4 มีนาคม 2568 นางอัจฉรพรรณ หอมรส สว. อภิปรายว่า การที่ดีเอสไอตั้งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรต่อสว. ทำให้ประชาชนเข้าใจสว.ผิดเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งที่สว.มาอย่างถูกต้อง ดีเอสไอไม่สนใจกรณีกลุ่มจิตวิญญาณบางกลุ่มใช้สมการศูนย์เท่ากับหนึ่ง เผยแพร่ทางสื่อต่างๆ ได้ตรวจสอบหรือยัง เพราะเป็นกลุ่มหนึ่งได้ดำเนินการมาในรูปแบบสว.เช่นกัน
“มัวแต่เน้นกลุ่มสว.138 คน ยกตัวอย่างโพยชุดหนึ่ง ที่เมืองทองธานี ถอดตัวเลขตามโพยออกมาเป็นสว. 8 คน เป็นสว.สีขาว 7คน ซ้ำกับสว.สีน้ำเงิน 1 คนที่ถูกพักปฏิบัติหน้าที่ โพยนี้ยืนยันได้ มีโพยสว.ทุกคน เพราะต้องกาหลายเบอร์ จึงจำเบอร์ไม่ได้ และกกต.เองก็แนะนำให้เขียนตัวเลขเข้าไปในห้องลงคะแนน แต่ดีเอสไอกลับเลือกปฏิบัติ” นางอัจฉรพรรณ กล่าว
จากนั้นเวลา 12.30 น.หลังจากที่สว.อภิปรายสนับสนุนญัตติครบถ้วนแล้ว พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. อภิปรายปิดญัตติ กล่าวสรุปว่า การอภิปรายของ สว. ทำให้เห็นว่า รมว.ยุติธรรม และ อธิบดีดีเอสไอ งานควรทำไม่ทำ กลับไปทำในสิ่งที่ไม่มีอำนาจ อย่างไรก็ตามกรณีที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)เตรียมพิจารณาคดีการฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษนั้น มีข้อโต้แย้งว่าการพิจารณาดังกล่าวเข้าข่ายก้าวก่ายอำนาจของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกทั้งไม่มีหลักฐานเพียงพอ ทั้งเส้นทางการเงิน โพย ไม่มีพยานหลักฐานชี้ชัดว่าทุจริตเลือก จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับเรื่องไว้เป็นคดีพิเศษ
“การดำเนินการก้าวก่ายเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่บุคคลใดจะใช้สิทธิล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการสอบสวนคดีฮั้ว เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. ไม่ใช่ ของดีเอสไอ ซึ่งการที่ดีเอสไอจะสอบสวนฮั้วเลือกตั้ง สว. เป็นการกระทำนอกเหนือจากอำนาจหน้าที่ เมื่อพิจารณาแล้วหากดีเอสไอจะรับคดีฮั้วสว.เป็นคดีพิเศษต้องพิจารณาตามกฎหมายการสออบสวนคดีพิเศษ คือ คดีอาญาที่กำหนดไว้ตามมาตรา 21 และเมื่อพิจารณาแล้วคดีเลือกตั้งไม่ใช่คดีที่กำหนดไว้ในอำนาจของดีเอสไอ” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ อภิปราย
จากการอภิปรายของสว. แสดงให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมขาดประสิทธิภาพ ถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง ผมขอความเห็นจากที่ประชุมส่งข้อสังเกตจากการอภิปรายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ไปยังคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป หรืออาจจะขอเปิดอภิปรายทั่วไป พ.ต.อ.ทวี กรณีผิดมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางกาเมืองอย่างร้ายแรงและยื่นถอดถอนต่อไป รวมถึงพิจารณาการทำหน้าที่ของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฐานทุจริตต่อหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
จากนั้น นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ฐานะประธานในที่ประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่า ให้สำนักงานเลขาธิการส่งข้อเสนอแนะให้ ครม.พิจารณาต่อไป และการพิจารณาญัตติดังกล่าวเห็นว่าสำคัญและเป็นประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของ คณะกรรมการธิการ (กมธ.) องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จึงมอบหมายให้ศึกษาเพิ่มเติมและเสนอผลการศึกษาให้ สว.พิจารณาต่อไป