เปลว สีเงิน
ถามคำนะ…สส.กัณวีร์
คุณเป็นตัวแทนคนไทยหรือเป็นตัวแทนคนนอกชาติที่จ้องกัดกร่อนบ่อนทำลายประเทศกันแน่?
เห็นคร่ำครวญ-เพ้อพร่ำจะเป็นจะตายให้ได้ กับเรื่องที่ไทยส่ง ๔๐ อุยกูร์กลับบ้านเขาที่จีน
บอกตรงๆ รำคาญ!
จดหมายอุยกูร์ที่นำมาเข้าฉากกันนั่นน่ะ จริงหรือปลอม และกระดาษที่เขียนเป็นกระดาษชำระหรือกระดาษในเรือนจำ
ไม่มีใครเขาสน!
แต่เขาฉงนว่า คนไทยตั้ง ๖๗ ล้านคน แต่ทำมั้ย มันจึงลอยจากนภากาศแล้วจำเพาะเจาะจงหล่นปุ๊ไปอยู่ในมือสส.กัณวีร์-สว.อังคณาเท่านั้น?!
เมื่อวาน (๔ มี.ค.๖๘) เห็นออกตัวว่า…..
“อยากให้ทุกคนอย่าหลงประเด็นในเรื่องเกี่ยวกับการผลักดันชาวอุยกูร์กลับสาธารณรัฐประชาชนจีน
เนื่องจากยังมีเรื่องใหญ่กว่าเป็นจดหมายจริงหรือจดหมายปลอม เพราะสิ่งที่เราจำเป็นจริงๆ ตอนนี้ คือ
คำตอบจากรัฐบาลไทย ที่จะตอบว่า การผลักดันครั้งนี้ เขาสมัครใจจริงหรือไม่?”
ไม่มีใครเขาหลงประเด็นหรอก…กัณวีร์ มีแต่คุณเท่านั้นหลงความเป็นทาสความคิดไอ้กัน ทำตัวเป็นลูกกระเป๋งยูเอ็น
ทำไม….
มันเกี่ยวอะไรกับสมัครหรือไม่สมัครใจ ในเมื่อ ๔๐ อุยกูร์ลักลอบเข้าเมือง
ถูกจับ ก็ต้องส่งกลับไปบ้านเขา ตรงไปตรงมาอย่างนี้แล้วมันเจ็บจี๊ดแทงใจดำกัณวีร์นักหรือ?
คนหลบหนีเข้าเมือง มีสิทธิอะไรที่จะบอกว่า “สมัครใจหรือไม่สมัครใจกลับ” แล้วเราต้องน้อมสนอง
นี่ประเทศไทยนะ…
ไม่ใช่ “แผ่นดินพันธสัญญา” ของพวกหลบหนีเข้าเมือง หรือใครๆ ที่เข้ามาแล้วจะอ้างอยู่-อ้างไป แล้วเราต้องแบ่งแผ่นดินให้พวกเขาอยู่
ยูอง-ยูเอ็น, แอมเนสตี้-แอมเนสตวยอะไรนั่น เมื่อไม่ต้องการให้ส่งกลับ ก็มารับไปเลี้ยงดูเองก็หมดเรื่อง
ไม่ใช่ปล่อยเป็นภาระให้ไทยต้องเลี้ยงดูข้ามภพ-ข้ามชาติ ในขณะที่ ยูเอ็น-แอมเนสตี้ นั่งกระดิกตีน หากินกับคำว่า “สิทธิมนุษยชน” โดยไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย
แถมอุยกูร์ที่เข้ามา…
เป็นเชื้อนำปัญหากระทบความมั่นคง ไทยต้องอยู่หว่างเขาควาย ๒ มหาอำนาจขวิดกัน แล้วนักการเมืองห่วยๆ บางคน ก็คอยโหน
ประเด็นที่อ้างข้างๆ คูๆ ว่า…
“การผลักดันผู้ลี้ภัยออกจากประเทศไทยกลับไป ไปเจอการประหัตประหารในประเทศต้นกำเนิด…” นั่นน่ะ
เพ้อเจ้อ ก็ตาเหลือก-ตาพอง พูดไปเรื่อย
ไหน…ที่ว่าส่งกลับแล้วถูกประหัตประหารในประเทศถิ่นกำเนิดนั่นน่ะ อย่าพูดลอยๆ เอาหลักฐานมาดูซิ?
