ผักกาดหอม
อะไรก็เกิดขึ้นได้….
วานนี้ (๔ มีนาคม) พรรคพลังประชารัฐมีประชุม “ลุงป้อม” นั่งหัวโต๊ะ คุยกันเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
ประชุมเสร็จแล้วก็สไตล์ “ลุงป้อม” ไม่รู้ๆๆ ไม่ให้สัมภาษณ์สักคำ
แต่ก็มีประเด็นครับ
“ลุงป้อม” จะทำหน้าที่ สส.
เป็นหนึ่งในผู้อภิปรายซักฟอกนายกฯ อุ๊งอิ๊งด้วย
ก็บันเทิงสิครับ!
จากคำบอกเล่าของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ความว่า….
“…พล.อ.ประวิตร มีดำริจะเป็นผู้ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้…”
ฉะนั้นนี่ไม่ใช่ข่าวโคมลอย
ระดับเลขาธิการพรรคเป็นคนพูด
ตลาดแตกแน่หากถึงคิว “ลุงป้อม” ลุกขึ้นอภิปราย
ประเด็นที่พรรคพลังประชารัฐบอกว่าจะอภิปรายมีไม่น้อยกว่า ๔ ประเด็น
ตั้งแต่กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ เอ็มโอยู ๒๕๔๔ กาสิโน และคดีชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ
“ลุงป้อม” จะทำหน้าที่อภิปรายในภาพรวม
วัดฝีปากกันสนุกแน่
ฟัง “หัวหน้าเท้ง” อภิปรายเปิดญัตติจบ ก็ฟัง “ลุงป้อม” เขย่ารัฐบาลต่อ
มันเกิดขึ้นแล้ว!
เสียดายครับที่พรรคพลังประชารัฐได้เวลาอภิปรายเพียง ๒ ชั่วโมง ถือว่าน้อยมาก “ลุงป้อม” คงอภิปรายได้ไม่กี่ประโยค เพราะต้องเผื่อเวลาให้ลูกพรรคชำแหละนายกฯอุ๊งอิ๊ง
น่าจับตามองมากครับ เพราะช่วงหลัง “ทักษิณ” ขี่ “ลุงป้อม” มาตลอด
ถึงเวลาเอาคืนแล้ว
แต่จะสำเร็จหรือไม่ ยังเป็นคำถามตัวโตๆ อยู่
สรุปแล้วการซักฟอกน่าจะแค่วันเดียว เพราะจากเวลาที่พรรคพลังประชารัฐได้มา เป็นสัดส่วนของเวลาการอภิปรายที่ไม่น่าจะเกิน ๑ วัน
ฝั่งเพื่อไทย เขาประชุมเช่นกัน
“ดนุพร ปุณณกันต์” โฆษกพรรคแถลงข่าวงานนี้ไม่มีองครักษ์
“…ขอเรียนว่าทางพรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นในตัวท่านนายกฯ เราคงไม่ต้องตั้งทีมพิทักษ์นายกฯ
แต่แน่นอนว่ากฎกติกา ระเบียบข้อบังคับของสภาเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นเราจะมีวอร์รูมเล็กๆ ที่สภา โดยจะมี สส.พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันมอนิเตอร์
หากมีประเด็นอะไรที่ฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิง ออกนอกกรอบข้อบังคับการประชุม ก็อาจจะมี สส.บางท่านลุกขึ้นทักท้วงบ้าง
แต่เราจะลุกขึ้นเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นไปโดยไม่ขลุกขลักมากนัก และให้ประชาชนที่ฟังอยู่จะได้ไม่มองว่าฝ่ายค้านอภิปรายไม่ได้อย่างเต็มที่…”
ครับ…ก็ตั้งทีมองครักษ์พิทักษ์ลูกสาวนายใหญ่นั่นแหละ!
ส่วน “นายใหญ่” จะมีองครักษ์พิทักษ์หนาแน่นกว่า การประท้วงในที่ประชุมจึงน่าจะเกิดเป็นระยะๆ และถี่ยิบ
แล้วฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงถึง “ทักษิณ” ได้หรือไม่
ท่อนหนึ่งของญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจระบุชื่อ “ทักษิณ” เอาไว้
“…ทั้งยังทุจริตเชิงนโยบาย บริหารบ้านเมืองเพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่พวกพ้องและกลุ่มทุน แต่งตั้งบุคคลที่ขาดความเหมาะสม ขาดความรู้ความสามารถ หรือไม่ซื่อสัตย์สุจริตไปเป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญอื่น
นอกจากนี้ยังสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง
ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจจากพฤติการณ์ดังที่พวกข้าพเจ้าได้กล่าวมา…”
หากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจถูกบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภา โดยไม่มีการเอาชื่อ “ทักษิณ” ออก ก็แน่นอนว่า ฝ่ายค้านจะนำไปอ้างในการพาดพิงถึง
เพราะมีชื่อ “ทักษิณ” ในญัตติ
ส่วน สส.รัฐบาลจะประท้วงแหลก ห้ามเอ่ยชื่อ “ทักษิณ” ในทุกกรณี
ยกเว้น บอกว่า “ทักษิณ” เป็นพ่อนายกฯ
นั่นเป็นบรรยากาศในห้องประชุมสภา
ส่วนบรรยากาศหลังบัลลังก์ประธานสภา จะมีเรื่องน่าสนใจกว่า
อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีสัญญาณแปลกๆ มาตั้งแต่แรก
คือ ซักฟอกนายกฯ คนเดียว
คาดว่าวันที่ ๒๔ มีนาคม คือวันซักฟอก อาจมีความเคลื่อนไหวทางการเมือง รอยต่อช่วงกลางคืนจนถึงเช้าวันที่ ๒๕ มีนาคม ที่ “ทักษิณ” เองอาจคาดไม่ถึง
รู้อีกทีก็สายไปเสียแล้ว
เพราะสถานการณ์เปลี่ยน
เมื่อสิ้นรัฐบาลประยุทธ์ เพราะ “ลุงตู่” เป็นนายกฯ เต็มเพดานแล้ว
จำต้องพัก!
การมาของ “ทักษิณ” วิจารณ์กันให้แซ่ดว่า เพราะดีลลับเพื่อต่อสู้กับพลังการเมืองสีส้ม
ปีเศษให้หลังพลังส้มหดหาย ไม่ใช่เพราะพลังแดง
แต่เป็นพลังน้ำเงิน
โจทย์เปลี่ยนเพราะ “ทักษิณ” ต้องการยึดพลังน้ำเงินเป็นของตัวเอง
ตัดแขนตัดขาทุกวิถีทาง แม้กระทั่ง รายการแข่งรถจักรยานยนต์ระดับโลก “โมโตจีพี” ที่บุรีรัมย์ รัฐบาลแพทองธารเทแบบไม่ไยดี
กรณี สว.สีน้ำเงินถือว่าสาหัสสุด เป็นการเปิดสงครามชิงอำนาจทางการเมืองอย่างเปิดเผย กว้างขวาง และแข็งกร้าวที่สุด
แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ภาพรวมรัฐบาลแพทองธาร พบว่าเดินหน้ายากมาก
ไหนจะกับดักที่สร้างขึ้นเองอย่าง กาสิโนถูกกฎหมาย รวมทั้งพนันออนไลน์ ที่มีแนวโน้มว่าจะออกเป็นแค่กฎกระทรวง
จะไปได้สักกี่น้ำ
“แพทองธาร” จะได้ไปเปิดงานสงกรานต์ในฐานะนายกรัฐมนตรีหรือเปล่า ต้องลุ้นกันตัวโก่ง
