เปลว สีเงิน
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ปล่อยตอร์ปิโดใต้น้ำไปลูกวานซืน
ถูกเป้าหรือไม่ถูก….ไม่รู้
รู้แต่ว่า “นักเรียนนายตำรวจ” รุ่นน้องที่ชื่อ “ทักษิณ” ไวปาน “ฉลามน้ำลึก”
ฉากหลบแวบ ดำดิ่งลงไปกบดานอยู่ใต้บาดาลเงียบ!
ทั้ง ๒ ฝ่าย ตอนนี้ อยู่ในลักษณะ “คุมเชิง” คอยจับจ้องปฎิกริยาตอบโต้ของกันและกัน
แล้วเราชาว “ไทยมุง” จะวางตัวยังไงในสถานการณ์ “ดึกแล้วแมวไล่กัดกัน” แบบนี้
ก็ไม่ต้องยังไงหรอกครับ ขึ้นภูดูพี่เสฯ ลากไส้คนเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยไปเรื่อยๆ ก่อน สนุกดีออก
มีหลายคนถาม “แล้วบ้านเมืองจะเป็นยังไงต่อ?”
เขาหมายถึงการเมืองขณะนี้ เพราะนับแต่วินาทีที่ทักษิณกลับเข้ามาเป็นนักโทษเทวดา
สังคม “การบ้าน-การเมือง” ที่พอจะสงบเข้าร่อง-เข้ารอย ตั้งหลักเดินหน้าด้วยเศรษฐกิจ BCG และ EEC สู่ศตวรรษใหม่ ที่รัฐบาลประยุทธ์วางรากฐานไว้ให้
รัฐบาลเพื่อไทย “ทิ้งหมด”
แล้วนำสังคมประเทศถอยหลังคืนมิติ “ประชานิยม” สุดซอย
กว่า ๕ พันล้าน “ตีหัวเข้าบ้าน” เอาไปก่อน อ้างทำโครงการซอฟต์ พาวเวอร์ ที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย
ใช้วิธีการทางงบประมาณบังหน้า “กู้เป็นแสนๆ ล้าน” แทนที่จะนำไปพัฒนาประเทศ กลับเอาไปแจกเพื่อแลกคะแนนเสียง
แล้ว “ยัดหนี้” ให้ชาวบ้านจ่าย!
โรงงานปิดโครมๆ กลับให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ๕๐๐-๖๐๐ บาท ธุรกิจรายย่อย คนทำเกษตร ที่ต้องจ้างลูกจ้างเจ๊ง แรงงานพม่า เขมรรวย
กลิ่นนักโทษยังตลบ หลงตัวว่า “ครอบครองนายกฯ” เท่ากับได้ “ครอบครองประเทศ”
ใช้วิสัยทัศน์ “สัมภเวสี” ตอนอยู่ดูไบ เห็นที่นั่นถมทะเลทำเกาะเทียม สร้างโรงแรม รีสอร์ท ทำบ้านพักสุดหรูขายเศรษฐี
ก็เอามั่ง จะถมทะเลสมุทรปราการ บางขุนเทียน ทำอย่างเขา ขายต่างชาติ ๙๙ ปี
รถไฟฟ้าสัมปทานเอกชนบรรดามี ก็จะให้ซื้อคืนมาเป็นของรัฐ และตดให้หมาดมว่า เพื่อให้คนกรุงจ่ายแค่ ๒๐ บาท ตลอดสาย
ถามคำ จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ…หือ?
พอส่งเศรษฐาเข้ามาเป็นนายกฯ เพื่อให้คนไทยเป็นเศรษฐี ก็ตั้งเป้าผลาญชาติ ๕ แสนล้าน
พอส่งลูกสาวเข้ามาเป็นต่อ จะซื้อคืนรถไฟฟ้าอีก จะอีกกี่แสนล้านละนี่ และไอ้ ๒๐ บาทตลอดสายนั่นน่ะ ตอนนี้ เข้าเนื้อเดือนละกี่ร้อย-กี่พันล้าน?
แล้วจะฝืนราคาเป็นจริงได้ซักกี่น้ำ สุดท้าย ก็ต้องให้ปรับขึ้นตามระยะ ไม่ต่างกับที่โม้ตอนหาเสียง…ค่าแก้ส ค่าน้ำมัน ลดทันที
แล้วลดได้มั้ย?
