สันต์ สะตอแมน
สงสัยคนหมดตังค์ทำบุญ!
เปิดตัว “หลวงพี่เท่ง” วันแรกฉายจึงเก็บเงินไปได้แค่หลักแสน รวม 4-5 วันมานี้ไม่รู้ว่าจะได้ถึง 3 ล้าน พอจ่ายค่า “ใบปิด” รึยัง?
ก็..“ภาพยนตร์” เนาะ ไม่มีสูตรสำเร็จเหมือนมาม่า-ไวไว ไม่ใช่ภาคแรกได้เงิน 100-200 ล้านแล้ว ภาคต่อมาการันตีจะต้องได้ 100-200 ล้านอีก
และแม้ภาคนี้ คุณโน้ต เชิญยิ้ม-คุณเท่ง เถิดเทิง ผู้กำกับแพ็กคู่ จะหมายมั่นปั้นมือ ทุ่มเทสรรพกำลังกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จตามที่หวังตั้งใจ
ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะอะไรนั้น คนทำหนัง-ผู้กำกับฯ ส่วนใหญ่ก็จนปัญญาที่จะตอบได้ ด้วยปัจจุบันมีหลากหลายปัจจัยที่ไม่อาจฟันธงได้ เพราะเหตุนั้น-เหตุนี้!
แต่..ปัจจัยหนึ่งที่มีส่วน นั่นคือภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจ เมื่อเงินในกระเป๋าน้อยลง ผู้คนก็จำเป็นที่จะต้องขี้เหนียว-อดออม และอย่าว่าแต่หนังไทย-หลวงพี่เท่งเลยที่รายได้หืดจับ..
หนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์อย่าง “Transformers” ก็เก็บเงินได้วันแค่หลักแสนเช่นกัน!
และที่รัฐบาล-แพทองธารยอมแหกหน้าพ่อ (ทักษิณ) ที่เคยตำหนิเชิงปรามาสรัฐบาลนายกฯ ลุงตู่เอาไว้ว่า.. “รัฐบาลปัญญาอ่อนเท่านั้นที่กู้เงินมาแจกประชาชน”
ด้วยการซิกแซก ใช้กลวิธีที่ไม่ตรงปก (ตอนหาเสียง) จนสามารถเอาเงิน 10,000 บาทมาแจกให้ชาวบ้านไปแล้วหลายล้านคน ก็ยังไม่มีแวว-สัญญาณใดๆที่ให้รู้สึกเกิด “พายุหมุน”!
จะเป็นเพราะประชาชนที่ได้สิทธิ์-ได้เงินไปกดตู้เอทีเอ็มแล้ว เจ้าหนี้นอกระบบ-ขาโหดมายืนเข้าแถวรอรับเงินหมื่นต่อหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ..
จึงเลยทำให้เกิดปรากฏการณ์แค่ “ลมพัดผ่าน” อย่างที่คนเขานินทา!
ส่วนนั่น จะได้รับบรีฟจากนายใหญ่มาหรืออย่างไรไม่อาจรู้ แต่ที่คุณสรวงศ์ เทียนทอง รมต.การท่องเที่ยวฯ เผยถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวว่า
จะมีการฟื้นโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “คนละครึ่ง” ให้สังคมได้ยินนั้น ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ทันควัน..
“เดี๋ยวผมจะนั่งทำรายชื่อคนพรรคเพื่อไทยที่เคยด่าเรื่องคนละครึ่งว่า “ทำไมไม่แจกเงินสด” หรือด่าว่า
“แจกเงินผ่านสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการแบ่งแยกประชาชนและต้องพิสูจน์ความจน” ให้ครบทุกคนเลยครับ
แล้วจะได้เห็นกันว่า นักการเมืองพร้อมจะพลิกลิ้นเสมอ ต่อให้สิ่งที่ทำดี แต่ถ้าอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องพูดให้ไม่ดี
แต่กลับกันถ้าเป็นตัวเองหรือพวกเดียวกันทำ ไอ้สิ่งที่ตัวเองเคยด่าว่าชั่วร้าย พวกคุณก็พร้อมจะกลับคำได้ทันที
ช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงใช้กรรมของพรรคเพื่อไทยไปละกันนะครับ สมัยคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ด่าพลเอกประยุทธ์ไว้เยอะ
วันนี้ก็ต้องมายอมรับแล้วว่าที่เคยด่าเขาไปวันนั้น คือ วาทกรรมการเมืองล้วนๆ เพราะสุดท้ายการกระทำของคุณในเวลานี้มันสะท้อนแล้วว่าโครงการเหล่านั้นมันดีต่อส่วนรวมจริงๆ
คนละครึ่ง ทุกคนต้องจ่ายครึ่งนึง รัฐช่วยอีกครึ่ง เป็นการกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยจริง ไม่ใช่รับเงินไปแล้วเอาไปเก็บหรือไปคืนหนี้นอกระบบ
นอกจากนี้รัฐบาลในยุคนั้นยังป้องกันไว้ว่า ไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าแบบเหล้า บุหรี่ การพนัน สิ่งเสพติด
หรือแม้แต่ป้องกันไม่ให้ร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่เข้าโครงการ เพื่อป้องกันข้อครหาเอื้อทุนใหญ่ และเพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจไปถึงมือคนค้าขายรายย่อยจริงๆ
แต่การแจกเงินยุคนี้โอนไปให้ 1 หมื่นบาทโดยไม่มีอะไรปิดกั้น เมื่อคนได้เงินเสร็จ จะเอาไปใช้ทำอะไรที่ไม่ตรงวัตถุประสงค์ก็ทำได้หมดทุกอย่าง
วันนี้ประชาชนคงได้เห็นแล้วนะครับ อะไรเป็นอะไร…”