เห็นแต่จีนประคบ-ประหงม ๔๐ อุยกูร์ ยังกะ “ไข่ในหิน”
ไปถึงซินเจียง เห็นทั้งคนกลับทั้งญาติพี่น้องเขากอดกัน ยินดีปรีดาที่ได้กลับไปอยู่ร่วมกัน
โดยมีจ้าหน้าที่ทั้งไทย ทั้งจีน และทั้งโลก สังเกตการณ์
อีกอย่าง คิดอย่างกัณวีร์ นั่นคิดแบบยุคทาส แต่จีนวันนี้ เขาก้าวข้ามยุคทาสไปถึงยุค “สันติสุข-ทัดเทียม” ในสังคมร่วมตั้งนานแล้วหละ…ลุ๊ง!
ไม่ใช่ผม “หลับหู-หลับตาพูด” แต่พูดจากสัมผัสจริง ๕๐ ปีก่อน สมัย “ท่านประธานเหมา” ยังมีชีวิตอยู่
ผมไปดู-ไปเห็น-ไปสัมผัสมาแล้วในหลายเมือง-หลายมณฑล ยืนเรียงแถวชนเหมาไถกับท่าน “เติ้ง เสี่ยงผิง” ที่มหาศาลาประชาชนมาแล้วด้วยซ้ำ
เห็นสภาพประชาชนจีน-ประเทศจีนยุคคอมมิวนิสต์เต็มตัวแล้วว่าเป็นสภาพไหน
จนกระทั่ง “ท่านประธานเหมา” สิ้น
ท่าน “เติ้ง เสี่ยวผิง” ขึ้นมานำต่อ ด้วยนโยบาย ๑ จีน ๒ ระบบ จีน “วิจัย-พัฒนา” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม
กระทั่งก้าวล้ำตะวันตกด้านวิทยาการเทคโนโลยีหลายๆ ด้าน ดังเห็นทุกวันนี้
การพัฒนาชนิดก้าวกระโดดของจีน ไม่เพียงเปลี่ยนวิถีคน วิถียังประยุกต์ “สังคมคิด” สู่สมัย “คอมมิวนิสต์ประยุกต์” ไปด้วย
ในความเป็น “คอมมิวนิสต์” ของจีน กัณวีร์ลองไปดูซี สหรัฐฯ ว่า เป็นผู้นำโลกประชาธิปไตย
แต่สหรัฐฯ “เผด็จการ-ป่าเถื่อน” ชนิดที่ไม่มีอย่างนั้นในสังคมจีนเลย!
อย่างที่ทรัมป์ถืออำนาจประธานาธิบดี เซ็นคำสั่งให้ฆ่าคนต่างชาติที่ทำร้ายคนอเมริกันได้ทันที ไม่ถือว่าผิดกฎหมายนั่นน่ะ
ป่าเถื่อนอย่างนี้ เมด อิน USA เท่านั้น ที่จีนไม่มี คอมมิวนิสต์ไม่ใช่คนป่าถื่อน เขาไม่ทำกัน
แล้วกัณวีร์ ยังจะเอาความคิดล้านปีมาเพ้ออีกหรือว่าว่า “ส่งกลับแล้วถูกประหัตประหาร” ช่างน่าขันและน่าหยันพอๆ กัน!
เนี่ย…สมมติ ๔๐ อุยกูร์ เอาแค่ “หนังถลอก”
ป่านนี้ มิถูก ทั้ง USA, UN, UNHCR, Human Rights Watch ที่จ้องตาเขม็ง ได้ที
แล้วรุมขยาย-ขย่มเป็นเรื่องราว-ข่าวโลก แถลงการณ์ประณาม “จีนทำทารุณกรรม” กระหน่ำกันเละไปแล้วรึนั่น!
จีนเขาไม่บ้องตื้นกับเรื่องที่โลกจะจ้อง-ไม่จ้องจับผิดหรอก มีแต่คนระนาบ สส.กัณวีร์ นั่นแหละ…ไม่แน่
อีกอย่าง สส.กัณรีร์ ควรใช้คำให้ถูกต้อง
“๔๐ อุยกูร์” นั้น….
เป็น “คนลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย” ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย
ไม่ใช่ “ผู้ลี้ภัย” อย่างที่กัณวีร์เรียกหวังลากไปเข้ากรอบกฎหมายระหว่างประเทศและอนุสัญญาระหว่างประเทศ
และตอนท้ายแถลงของกัณวีร์ บอกว่า…
“ผมพยายามสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ หากรัฐบาลมีหลักฐานใดๆ ก็ตาม ที่ระบุได้ว่า ชาวอุยกูร์เหล่านี้ สมัครใจจะกลับประเทศจีนจริง
ก็ขอให้เอาออกมาแสดงให้ประชาชนและเวทีระหว่างประเทศ มั่นใจว่า เราไม่มีการผลักดันคนเข้าสู่การประหัตประหารอีกครั้งหนึ่ง….”
คำก็ประหัตประหาร สองคำก็ประหัตประหาร ไอ้กันและยูเอ็น เขาสั่งสมุนให้ท่องเป็นคัมภรีร์รึไง?
ลืมตาดูโลกเป็นจริงบ้างนะ…กัณวีร์
ไทยเป็นเมืองขึ้นไอ้กันหรือตกเป็นจำเลยโลกตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ต้องไปกราบกรานรายงานว่า ที่ส่งกลับนั้น อุยกูร์สมัครใจหรือไม่สมัครใจ?
พูดคำโตเกินตัวที่ว่า “ผมพยายามสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ”
พี่น้องไทย ๓ จังหวัดใต้ของ สส.กัณวีร์นั่นน่ะ ถูกพวกก่อการร้าย ฆ่าตายไม่เลือก “เด็ก-ผู้ใหญ่” ต่อเนื่องมาเป็นปีๆ ไม่รู้กี่ร้อยศพ
โหดร้าย-ป่าเถื่อนปานนั้น แต่เคยมีซักครั้งหรือซักคำมั้ย ที่สส.กัณวีร์ออกมา “ประณามโจรแบ่งแยกดินแดน”?
หรือเจ็บแค้นแทนแล้วแสดงออกเหมือนอย่างที่เจ็บแค้นและแสดงออกในกรณี ๔๐ อุยกูร์
สหรัฐฯ และองค์กรลูกกระเป๋งแถลงการณ์ประณาม
กัณวีร์กลัวไม่เข้าตาละซีท่า….
รีบรับลูกขยายความประณามย่ำเหยียบประเทศตัวเองไม่เว้นวาย จนน่าทุเรศ
คุณเป็นคนไทยมิใช่หรือ?
อย่าสร้างภาพลักษณ์ประเทศตัวเองด้วยพฤติการณ์-พฤติกรรมดึงประเทศลงต่ำอย่างที่กำลังทำนั้นเลย ขอบอก
และที่คุณตบท้ายการแถลงข่าวเมื่อวานว่า….
ในมุมความชอบธรรม ผมมองว่า “เป็นการติดกระดุมผิดตั้งแต่ต้น” นั้น
ผมว่าสส.กัณวีร์ควรห่วงตัวเองมากกว่า อย่าเผลอเอากระดุมเสื้อไปกลัดติดรังดุมกางเกงก็แล้วกัน!
มาดูบรรยากาศบ้านเมืองว่าด้วยการเมืองร้อนๆกันบ้าง ประเด็นรมช.คลัง “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” แบไต๋
“เปิดกาสิโน มุ่งนักพนันคนไทยเป็นลูกค้าขาหลัก”
ปรากฏว่า เสียงต่อต้านเปิดบ่อนเกินระดับ ๑๑๕ เดซิเบลทันที
ตอนนี้ ประเด็น “รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” จะจบลงด้วยเรื่องอะไร? ระหว่างอภิปรายไม่ไว้วางใจกับกระแสต้านรัฐบาลที่ดึงดันเปิดกาสิโน
ปรากฎว่าคะแนน “ตีคู่” สูสี!