สมัยยิ่งลักษณ์ พอเป็นรัฐบาล สะแอ๋ง..ลดโชว์พรวด แต่ไม่กี่วัน ตาหู-ตาแหก ขึ้นพรวดไปแพงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว!
เนี่ย…พูดเอาเท่ เอามัน ประเภทแขวนปลาเค็มบนขื่อหลอกให้ชาวบ้านกินข้าวเปล่าละก็เก่งนัก
ขายฝัน ให้สื่อหิว-สื่อโหย นำไปตีปี๊บ “สะกดจิต” ให้ชาวบ้านเคลิ้มตาม…ถ้าได้นักโทษเทวดาคนนี้มานำ ประเทศจะไปโลด!
ตอนนี้อาศัยดูข่าว PPTV ช่อง ๓๖ เป็นหลัก ช่องอื่นๆ ก็ดี แต่ดีของเขา ส่วนผมที่เป็นดู มองว่าข่าวช่อง ๓๖ ดูแล้วไม่คลื่นไส้
“กาสิโนคอมเพล็กซ์” ดูตามฉบับร่าง ไม่มีอะไรที่ชาวบ้านจะได้ นอกจากนักการเมือง “ขายใบอนุญาต”
ก็ดันเดินหน้ากันตัวซี้-ตัวสั่น เหล่านี้ มันเป็นโครงการหาแดกเฉพาะหน้าของนักการเมือง แล้วทิ้งเปลือกให้เป็นปัญหาสังคมชาติทั้งสิ้น
มันไม่ใช่โครงสร้างหลักทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ที่ควรเป็นนโยบายหลักสอดคล้องกับภูมิศาสตร์ประเทศเลย
ไทย…. “การเกษตร” เท่านั้น
คือ “ต้นทุนหลัก” ที่เรามีพร้อมในการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป
และ BCG ที่มีกรีน-เกษตรลงตัวนี่แหละ เป็นแนวทางตอบโจทย์โครงสร้างประเทศและโจทย์สังคมโลกในอนาคตที่ “ลงตัว” ที่สุด
แต่ไม่ “เสือกคิด-เสือกทำ” เพราะมัน “ตีหัวเข้าบ้าน” ไม่ได้!
ถึงตอนนี้ การตั้งรัฐบาล ก็บ้าชนิด “หน้ามืด-ตามัว” กันไปใหญ่ ความอยากได้-อยากเป็น ทำให้คนไม่มีความละอาย
ที่สำคัญ เอะอะ “อ้างประชาชน”
แต่ขอถาม ประชาชนที่ไหน บอกให้พ่อตั้งลูก ลูกตั้งพ่อ พี่ตั้งน้อง ตั้งกิ๊ก เป็นรัฐมนตรีแทนกันวุ่นวายไปหมดแบบนี้
นายกฯ หญิง งานหลักในหน้าที่ก็ไม่ต้องทำ คอยออกงานผัดข้าวแจกก็พอ นอกนั้น “ผู้ครอบครอง” ทำแทนหมด
บ้านเมืองตอนนี้ จึงเหมือนต้องอาเพศมีเหตุเป็นต่างๆ นาๆ ไม่มีอะไรให้ชาวบ้านมั่นใจได้ว่า รัฐบาลนี้จะไปรอด
และที่สำคัญ วิปลิส-วิปลาส แบบนี้ ….
ประเทศชาติบ้านเมืองจะเป็นยังไง จะพากันไปทางไหน เพราะมองไปข้างหน้า แลไม่เห็นฟ้าใสเป็นทางไปในอนาคตเลย!
ผมว่าให้มันเป็นอย่างนี้แหละ…ดีแล้ว
อย่างที่เคยบอก ก่อนเป็นกะแช่ ชื่นคอ-ชื่นใจ ก็ต้องเป็น “น้ำตาลบูด” มาก่อน
“ปลาร้า” ฝรั่งเดี๋ยวนี้ ส้มตำไม่ใส่ปลาร้า มันด่าเช็ด ว่าไม่ครบสูตร บ่แซบ
ก่อนเป็น “ปลาร้า” หอมทะลุโลก มันก็เป็น “ปลาเน่า” เหม็นโฉ่ แมลงวันตอมฉึ่งมาก่อน
“การบ้าน-การเมือง” ขณะนี้ ก็ประมาณนั้น ต้องปล่อยให้มันเน่าจนเข้าเนื้อซะก่อน นำมาปรุงรสถึงจะกลมกล่อม!
