เป็น ‘พระ’ หรือ ‘มาร’ ให้ลูก #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

นับหนึ่งรัฐบาลระบอบทักษิณ ภาค ๕

มีทั้งคนชอบ และคนไม่ชอบนายกรัฐมนตรีคนใหม่ “แพทองธาร ชินวัตร” แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ ของการเมือง

ทั่วโลกก็เป็นแบบนี้

และนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ก็มาตามระบอบ ฉะนั้นต้องให้โอกาสทำงาน

แม้การมาตามระบอบนั้นจะใช้วิธีพิเศษก็ตาม เพราะหาก นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ไม่ใช่ลูกสาว “ทักษิณ ชินวัตร” ก็ไม่มีทางได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

และไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๓๑

แต่เพราะเธอคือ “ชินวัตร” นี่คือคำตอบที่สามารถอธิบายข้อข้องใจได้ทั้งหมด

และเช่นเคยครับ

ก่อนรัฐมนตรีจะเข้ารับหน้าที่ จะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๑ ด้วยถ้อยคําดังต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

หลังจาก นายกฯ แพทองธาร และคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ขอถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แล้ว ถึงมีการแถลงนโยบายได้

จากนั้นก็บริหารราชการแผ่นดิน

การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ มีรากมาจากพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา

เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา

เป็นพระราชพิธีใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดิน

พิธีถือน้ำ หมายถึง “พระราชพิธีอันเป็นมงคลแห่งความซื่อสัตย์ที่ใช้น้ำเป็นเครื่องกำหนด”

เป็นพิธียิ่งใหญ่ที่สืบทอดมาแต่โบราณที่แสดงถึงความจงรักภักดีอย่างหนักแน่น ต่อองค์พระเจ้าแผ่นดินผู้เปรียบเป็นสมมติเทพ

จัดขึ้นเพื่อให้บรรดาทหารและข้าราชการใต้ปกครองเข้าร่วม เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน โดยการดื่มน้ำที่ผ่านพิธีปลุกเสกแล้ว

พร้อมกล่าวคำสาบานตนว่าจะซื่อสัตย์ไม่คดโกง จงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์และบ้านเมือง อันเป็นแผ่นดินแม่แดนกำเนิดของตน

ผลของการผิดคำสาบานนั้น ระวางโทษไว้เหมือนหนึ่งว่าเป็นกบฏ

คือโทษใกล้ความตาย!

หากผู้ใดมิได้รักษาคำสัตย์ปฏิญาณที่ได้กล่าวไว้ ก็ให้มีอันเป็นไปด้วยอาวุธหอกดาบอันใช้จุ่มในน้ำที่ตนดื่ม

ใครที่ปฏิญาณตนแล้วไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร

เห็นเป็นเพียงพิธีกรรมก่อนเข้าสู่อำนาจ ก็ไม่เป็นไร

แต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ที่ประสบปัญหาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริต แล้วจบไม่สวย ช่วงหลังๆ มานี้เริ่มจะมีถี่ขึ้น

ไปดูคำให้สัมภาษณ์แรกของ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง หลังพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม มีหลายประเด็นน่าสนใจ

“…ถึงแม้ไม่ได้วางแผนในการที่จะมาเป็นนายกฯ ในครั้งนี้มาก่อน แต่ก็พร้อมและเต็มใจที่จะรับใช้ประชาชนอย่างสุดความสามารถ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่

ประเทศชาติผ่านอุปสรรคผ่านปัญหาต่างๆ ซึ่งประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องปากท้องที่รอการแก้ไขและฉันตั้งใจ ซึ่งดิฉันตั้งใจว่าการได้รับตำแหน่งนี้มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ปากท้องของประชาชนดีขึ้น และมีความตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหายาเสพติด หรือระบบสุขภาพถ้วนหน้า ๓๐ บาทรักษาทุกที่ และจะยังคงผลักดันนโยบายไทยแลนด์ซอฟต์พาวเวอร์อย่างต่อเนื่องหลังเริ่มทำมาตั้งแต่ต้น…”

คือ…อย่าไปฟังคำปราศรัยก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมานะครับ ไม่งั้น นายกฯ อุ๊งอิ๊ง อาจเป็นเด็กเลี้ยงแกะของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว

เพราะตอนนั้นบอกว่า ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะลดค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน รถไฟฟ้าทั่วกรุง ๒๐ ตลอดสาย

ค่าแรงขั้นต่ำ ๖๐๐ บาทต่อวัน

เงินเดือนปริญญาตรี ๒๕,๐๐๐ บาท

ทำได้จริง ทำได้ทันที

จะปลุกเศรษฐกิจโตปีละ ๕%

ก็กองเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปใส่ใจมากนัก จะหงุดหงิดใจเปล่าๆ เพราะทำไม่ได้

เอาเป็นว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊ง สัญญาว่าจะทำเพื่อประชาชน

คำพูดผู้นำประเทศถือว่าศักดิ์สิทธิ์ครับ คำไหนต้องคำนั้น

หากผิดคำพูดมีอันเป็นไปมาเยอะแล้ว

เมื่อบอกว่าจะรับใช้ประชาชน นโยบายต่างๆ ที่จะออกมาหลังจากนี้ต้องเพื่อประชาชนผู้มีอำนาจสูงสุด

ไม่ใช่ทำเพื่อประชาชนแล้วเลี้ยวเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า!

ก่อนคิดทำแบบนั้นให้นึกถึงคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระพักตร์ในหลวงให้มากๆ

ไม่ได้มากมายอะไรครับ แค่ ๓ ประการเอง

จะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์

จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน

จะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ

๓ ปีที่เหลืออยู่ หาก “ทักษิณ” กลับตัวกลับใจเป็นคนดีของสังคม

การที่ “ทักษิณ” ได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ ๒ ก็ยิ่งต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงให้มากที่สุด

ต้องสำนึกให้เกินไว้

อย่าให้ขาด

การพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ก็เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลที่ทำผิดกฎหมายและถูกจองจำ กลับตัวกลับใจ ประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

นี่คือวัตถุประสงค์ของการพระราชทานอภัยโทษ

เมื่อโอกาสมาแล้ว อยู่ที่ตัว “ทักษิณ” เท่านั้นจะทำตัวอย่างไร

ก็แน่นอนล่ะครับ “ทักษิณ” จะอยู่เบื้องหลังการบริหารราชการแผ่นดินของ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง

หากอยากจะชดเชยความผิดที่เคยก่อไว้ ก็ต้องเป็น “พระ” ให้ลูกสาว

แนะนำให้ทำในสิ่งที่เป็นคุณต่อประเทศชาติบ้านเมือง

คนที่เคยเกลียดจะกลับมารัก จะได้รับการยกย่องดุจ องคุลิมาล

องคุลิมาล ฆ่าจนครบ ๙๙๙ คน เพื่อตัดนิ้วมาคล้องคอ

ในความหมายคือทำชั่วจนครบแล้ว แต่สำนึกได้ ก็ได้รับการบูชาอย่าง พระองคุลิมาลเถระ

“ทักษิณ” ทำกรรมชั่ว คือทำผิดกฎหมายบ้านเมืองมาหลายกรรม ถูกลงโทษจองจำ แม้จะไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ใจก็ใช่อิสระ

ให้ “ใจ” บอก “สมอง” ถึงการทำกรรมชั่วในอดีต แล้วอย่าทำอีก

แต่หาก “ทักษิณ” ไม่สนสี่สนแปด ยังเป็น “ทักษิณ” คนเดิม เป็น “มาร” ให้ลูกสาว ชักใยสร้างแต่กรรมชั่วให้บ้านเมือง

ผิดคำสาบานที่กล่าวต่อพระพักตร์พระมหากษัตริย์

โบราณคือโทษตายทั้งโคตร

แต่โทษปัจจุบันคือ การล่มสลายของตระกูลชินวัตร

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
กรมการจัดหางาน เตือน 30 พ.ย.นี้ สิ้นสุดเส้นตาย คนต่างด้าวตามมติ ครม. 20 ส.ค. 62 ไม่มีใบอนุญาตทำงาน เจอจับ-ดำเนินคดีตามกม.ทันที!
อธิบดีกรมการจัดหางาน กำชับ นายจ้าง/สถานประกอบการ ที่จ้างคนต่างด้าวที่ต้องดำเนินการตามมติครม. เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562, วันที่ 24 มีนาคม 2563 ...
Read More
0 replies on “เป็น ‘พระ’ หรือ ‘มาร’ ให้ลูก #ผักกาดหอม”