ผักกาดหอม
พูดกันเยอะ…
เรื่อง “ผู้ช่วยหาเสียง”
พลิกกฎหมายดูแล้วทำเป็นเล่นไป…ผิดกราวรูดเลยนะครับ ตั้งแต่ กกต.ยันผู้สมัครนายก อบจ.
ประเด็นที่นักร้องเบอร์หนึ่ง “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ทำหนังสือร้อง กกต.ว่า ผู้ช่วยหาเสียงบางคน อาจขัดระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๓
เรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ หากการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเคร่งครัด
ไม่มั่วนิ่ม!
สาระสำคัญในคำร้องของ “เรืองไกร” มีดังนี้ครับ
ข้อ ๑.พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตราที่เกี่ยวข้อง (บางส่วน)
“มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง
“สภาท้องถิ่น” หมายความว่า สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สภาเทศบาล สภาองค์การบริหารส่วนตำบล สภากรุงเทพมหานคร สภาเมืองพัทยา และสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง
“ผู้บริหารท้องถิ่น” หมายความว่า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเมืองพัทยา และผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง
“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
“มาตรา ๙ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้”
“มาตรา ๓๘ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
(๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึง วันเลือกตั้ง
ในกรณีที่มีการย้ายทะเบียนบ้านออกจากเขตเลือกตั้งหนึ่งไปยังอีกเขตเลือกตั้งหนึ่งภายในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกัน อันทำให้บุคคลมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกัน น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกตั้ง ให้บุคคลนั้นมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านครั้งสุดท้ายเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปี”
ข้อ ๒.ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดไว้ดังนี้
ข้อ ๔ ในระเบียบนี้
“ผู้สมัคร” หมายความว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
“ผู้ช่วยหาเสียง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้สมัครให้เข้าร่วม กิจกรรมในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ตลอดระยะเวลาหรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเป็นบุคคลที่ได้แจ้งรายละเอียด หน้าที่และค่าตอบแทนต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ยกเว้นบุคคลในครอบครัว ได้แก่ สามี ภริยาหรือบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อ ๓.ดังนั้น “ผู้ช่วยหาเสียง” จึงควรหมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเฉพาะแต่ละ “สภาท้องถิ่น” หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” เช่น นาย ท. ซึ่งอ้างเป็นผู้ช่วยหาเสียง แต่กลับเป็นผู้ปราศรัยหลักบนเวทีหาเสียง นายก อบจ. หรือ สภา อบจ. ในหลายจังหวัด ซึ่งสื่อมวลชนต่างๆ ลงข่าวอย่างชัดเจน เป็นต้น
ข้อ ๔.เมื่อมีข้อเท็จจริงที่เป็นความปรากฏโดยทั่วไป ที่แสดงให้เห็นว่า มีการหาเสียงเลือกตั้งในแต่ละ “สภาท้องถิ่น” หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ได้มีการใช้ “ผู้ช่วยหาเสียง” ที่อาจไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามความในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กกต.รู้หรือควรรู้อยู่แล้วนั้น เนื่องจากผู้ช่วยหาเสียงผู้บริหารหรือสภาท้องถิ่น กับ ผู้ช่วยหาเสียง สส.นั้น มีความหมายแตกต่างกัน
ข้อ ๕.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ (บางส่วน)
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”
ข้อ ๖.ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนดไว้ดังนี้
ข้อ ๔ ในระเบียบนี้
“ผู้สมัคร” หมายความว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
“ผู้ช่วยหาเสียง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง ให้เข้าร่วมกิจกรรมในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง ตลอดระยะเวลาหรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเป็นบุคคลที่ได้แจ้งรายละเอียด หน้าที่และค่าตอบแทนต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด
ข้อ ๗.จากบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตราที่เกี่ยวข้อง และข้อกำหนดในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างข้างต้น ซึ่งตามข่าวประชาสัมพันธ์ที่ ๑๐/๒๕๖๘ วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๘ ซึ่ง กกต.ทราบแล้วนั้น กรณีจึงมีเหตุอันควรขอให้มีการตรวจสอบต่อไปว่าการหาเสียงเลือกตั้งในแต่ละ “สภาท้องถิ่น” หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ได้มีการใช้ “ผู้ช่วยหาเสียง” ที่อาจไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามระเบียบ กกต.หรือไม่
ครับ…ก็สรุปได้คร่าวๆ ผู้ช่วยหาเสียง มีอยู่ในกฎหมายมากกว่า ๑ ฉบับ แต่สถานะแตกต่างกันออกไป
ความต่างในคุณสมบัติของ ผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่น กับผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้ง สส. ที่เห็นชัดเจนคือ การที่ผู้ช่วยหาเสียง ต้องเป็น “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง”
เมื่อไปดู “ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” ของระเบียบ กกต.ทั้ง ๒ ฉบับ พบว่ามีความแตกต่างกัน
ผู้ช่วยหาเสียง ในการเลือกตั้งท้องถิ่น ต้องเป็น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สส.
เช่นเดียวกัน ผู้ช่วยหาเสียง เลือกตั้ง สส. คือผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สส. ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น
ที่ซ้อนกันอีกชั้นคือ ผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ต้องมีชื่ออยู่ในท้องถิ่นที่มีการเลือกตั้ง นั่นเพราะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกตั้ง
แน่นอนครับทั้ง “ทักษิณ” และ “พิธา” ต่างก็เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นเหมือนกัน
ท้องถิ่นที่ว่าคือ กทม. ไม่ใช่จังหวัดที่มีการเลือกนายกอบจ.อยู่ในขณะนี้
แต่ กทม.ยังไม่ถึงเวลาเลือกผู้ว่าฯ กทม. “ทักษิณ” และ “พิธา” จะนำสถานะผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นใน กทม. ไปใช้กับการเลือกตั้งนายก อบจ.ในจังหวัดอื่นมิได้
อยู่ที่ กกต.แล้วล่ะครับว่า จะตีความกฎหมายอย่างไร โดยเฉพาะระเบียบที่ กกต.เป็นผู้ออกเอง