สันต์ สะตอแมน
“ความรู้สึกที่แท้จริงนั้น เหมือนกับว่านั่งอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง มีงูจงอางตัวใหญ่กำลังแผ่แม่เบี้ยชูคออยู่ตรงหน้า
ตาผมก็จับอยู่ที่ตางู
งูก็จับตาอยู่ที่ตาผม
มันจะฉกจวักกัดผมเมื่อไรก็ไม่รู้ ถ้ามันกัดผมก็ตาย ทางดีที่สุดก็ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่กระดิกกระเดี้ย คอยจับตาดูมันไว้
ด้วยความรู้สึกว่า ต้องนั่งดูมันต่อไป ว่ามันจะเอาท่าไหน ไปถึงไหน
และถ้ามันกัดเอาแล้วผมตายแน่ ไม่มีทางรอด
ขณะนี้ ผมนั่งตกตะลึงดูเมืองไทยอยู่อย่างนี้
ใครเป็นอย่างผม หรือไม่?”
ครับ..หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ถามเอาไว้ในคอลัมน์ “ข้าวนอกหน้า” หนังสือพิมพ์สยามรัฐฉบับวันที่ 1 ตุลาคม 2519
ซึ่งสมัยนั้น ใครจะเป็นอย่างนักปราชญ์-ศิลปินแห่งชาติท่านนี้บ้างไม่ทราบ แต่ณขณะนี้ ผมให้รู้สึกเป็นเหมือนอย่างอาจารย์คึกฤทธิ์ขึ้นมาแล้วล่ะ..
คือได้แต่นั่งนิ่ง ดูเมืองไทย-การเมืองไทยจะไปกันถึงไหน อย่างไร?
เพราะตั้งแต่นายทักษิณนักโทษกลับเข้ามาประเทศไทยและไม่ได้ติดคุกสักวันเดียว แถมยังอวดศักดามีอำนาจเหนือรัฐบาล-เหนือนายกฯ..
เมืองไทยก็ดูจะสับสน อลหม่าน อลเวง เคว้งคว้าง มัวซัว มั่วไปทุกองคาพยพ!
มีนายกรัฐมนตรีก็เหมือนไม่มี มีฝ่ายค้านก็เหมือนไม่มี มีกระบวนการยุติธรรมก็เหมือนไม่มี มีองค์กรอิสระก็เหมือนไม่มี กระทั่งจะมีสว.(ใหม่) ก็ไม่รู้จะมีได้หรือไม่?
อย่างงี้ จะไม่ให้ผมตกตะลึงดูเมืองไทยได้อย่างไรกัน?
เอ้า..แต่นั่นไม่ได้ตกตะลึงอะไร เพราะเรื่องรัก-ร้างของคนในวงการบันเทิงนั้นมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปได้ตลอดเวลา
ฉะนั้น..การสิ้นสุดทางรักระหว่าง “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” กับ “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” ก็เป็นอีกเพียงหนึ่งคู่รัก ที่บุญแค่ “คู่ควง” ไม่ถึง “คู่ครอง”!
จะรู้สึกสะเทือนใจแฟนคลับอยู่นิดก็ตรงฝ่ายชาย ที่หลังแถลงข่าวบอกกล่าวกับกลุ่มพี่ๆ นักข่าวแล้วก็เดินจากไปทั้งน้ำตา ซึ่งก็ไม่บ่อยครั้งหรือบ่อยคู่ (รักร้าง) นักที่จะเห็นภาพเช่นนี้
“ตอนนี้ผมกับใบเฟิร์นได้ถอยกลับมาเป็นเพื่อนกัน มันเป็นอะไรที่น่ารัก ไม่ได้โกรธ ไม่ได้เกลียดกัน มีแต่ความหวังดีที่มีให้กันตลอด..
ที่ผ่านมาผมไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลย เพราะเราใช้เวลาคุ้มค่าในทุกวัน มันมีความสุขและแฮปปี้ทั้งคู่ และไม่มีอะไรเสียใจเลยเพราะเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว”
นี่..นายบอกอย่างนี้ ก็เลยสงสัยว่าแล้วน้ำตาที่รินไหลออกมานั้น มันเกิดจากความรู้สึกใด เพราะถ้าไม่มีอะไรเสียใจ..ลูกผู้ชายคงไม่ยอมเสียน้ำตา (ที่คาเฟ่) ง่ายๆ หรอก..จริงไหม?
ได้ยินเขาเม๊าท์ว่ารักนี้มีอุปสรรคขวากหนาม ซึ่งเขาเล่าความให้ฟังด้วยแหละ แต่ผมเว้นที่จะไม่พูด-ไม่เขียน เพราะมองว่าเป็นเรื่องภายใน-ส่วนตัว
อีกอย่างก็เป็นแค่เสียงซุบซิบ อาจจะเป็นความจริง หรือไม่จริง หรือจริงครึ่ง-ไม่จริงครึ่งก็ได้ จะมีใครรู้จริงเท่ากับนายและใบเฟิร์นเห็นจะยาก!
อย่างไรก็ตาม การเลิกกันด้วยดีก็เป็นเรื่องที่ดี และเชื่อว่าจะไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมานั่งคร่ำครวญ.. “ก็ขอให้ไป ได้ดีมีสุข ถึงเรา จะต้องทนทุกข์ มินาน คงตายพ้นหน้า
เสียดายก็เพียง เวลาผ่านมา ปลูกผักปลูกหญ้า ขาย ยังได้เงิน”…
ขอให้ยิ้มไว้..หญิง-ชายไม่ไร้เท่าใบพุทรา!