกรณีผู้มีส่วนได้เสีย อาจมีคำขอให้ศาลปกครองพิพากษาคดีนั้นใหม่ได้ มี ๔-๕ เงื่อนไข
แล้วเงื่อนไขที่ทนายอ้างถึง เช่น อาจจะขอให้พิจารณาได้ ถ้ากรณีคำพิพากษานั้น ทำขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริง แล้วมีข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ เช่นที่เขาอ้างว่า มีข้อเท็จจริงใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป
แต่อย่างไรก็ตาม ต้อง “ผ่านขั้นแรก” มาก่อนคือ
“คำขอพิจารณาคดีใหม่”ภายใน ๙๐ วัน ศาลก็จะพิจารณาว่า “มีเหตุตามเงื่อนไขของมาตรา ๗๕ นี้หรือไม่”
ทีเรื่อง “โกงบ้าน-กินเมือง” นั่นยากนะ กลับทำกันง่ายๆ
แต่คำพิพากษาที่เข้าใจได้ง่ายๆ ทำไม๊..มันถึงเข้าใจกันได้ยากฉิบ..!
เปลว สีเงิน
๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๘
