สันต์ สะตอแมน
“ได้ไปส่องดูงานว่าเหตุใดถึงไม่ออกมา
พบว่ามีเงินค้างท่อในระบบงบประมาณอยู่เป็นจำนวนมาก หากผลักดันออกไปได้โดยไม่ต้องไปกู้ เศรษฐกิจจะเติบโตไปได้
จากนี้ไปนายกฯ อิ๊งค์จะเร่งผลักดันให้งบประมาณส่วนนี้ออกไปสู่ประชาชนให้มากที่สุด ให้เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเร็ว”
นี่..นายทักษิณ ชินวัตร ได้พูดกับชาวบ้านที่ ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งก็ไม่ทราบว่านายทักษิณใช้อำนาจอะไรถึงได้เข้าไปสอดส่อง (เสือก) กับเงินงบประมาณ
ถึงได้รู้ “ค้างท่อ” อยู่เป็นจำนวนมาก และบอกกับชาวบ้านเป็นสัญญา.. “จากนี้ไปนายกฯ อิ๊งค์จะเร่งผลักดันให้งบประมาณส่วนนี้ออกไปสู่ประชาชนให้มากที่สุด..”
ครับ..ก็คอยดู ถ้านายกฯ แพทองธารเร่งผลักงบประมาณออกมา ก็แสดงว่า.. “ทักษิณคิด อุ๊งอิ๊งทำ” เป็นความจริง แต่ที่จริงปนเท็จก็คำกล่าวที่ว่า..
“การลดโทษถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงรับสั่งให้ผมได้ใช้ความรู้ความสามารถทำประโยชน์ให้ชาติ จะทุ่มเทจนชีวิตหาไม่”
ด้วยโทษที่เหลือ 1 ปี นายทักษิณยังไม่ได้ปฏิบัติตามที่ทรงรับสั่ง แถมยังทำตัวเหนือนักโทษ เหนือกฎหมาย ซ้ำทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย..
องค์กร หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็พลอยเสื่อม-หมอง เป็นเหตุให้ต้อง “ค้นหาความจริง” เพื่อนำตัวนายทักษิณกลับเข้าคุก-รับโทษทัณฑ์กันอยู่ในขณะนี้!
ทีประเด็นนี้ นายทักษิณไม่เคยจะยกมาอวดอ้างให้ชาวบ้านฟัง นำเอาแต่คำที่ตัวเองได้คุณ.. “ทรงรับสั่งให้ผมได้ใช้ความรู้ความสามารถทำประโยชน์ให้ชาติ” มาพูดอยู่เรื่อยมา
ส่วนที่พระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้เหลือ 1 ปี นอกจากไม่เคยกล่าวถึง ยังไม่ปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง โปร่งใส ตรงไป-ตรงมาแต่อย่างใด..ทุด!
ครับ..เห็นสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจฯ ออกรายงานเรื่อง ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2567 หัวข้อ “คนต่างด้าวกับระบบสาธารณสุขชายแดน” วันก่อนแล้ว
ต้องบอกเลยน่ากังวล..ด้วยคนต่างด้าวเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลในไทยเป็นจำนวนมากถึง 3.8 ล้านครั้งในปีงบประมาณ พ.ศ.2567
และเมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่ “เรียกเก็บไม่ได้” จากคนต่างด้าวในพื้นที่ชายแดน กลับพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 มีมูลค่าถึง 9.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ถึง 8.2 เท่าตัว ซึ่งกว่าร้อยละ 81.1 ของมูลค่าดังกล่าวมาจากพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา
จึงเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบที่โรงพยาบาลชายแดนต้องแบกรับ ทั้งภาระในการดูแลผู้ป่วยเพิ่มขึ้น บุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ รวมถึงภาระทางการเงินของโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น!
เฮ้ออ..เหนื่อยใจ ชายแดนก็ปัญหาหนึ่ง แล้วนั่นใกล้กรุงเทพฯ เห็นข่าวชุดปกครองของจังหวัดสมุทรสาครภายใต้นโยบายของคุณนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ
ได้สั่งการให้ปกครองอำเภอกระทุ่มแบน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ศูนย์ดำรงธรรมได้รับแจ้งจากประชาชน
ว่ามีแรงงานต่างด้าวเปิดร้านขายของแย่งอาชีพคนไทยบริเวณตลาดนัดฟ้าใส และเมื่อไปถึงพบชาวเมียนมาเปิดร้านค้าแผงลอยขายของกันเป็นจำนวนมาก
มีทั้งร้านขายปลาสด ขายปลาแห้ง ร้านขายอาหารพื้นบ้านเมียนมา ขายหมากพลู และร้านขายโทรศัพท์มือถือ
โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 81 และกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2561 (ฉบับที่ 2) มาตรา 8
โดยชุดจับกุมได้นำผู้ต้องหาจำนวน 7 ราย พร้อมของกลาง มาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
“แล้วไงต่อ” ..ชาวบ้านเขาฝากถาม ส่วนผมไม่ถามแต่สงสัย ในกรุงเทพฯ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ทำการกวาดล้างต่างด้าวจริงจังกันเสียที..
มันยิ่งกว่าปลวกขึ้นบ้านแล้ว..เครียดโว้ย!