ขืนใจร้อน นำมาปรุงตอนนี้ กินเข้าไป เป็นได้ท้องไส้เสีย เผลอๆ อุจจาระไหลนอนแผ่สองสลึง
อย่างนี้เขาเรียกว่าสถานการณ์ “เทคโนโลยีชีวภาพ” คือการประยุกต์ใช้ระบบสิ่งมีชีวิตสู่การปรับเปลี่ยนเชิงนวัตกรรม
อย่างการทำปลาเค็ม ปลาร้า ข้าวหมาก อย่านึกว่าโบราณเชียวนะ
นั่นคือ “เทคโนโลยีชีวภาพ” ที่ใช้กันมาเป็นพันๆ ปี “วิจัย-พัฒนา” สู่ทางวิศวกรรมชีวภาพและวิศวกรรมชีวการแพทย์ การเกษตร การถนอมอาหาร ดังทุกวันนี้
และนี่ บ้านเมืองไทยเรา การเมืองกำลังหมักเข้าเนื้อ-เข้าน้ำ สู่โหมดการเปลี่ยนแปลงด้วย “นวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพโครงสร้างการเมืองใหม่” แล้ว
“ใหม่” หมายความ “ไม่เหมือนเดิม”
จะมีปฎิวัติ-รัฐประหาร บ้านเมืองคืนกลับ “เผด็จการทหาร” อีกหรือ?
เชยจัง… “เผด็จการทหาร” มันใช่การเมืองใหม่ซะที่ไหนล่ะ ฉะนั้น เลิกพูด ไม่ใช่แนวทาง “เทคโนโลยีชีวภาพทางการเมืองใหม่” แต่อย่างใด
แล้วแบบ “ลูกเป็นนายกฯ พ่อเป็นผู้ครองครอง”ครอบงำ-สั่งการ” นี่ใช่มั้ย “นวัตกรรมการเมืองเทคโนโลยีชีวภาพ?
ก็พอกล้อมแกล้ม “ประยุกต์” เรียกได้นะ เพราะมีระบบรัฐสภาเป็นตรารับรองรัฐบาลประชาธิปไตยเลือกตั้ง
สรุปแล้ว คุยไป-คุยมา ทั้งผมและท่าน ไม่รู้เรื่องด้วยกันทั้งคู่!
ไม่รู้เรื่อง (ไว้ก่อน) น่ะดีแล้ว รู้มาก ก็เรื่องมาก ไม่รู้ซะเลย สมองโปร่ง โล่งสบายดี
ทุกอย่างต้องผ่านการ “หมัก-บ่ม” จึงจะเข้าที่ นั่นหมายถึง ทุกอย่าง มันต้องประกอบด้วยเวลา ด้วยอุณหภูมิ ด้วยสถานที่
เมื่อทุกอย่าง “ถึงพร้อม” เมื่อเข็มสั้นอยู่ตรงจุดชี้บอกเวลาและเข็มยาวเดินไปถึงเลข ๑๒ เมื่อไหร่
ก็เมื่อนั่นแหละ นาฬิกาก็จะ “ตีบอกเวลา” ให้รู้เอง!
ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลา ก็นอนคลุมโปงดูนายกฯ หญิงผัดข้าวไปเรื่อยๆ ก่อน ให้เขาฟอร์มครม.และเข้าปฎิบัติหน้าที่ก่อน
เขาอาจเป็น “นารีขี่ม้าขาว” ก็ได้นะ ยิ่งพ่อเป็นจอกกี้ด้วยแล้ว เดี๋ยวเขาก็จะผันเอาเงินอนาคตมาแจกเป็นการพอกหนี้เพิ่มให้เราไปเรื่อยๆ เองแหละ
ก็ชอบแบบนี้กันมิใช่หรือ?
“เดือนหน้า” ก็สนุกแล้วน่า อย่าใจร้อน วันนี้ปวดท้อง ขอไปนอนครางก่อนละกัน!
เปลว สีเงิน
๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๗