แต่ดูเหมือนเรื่องกาสิโนจะเรียกแขกทุกรุ่น-ทุกวัยและทุกกลุ่ม ออกมาประสานเสียงต่อต้าน-ค้านคัด จนสามารถพูดได้ว่า
เป็นประชามติ “ไม่เอากาสิโน”!
ถามว่าเปิดกาสิโน ผลได้มีมั้ย…มีล้านเปอร์เซนต์ แต่คนที่ได้ คือ แก๊งขายใบอนุญาต
ส่วนรายได้เข้าคลังนั้น เข้าร้อย แต่ต้องจ่ายพันไปเยียวสังคมที่พินาศล่มจม
เรื่องโทษภัยทำสังคมล่มสลาย อาจเพ่งไปที่ “กาสิโน”
แต่ผมขอบอก เฉพาะสถานกาสิโนที่เพื่อไทย by ทักษิณผลักดันให้เปิด มันกินแค่เนื้อ
แต่ “พนันออนไลน์” ถูกกฎหมาย ที่จะเปิดควบคู่ นั่นละ มันกินถึงกระดูก กับทุกคน-ทุกเพศ-ทุกวัย ไม่เว้นกระทั่งนักเรียน-นักศึกษา
มันตามกินถึงในครัว ในมุ้ง ในห้องเรียน ในห้องส้วมกระทั่งทั้งพระ-ทั้งโจร ด้วย “โทรศัพท์มือถือ” ที่ทุกคนมีเครื่องเดียว
ทุกคนเล่น “พนันออนไลน์” ได้หมด โดยไม่ต้องให้ใครรู้ หมดตูด แล้วเที่ยวยืม ถึงลัก-ชิง-วิ่ง-ปล้น นั่นแหละ ถึงจะรู้ว่า พนันออนไลน์ มัน “ฆ่าคน-ฆ่าประเทศ” ได้ง่ายดายกว่าทำสงคราม
“กาสิโน” ลงทุนเยอะ ต้องจ่ายใต้โต๊ะ-บนโต๊ะ แต่พนันออนไลน์ เป็นแมงดาเกาะหลังการพนันในบ่อนให้เล่นทางเว็บ
แถมแทงม้า-แทงหวย-แทงมวย-แทงบอล-แทงหมากัดกัน-แทงตีไก่-กัดปลา แทงได้ทั้งนั้น
นี่แหละ….
“ล่มชาติ” มันต้อง “ล้มประชาชน” ให้ได้ก่อน เมื่อประชาชนจมนรกพนันออนไลน์ได้ แล้ว “ประเทศ” มันจะไปซะทางไหนรอด?!
ตัดแบ่งกันไป “เหนือ-ใต้” มึงมั่ง-กูมั่ง แล้วกูขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี มันจะแปลกตรงไหน
ในเมื่อทั้งกาสิโน-ทั้งพนันออนไลน์ มันฆ่ากำลังชาติตายหมดแล้ว ไม่ต่างสมัยอังกฤษนำฝิ่นเข้าไปมอมเมาคนจีน สุดท้าย ต้องเสียประเทศให้อังกฤษ!
คนไทย บรรพบุรุษท่านสู้ไว้ให้ ทุกวันนี้ ก็เลยสุขสบายกันจนเคยตัว สบายจนไม่รู้จักว่า “ความเจ็บปวดจากการสูญเสียความเป็นชาติ” มันเป็นยังไง?
ก็จะบอกให้ “กาสิโน-พนันออนไลน์”….
ไม่ต่างดอกไม้ราคาแพงและไฟแสงสีระยิบระยับที่แต่งประดับหน้าหีบศพ
ไม่มีใครต้องการเห็นประเทศเป็นศพใต้แสงสีประดับมิใช่หรือ และนี่คือ ที่ทุกคนต้องตระหนัก
ว่า “เพื่อไทย” มีแผนอะไรกับแผ่นดิน?!
เปลว สีเงิน
๕ มีนาคม ๒๕๖๘
