ม.มหิดลร่วมกับเครือข่ายขับเคลื่อนบึงบอระเพ็ดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยมหิดล สร้างเครือข่ายการทำงานในพื้นที่บึงน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยการใช้การวิจัย และบริการวิชาการให้กับชุมชนและสังคม โดยตลอด 15 ปีที่ผ่านมาได้มีการปลดล็อกเรื่องที่ดิน นำไปสู่การบริหารจัดการน้ำร่วมกัน และการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้ “บึงบอระเพ็ด SANDBOX”

ดร.ณพล อนุตตรังกูร หัวหน้าศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เป็นเบื้องหลังสำคัญในการถักทอเครือข่ายชุมชนและภาครัฐ สู่การพัฒนาที่สอดคล้องกับพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 7 ที่พระราชทานบึงบอระเพ็ดให้เป็นแหล่งบำรุงพันธุ์สัตว์น้ำ และสอดคล้องกับกฎหมายหลักในบึงบอระเพ็ดทั้ง 3 ฉบับ

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ได้มีการขับเคลื่อนเพื่อความยั่งยืนของชุมชนด้วยการร่วมกันเสนอ “แผนพัฒนาบึงบอระเพ็ด” ให้กับสภาปฏิรูปแห่งรูป ทำให้นำไปสู่การขับเคลื่อนในระดับนโยบายสู่การได้นำซึ่งสิทธิการเช่าที่ดินของชุมชน รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำอย่างมีส่วนร่วม

ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งรวมตัวกันจดทะเบียนองค์กรผู้ใช้น้ำรอบบึงบอระเพ็ด 5 ตำบล เชื่อมโยงเครือข่ายสู่พื้นที่ตอนบนอีก 4 ตำบล ทำให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งแรกที่มีองค์กรผู้ใช้น้ำมากที่สุดในประเทศ พร้อมทั้งมีระบบการบริหารจัดการน้ำที่เกิดจากข้อเสนอของทุกภาคส่วน และจังหวัดนครสวรรค์รับรองระบบการบริหารจัดการน้ำเรียบร้อยแล้ว

ล่าสุดได้มีการต่อยอดสู่การพัฒนาอาชีพของชุมชนให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการทดลองการทำนาที่ใช้น้ำน้อย และการนำวัชพืชน้ำมาทำปุ๋ยเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการรวมกลุ่ม และขยายผลในปีถัดไป

นอกจากนี้วิทยาเขตนครสวรรค์ ได้เตรียมการเชื่อมโยงกับคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัยมหิดล สู่การพัฒนาในพื้นที่บึงบอระเพ็ด ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจากคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ในการสร้างระบบการใช้ประโยชน์จากภาพถ่ายดาวเทียม
ซึ่งหน่วยงานในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ข้อมูลสู่การตัดสินใจในการบริหารจัดการ รวมทั้งการจัดเสวนาโอกาสการพัฒนาที่ยั่งยืนของบึงบอระเพ็ด โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ พิมพา ผู้ช่วยคณบดีด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainability) วิทยาลัยการจัดการ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเครือข่ายบึงบอระเพ็ดในการขับเคลื่อนการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ภายใต้ “บึงบอระเพ็ด SANDBOX” ที่มีเป้าหมายที่สิ่งแวดล้อมอยู่ได้ ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และสู่การเป็นพื้นที่ Ramsar site ในปี พ.ศ. 2585

จากผลงานรับใช้สังคมที่เน้นการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ จนเป็นที่ประจักษ์ในบึงบอระเพ็ด ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มนำ้ที่เปรียบเสมือนสายโลหิตของคนไทยทั้งชาติ ส่งผลให้ ดร.ณพล อนุตตรังกูร ได้รับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล ปีการศึกษา 2566 ประเภทดีเด่นเฉพาะทาง สาขาการบริการ โดยจะได้เข้ารับพระราชทานรางวัลฯ จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2566

โดย ดร.ณพล อนุตตรังกูร กล่าวทิ้งท้ายว่า “สถาบันการศึกษาสามารถทำหน้าที่รับใช้ชุมชนสังคมได้ ด้วยการนำองค์ความรู้ไปพัฒนาพื้นที่ การสนับสนุนข้อมูลสู่การตัดสินใจร่วมกัม รวมทั้งการบริการวิชาการที่เน้นการให้มากกว่าการรับ จะทำให้ชุมชนและสังคมก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้”

Written By
More from pp
‘กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ’ ทุ่ม 35 ล้านบาท ให้ทุนนักกีฬาทั้งระดับชาติและจังหวัด 284 คน
กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ สนับสนุนทุนการศึกษาให้นักกีฬาและบุคลากรกีฬา ปีการศึกษา 2563 ทั้งในส่วนของ สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด
Read More
0 replies on “ม.มหิดลร่วมกับเครือข่ายขับเคลื่อนบึงบอระเพ็ดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน”