เรื่องของคน “ราชาโชค” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

ขุนคลัง “พิชัย ชุณหวชิร” นี่ แสดงว่าเป็น “คนบก”
เพราะเมื่อวาน ๒๔ ก.ค.๖๗
ออกมา “พายเรือในอ่าง” แถลงเรื่องแจกเงิน “ดิจิทัล วอลเล็ต” ๔.๕ แสนล้าน ให้คนอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ๕๐ ล้านคน
พายอยู่ “ครึ่ง-ค่อนวัน”

รมว.พิชัย จ้วงที รมช.จุลพันธ์จ้วงที รมช.เผ่าภูมิ จ้วงที
แต่ “วนอยู่กับที่” เหมือนเดิม!?

ลำบากนักก็พักเถอะ…ทั่น อย่าฝืน ถ้าเศรษฐกิจไม่ได้เงิน ๕ แสนล้าน ที่ลดราคาลงหลือ ๔.๕ แสนล้านไปกระตุ้นแล้วตายแน่
มันตายไปแต่ปีที่แล้วโน่นแล้วหละ

เพราะอ้างเหตุนี้ แล้วบอกต้องแจก และแจกทันที ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นรัฐบาล แต่จนบัดป่านนี้ จะครบปีอยู่แล้ว
เงินแจก ๕ แสนล้าน ก็ยังเป็นลูกผี
ต่อให้แจกได้จริงไตรมาส ๔ ก็ไม่ใช่เงินกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ดี

แต่เป็นเงิน “ฌาปนกิจ” รัฐบาลเศรษฐา-เพื่อไทยมากกว่า!

เพราะถึงวันนี้ ก็เกือบปีแล้ว….
ทั้งที่รัฐบาลไม่ได้แสดงฝีมือว่ามีสติปัญญาแก้ปัญหาอะไรได้ตามที่โม้ไว้ซักอย่าง เศรษฐกิจประเทศก็ไม่ตาย
เพียงแต่เลี้ยงไม่โต นักการเมืองเท่านั้น ที่โรพุง

นั่นแสดงว่า กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจก ๕ แสนล้าน มันเป็นการกระตุ้น “ไม่ถูกที่” จริงมั้ย ท่านขุนคลัง?

ท่านก็บอกเองมิใช่หรือ ว่าปัญหาแท้จริงอยู่ที่ “โครงสร้างสังคมประเทศ”

เมื่อรู้-ทั้งรู้ ในความเป็นขุนคลังของท่าน แทนที่จะเอาเงิน ๕ แสนล้าน ทุ่มไปแก้ตรงนั้น
แต่ทำไมท่านถึงทำเป็นขุนคลังโชห่วย กลับเอาเงินตั้งมากมายไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ด้วยการแจกแก้บนหาเสียงของพรรคเพื่อไทยซะงั้นล่ะ?

แล้วการแจกด้วย “ดิจิทัล วอลเล็ต” ระดับท่าน ไม่รู้หรือว่า นี่มันคือการ “ทำมาหากิน” โดยสุจริต
เอาเงินจริง ๕ แสนล้านบาท ไปแปลงเป็นคูปองซื้อของที่เรียก “ดิจิทัล” มันก็… “โดยสุจริต” ไปหนึ่งต่อแล้ว
เงินดิจิทัลในรูป “คูปอง” เอาไปปาหัวหมา หมาเยี่ยวรด มันไม่มีค่าอะไรในความเป็นเงินทั่วไป

ต่อเมื่อไหลถึงมือ-เข้าระบบ “พ่อค้ารายใหญ่” นั่นแหละ พ่อค้ารายใหญ่เท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์นำคูปองไปแปลงเป็นเงินจริง ตามแหล่งที่รัฐบาลเขาจะกำหนด

ตรงนี้แหละ…
มันเกิดช่องทาง “ธุรกิจบริการ” มีค่าธรรมเนียมในการเอาเงินดิจิทัลไปแลกเป็นเงินสด “ฟันในระบบ” เป็นค่าหัวคิวไปเป็นต่อที่สอง

๖ เดือน “จบโครงการ”
ไอ้ ๔.๕ แสนล้าน จะเป็น “พายหมุน” กระตุกเศรษฐกิจหมุนติ้วๆ ๔-๕ รอบให้รัฐบาลตามฝันได้แค่ไหน จะเก็บภาษี VAT ได้ตามเป้าหรือไม่

ทุกอย่าง “ฝันเอา” ตามหลัก “ฌาปนกิจ” ล้วนๆ!
แต่ที่รวยล้วนๆ ก็ “ตัวกลาง” ที่หอบ ดิจิทัล ๔.๕ แสนล้านในตลาดนำกลับมา “ขายคืน” รับเงินสดกลับไป

ฟันค่า “ธรรมเนียม” เป็นต่อที่สาม!
สรุปแล้ว จะ ๕ แสนล้าน หรือ ๔.๕ แสนล้าน มันก็แฝงค่า “ผลาญโดยสุจริต” ที่เรียกค่าบริการ-ค่าธรรมเนียม-ค่าจัดทำระบบ โดยไม่จำเป็นเล้ยยย

ขี้หมูขี้มา “ไป-กลับ” รวมๆ แล้ว ตีซะว่า ๖-๑๐%
แล้ว ๖-๑๐% ของเงิน ๔.๕ แสนล้าน มันเป็นกี่หมื่นล้าน?

คิดสิ…คิด

พวกกู ที่เขาเอาเงินภาษีกูมาแจก แล้วให้พวกกูทั้งหลายใช้หนี้ ทั้งต้น-ทั้งดอก นี่แหละ ที่ต้องคิด
ไม่ใช่ พณ หัวเจ้าท่านทั้งหลายต้องคิด เพราะเรื่องคดมันอยู่ในสายเลือด ไม่จำเป็นต้องคิด!

“คดกับชาติ” เพื่อตอบแทนบุญคุณ “กับคนคด”
ใครทำ ก็ขอให้จำเริญๆมีเงินเต็มโลงกันทุกคน!

ทั้ง ๓ ขุนคลัง “พิชัย-จุลพันธ์-เผ่าภูมิ” ที่แถลงเมื่อวาน ท่านไปดูเถอะ ไม่มีตรงไหนชัดเจนถึง “ที่มา-ที่ไป” ของเงินดิจิทัลซักอย่าง

กระทั่ง ๔.๕ แสนล้าน ที่จะเอามาแจก ก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่า รัฐบาลไม่ได้กู้
แต่ “แบ็คดอร์” โดยตั้งงบประมาณเพิ่มเติม ทั้งที่เป็นงบขาดดุลอยู่แล้ว รัฐก็ต้องไปกู้มาเพิ่มอีก เพื่อเอาไปแจก!

ขุนคลัง “พิชัย” บอก เขาจะใช้ ๔.๕ แสนล้าน สร้าง “พายุหมุน” ๔ ลูก ทำให้ GDP ไทยโต

พายุหมุนลูกที่ ๑ การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก กระตุ้นเศรษฐกิจไปยังฐานราก
โดยกระจายไปทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน

ลูกที่ ๒ การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่

ลูกที่ ๓ การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ เกิดการต่อยอดกำลังซื้อ การบริโภค สร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ

ลูกที่ ๔ พลังใช้จ่ายประชาชนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจทวีคูณ ช่วยฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม

ผมว่า ขุนคลังใต้เงาทักษิณ ลืมพายุหมุนลูกที่ ๕ ไปนะ

สถาบันการเงินระหว่างประเทศ เผยรายงาน Global Debt Monitor สำหรับสถานการณ์หนี้ไทยต่อ GDP ประเทศ
ไตรมาส ๔ ของปี ๒๕๖๖ อยู่ที่ ๒๖๔.๘ % ต่อ GDP (ในรูปดอลลาร์สหรัฐ) แบ่งเป็น

-หนี้ครัวเรือน ๙๑.๖%
-หนี้บริษัทเอกชนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ๘๖.๒%
-หนี้รัฐบาล ๕๔.๒%(ไม่รวมหนี้รัฐวิสาหกิจ)
-หนี้ภาคการเงิน ๓๒.๘ %
-หนี้ครัวเรือนกว่า ๙๑.๖%นั้น เป็นเงินราวๆ ๑๖.๙ ล้านล้านบาท ณ มกรา.ปี ๒๕๖๗ โดยหนี้บัตรเครดิต ลีสซิ่ง และสินเชื่อส่วนบุคคล พุ่งพรวด

รัฐบาลกู้โดยตรง สร้างเป็นหนี้สาธารณะให้ประชาชนใช้หนี้ ขณะนี้ ๙.๔๖๕,๗๕๐.๐๗ ล้านบาท
ชัดเจนว่า “ตลาดเกิดใหม่” ในอาเซียนด้วยกัน หนี้ทุกภาคส่วนของไทย “สูงกว่าค่าเฉลี่ย” ที่สุด

ในขณะที่รัฐบาล เอาเงิน ๔.๕ แสนล้าน มา “แจกล้าง-แจกผลาญ” โดยที่รัฐบาล “มืดแปดด้าน”
ไม่สามารถบอกได้ว่า นอกจากรีดภาษีชาวบ้านแล้ว มีแนวทางใด ที่รัฐบาลจะหารายได้เข้าประเทศได้บ้าง?!

ผลาญแล้ว ผลาญอยู่ และผลาญต่อ พายุหมุนลูกที่ ๕ นี้ ท่านขุนคลังพิชัย เอาศีรษะท่าน ศีรษะทักษิณ มาวางค้ำประกันได้มั้ย ว่า…

แจก ๔.๕ แสนล้านนี้แล้ว….

พายุหมุนลูกที่ ๕ จะพัดให้เศรษฐกิจประเทศโตได้จริง ตามที่กล่าวอ้าง โดยไม่พัดให้ประเทศและประชาชน
ไปสู่ “เศรษฐกิจฌาปนกิจ”?

เอาหละ มาถึงเรื่อง “คิดถึงเศรษฐา” กันหน่อย เมื่อวาน
“ศาลรัฐธรรมนูญ” เคาะแล้ว

กรณี “นายกฯเศรษฐา” นำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.สำนักนายกฯ
๔๐ สว.ยื่นคำร้องผ่านประวุฒิฯ และส่งให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย ว่า…..

ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่านายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุก ๖ เดือน ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

การที่นายกฯ นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ นายพิชิตเป็นนายกฯ นั้น
เป็นการกระทำไม่ซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐(๔)(๕)

เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯเศรษฐาสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐(๔) (๕) หรือไม่?

ศาลฯ กำหนดวันแถลงวาจา ประชุมปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันที่ ๑๔ สิงหา.๖๗ เวลา ๙.๓๐ น.
และนัด “ฟังคำวินิจฉัย” เวลา ๑๕.๐๐ น.เป็นต้นไป

ถ้าถามผมว่า “รอด-ไม่รอด”?
ตอบได้เลย “ยากรอด”!
เพราะตัวเอง สร้างหลักฐานมัดตัวเองว่า “รู้อยู่แล้ว” แต่ยังฝืนทำ

ประเด็นแรก เคยให้ “สำนักเลขาฯครม.” ทำหนังสือขอความเห็นข้อกฎหมายต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว
มาตรา ๑๖๐ ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามคนที่จะเป็นรัฐมนตรี มี (๑)….(๘)

แทนที่จะขอหารือทั้งมาตรา ๑๖๐ กลับระบุในหนังสือไปว่า
“ประสงค์ขอหารือเฉพาะกรณีมาตรา 160 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (7) และมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เท่านั้น”

ขอหารือเท่านั้น คณะกรรมการกฤษฎีกาเขาก็ต้องตอบตามข้อที่ขอหารือเท่านั้น

แล้วพอพฤษภา.๖๗ ปรับครม.เศรษฐาก็ “ซื่อตาใส” ตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี นักข่าวไปถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่า

“การแต่งตั้งนายพิชิตถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาแนะนำใช่หรือไม่?”

นายฯ เศรษฐา ก็ยืนยัน
“ครับ ผมมั่นใจ คิดว่าทำถูกต้อง ด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ”
มัดตัวเองเป็น “หมูในกระชุ” ขึ้นเขียงอย่างนี้ ยังจะต้องสงสัยว่ารอดหรือไม่รอดอีกหรือ?

พรุ่งนี้ ๒๖ กรกฎา.วันเกิดทักษิณ
ได้ยิน “ทนายวันชัย” เขาฟันธงว่า “หลังวันเกิด” ดวงทักษิณอยู่ในฐาน “ราชาโชค”

ถ้าเศรษฐาหลุด “โชคดี” ของทักษิณ แต่ “โชคร้าย” ของยิ่งลักษณ์ เป็นเช่นนั้นหรือไม่?
วันชัย ช่วย “ฟันธง” ให้อีกโช๊ะเถอะ!

เปลว สีเงิน
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ

 

Written By
More from plew
“ประชานิยมพ่ายประชารัฐ”
รัฐบาลนี้ อะไรที่ยากๆ……. บางทีก็ฟลุ๊กๆ ยิ่งกว่าขอทานถูกหวย! อย่างการเปลี่ยนถ่ายสังคมยุค Manual สู่ยุค Digital คือยุคเศรษฐกิจใหม่ ที่โลกทั้งใบถูกรัฐบาลสหรัฐฯ โดย CFR...
Read More
0 replies on “เรื่องของคน “ราชาโชค” #เปลวสีเงิน”