นายกรัฐมนตรีให้นโยบายหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงฯ สั่งการผลักดันนโยบายแก้ฝุ่นให้รวดเร็ว ด้านนโยบายปราบยาเสพติดต้องเร่งเครื่องให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ขณะที่ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์รัฐบาลติดดาบด้วยพ.ร.ก.ไซเบอร์ ให้แล้วต้องทำให้หมดไปให้ได้ขณะที่ภาพลักษณะประเทศเน้นย้ำให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องสร้างภาพลักษณ์ไทยแลนด์ให้ดีพร้อมสั่งเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ไทย-จีนโอกาสครบ 50 ปี
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (29 มกราคม 2568) เวลา 11.30 น. ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 3 อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2568 โดยมีพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก นิรันดร เหลื่อมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ คณะผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการ ก.พ. หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าและผู้แทน เข้าร่วมประชุม
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาร่วมหารือกับปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันผลักดันนโยบายต่าง ๆ ให้ไปถึงประชาชน โดยหากปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการมีปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงานสามารถนำมาพุดคุยหารือนอกรอบได้ เพื่อให้การทำงานไม่มีกำแพงเกิดขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากยิ่งขึ้น สำหรับการมอบนโยบายให้หัวหน้าส่วนราชการ ในงาน “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มอบนโยบายด้านต่าง ๆ ไปแล้ว ในวันนี้จะถือโอกาสมาทบทวนและติดตามงาน เช่น การเบิกจ่ายงบลงทุน ต้องขอขอบคุณซึ่งหลายกระทรวงได้เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณคืบหน้าได้ผลดีมาก แต่ภาพรวมการเบิกจ่ายทำได้เพียง 18% เท่านั้น ถือเป็นตัวเลขยังค่อนข้างต่ำอยู่ จึงขอให้ทุกหน่วยเร่งทำการเบิกจ่ายให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อจะได้เพิ่มการสร้างโอกาสให้กับประเทศ และเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โอนเงิน 10,000 บาท เฟส 2 จึงต้องการให้ทุกภาคส่วนทำควบคู่กับรัฐบาลเพื่อจะได้กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
“ในที่ประชุม ครม. เมื่อวานนี้ (28 มกราคม 2568) ได้แจ้งไปยังทุกกระทรวงที่กํากับดูแลการใช้งบประมาณ ให้จัดทําคําขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน รวมทั้งพิจารณาจัดลําดับความสําคัญของโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายสําคัญของรัฐบาล เพราะในปี 2569 มีงบประมาณที่จำกัด จึงได้เน้นย้ำให้พิจารณากันอย่างรอบคอบ”
นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการ 3 เรื่อง 1.เรื่องแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ปีนี้ฝุ่นมาเยอะและมาเร็ว และได้มีการตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาในอาเซียน ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ทำงานในส่วนที่รับผิดชอบ เดินหน้าผลักดันให้เต็มที่เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมและช่วยแบ่งเบาอุปสรรคของประชาชน 2.ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย – จีน ขอให้ทุกกระทรวงดําเนินการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เช่น การสถาปนาความสัมพันธ์แบบเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดของไทยกับเมืองหรือมณฑลกับประเทศจีนเพิ่มเติมจาก 40 คู่ความสัมพันธ์ เป็น 50 คู่ความสัมพันธ์ของกระทรวงมหาดไทย หรือการเร่งรัดกรณีเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างไทยและ สปป. ลาว ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นประเด็นที่ประเทศจีนได้ร้องขอให้ดําเนินการมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ทั้งนี้ ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน (Official Visit) ระหว่างวันที่ 5 – 8 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ จะได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ โดยขอให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยอํานวยความสะดวกในส่วนที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดและติดตามการทํางานของทุกกระทรวง พร้อมทั้งรายงานผลให้ทราบ
และ 3.ด้านความมั่นคง ซึ่งสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานสําคัญที่จะร่วมดําเนินการ ได้แก่ เรื่องยาเสพติด อาชญากรรมไซเบอร์ รวมถึงเรื่องการให้สัญชาติและถิ่นที่อยู่ถาวรกับกลุ่มชาติพันธุ์ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดําเนินการทั้ง 3 เรื่องให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และเมื่อวานนี้ (28 มกราคม 2568) ได้แก้ไขร่างพระราชกำหนดไซเบอร์ไปแล้ว คาดว่าน่าจะเห็นผลและเกิดประโยชน์กับประชาชนโดยเร็วที่สุด
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ส่วนราชการได้รายงานในประเด็นสำคัญตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี อาทิ งานด้านความมั่นคง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้รายงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นย้ำเรื่องการดำเนินการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและคุณภาพชีวิต ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนด 7 มาตรการเข้มข้น เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมชาวต่างชาติถูกหลอกลวง โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังพื้นที่ชายแดน โดยมีระเบียบแบบแผนทุกขั้นตอนในการตรวจสอบชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ได้แก่ 1.ก่อนเข้าประเทศ 2.เข้าประเทศ (สนามบิน) 3.ออกจากสนามบิน 4.นำพัก ท่องเที่ยวชายแดน 5.พื้นที่ชายแดนแม่สอด 6.ภายในพื้นที่แม่สอด 7.นอกประเทศ โดยต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 7 วัน และกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากปล่อยปละละเลย หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด
สำหรับการแก้ไขปัญหาฝุ่นของกรุงเทพมหานคร ได้นำมาตรการเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) มาใช้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้ว เพื่อร่วมกันลดมลพิษทางอากาศ ลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในพื้นที่เขตเมือง ทางด้านกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เสนอความเห็นว่าแม้ประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาหลายด้าน ทั้ง PM2.5 และปัญหาอาชญากรรม แต่ภาพรวมนักท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม และไม่มียอดลดลง เพราะเรื่องฝุ่นทุกภาคส่วนสามารถแก้ไขและดำเนินการได้ ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว
ส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างไทย – จีน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการสำรวจพื้นที่ และได้รายงานนายกรัฐมนตรีถึงการเตรียมความพร้อมรับแพนด้าจากประเทศจีน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ไทย – จีน เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ซึ่งจะสามารถดึงดูดรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ในตอนท้ายของการประชุม นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำหนดวันประชุมหารือเร่งรัดในการจ่ายงบประมาณเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด นายจิรายุ กล่าว
