เปลว สีเงิน
ยินดีด้วยกับ “นายกฯ เศรษฐา”
เจ้าของสโลแกน “เลือกเศรษฐา คนไทยจะได้เป็นเศรษฐี”
ยินดีด้วยกับ “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ”
เจ้าของคำหรู “ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ กทม.”
ที่ทั้งคู่ “สอบผ่าน” โพล!
โดยเศรษฐา “ผลงานในรอบ ๖ เดือน “สำนักงานสถิติแห่งชาติ” เขาเผยผลสำรวจ
ประชาชนร้อยละ ๔๔.๓ พอใจ
แสดงว่า คนไทย ๖๕ ล้านคน เป็นเศรษฐีกันแล้วเกือบครึ่งประเทศ
อย่างนี้ก็ต้องฉลอง!
ส่วน “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผลงานบริหาร กทม.ในรอบ ๒ ปี “นิด้าโพล” เขามีผลสำรวจ
คนเมืองกรุง ร้อยละ ๕๐.๒๕ พอใจ
ก็แสดงว่า คนกรุง ๕.๔ ล้านคน “เกินครึ่ง” คุณภาพชีวิต “ลงตัวแล้ว” กับผลงานบริหารของผู้ว่าฯ กทม.คนนี้
ก็ต้องฉลองเช่นกัน!
จาก “ผลโพล”……
สะท้อนคุณภาพสังคมชาติ “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” ตามทฤษฎี “คุณภาพประชาชนเป็นแบบไหน ย่อมได้ผู้บริหารแบบนั้น” ชัดเจน
ที่นำข่าวดีมาบอก ก็หวัง “ได้หน้า-ได้ตา” บ้างเท่านั้น
แต่ไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะนำมาคุยวันนี้
ในวันดีๆ อย่างนี้ เราต้องเอาเรื่องดีๆ มาคุยกัน อย่างเรื่อง การประมูลข้าวหอมมะลิ ๑๐ ปี ๑๕,๐๐๐ ตัน จาก ๒ โกดังที่สุรินทร์นั่น
เริ่มขั้นตอนประมูลแล้ว ตั้งแต่ ๓๑ พฤษภา.-๗ มิถุนา. “องค์การคลังสินค้า” เขาเปิดให้คนสนใจประมูลเข้าดูตัวอย่างข้าว
ให้ดูแต่ตา มือ “ห้ามแตะ-ห้ามต้อง” ห้ามเอาไปเข้ากล้อง-ส่องวิจัยใดๆ ทั้งสิ้น
๑๐ มิ.ย. ให้ผู้สนใจ ยื่นซองประมูล
๑๓ มิ.ย. ประกาศรายชื่อ ผู้ผ่านเกณฑ์
๑๗ มิ.ย. ให้ยื่นซองเสนอราคาตอนเช้า
และตอนบ่าย จะเปิดซอง ……..
พร้อมประกาศ “ผู้โชคดี” ได้นำข้าว ๑๐ ปี ไปขาย ให้กับคน “มีบุญ-มีวาสนา” ได้ซื้อหาไปหุงกิน
วันแรก “ข้าวเหงา” ไม่มีใครสนใจขอดูเลย ทาง อคส.อ้างว่า พวกพ่อค้าข้าว เขาดูไปแล้ว ตอนรัฐมนตรีภูมิธรรมลงไปตรวจสภาพข้าวในโกดัง
นี่ก็เพียงสรุปให้รู้ “อนาคตข้าว ๑๐ ปี” สู่ “อนาคตคนกิน” ซึ่งยังไม่ทราบว่า จะเป็นอนาคต “เพื่อนร่วมโลก” ย่านแอฟริกา หรือเป็นพวกเรา “คนไทยร่วมชาติ” ด้วยกันเอง?
เพราะท่านรัฐมนตรีภูมิธรรมไม่ยอมให้สเปกว่า นี่เป็นการประมูลข้าวดี นำไปขายส่งออก หรือนำไปผสมกรอกถุงขายวางห้าง-วางร้าน ให้คนซื้อไปหุงกิน
หรือเป็นการประมูล “ข้าวหมดอายุ”….
สำหรับนำไปเป็นอาหารสัตว์หรือนำไปกลั่นเป็นแอลกอฮอล์ เป็นน้ำส้มสายชู?
เรื่องนี้แหละ ที่ผมห่วง ต้องบอกว่ามากกก!
แต่ก็เพราะเข้าใจเจตนาดีคุณภูมิธรรม ที่หวังแปรข้าว ๑๐ ปี ให้เป็นเงินคืนคลังนั่นแหละ จึงไม่อยากตำหนิท่าน
เปลี่ยนเป็นช่วยท่านคิดก็แล้วกัน ก็ไม่หวังว่าท่านจะฟังหรอก เพียงเผื่อจะสะกิดใจได้บ้างเท่านั้น
คือผมคิดว่า ทางที่เกิด “ผลบวก” กับภาพลักษณ์สินค้าไทย ไม่เพียงเฉพาะสินค้าข้าว
ท่านล้มเลิกการประมูล “ข้าว ๑๐ ปี” ซะเถอะครับ!
หรือถ้าจะประมูล ท่านควรต้องบอกคนไทย-คนเทศ “ทั้งโลก” ให้เขารู้ชัดๆ ว่า
ข้าว ๑๐ ปี จำนวน ๑๕,๐๐๐ ตัน “ล็อตสุดท้าย” ของข้าวโครงการรับจำนำทุกเมล็ดยุคยิ่งลักษณ์ นี้
ประมูลขาย สำหรับนำไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์หรือแอลกอฮอล์เท่านั้น
ไม่ให้นำไปขายเพื่อ “การบริโภค” เด็ดขาด
ทั้งห้ามส่งออก ห้ามนำไปทำเป็น “ข้าวผสม” ออกจัดจำหน่าย ไม่ว่าในประเทศหรือนอกประเทศ!
เราเสียหายจากข้าวจำนำยิ่งลักษณ์ไปมากแล้ว ถ้าจะได้ “ซักสิบล้าน-ร้อยล้าน” จากประมูลข้าว ๑๐ ปี นี่
นอกจากไม่คุ้มค่าใดๆ เลยแล้ว…..
การให้ประมูลไป กลับเป็นตัวทำลายอนาคตประเทศ ชื่อเสียงประเทศ สินค้าแบรนด์ไทย พินาศฉิบหาย
คำว่า “อาหารไทย”
คำว่า “ครัวไทย-ครัวโลก” ที่เพียรสร้าง
“พัง-พินาศ” ในพริบตา!
ความเชื่อมั่นในมาตรฐาน “สินค้าไทย-แบรนด์ไทย” ทั้งในตลาดไทย-ตลาดโลก จะไม่มีเหลืออยู่เลย!
ต่อให้ใช้เวลาอีก “ครึ่งศตวรรษ” ก็อย่าหมายว่าจะกู้กลับคืนมาได้
ซึ่งนั่นหมายถึง รัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย” จะถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ชาติ ว่า
พรรคเพื่อไทย “วางยาประเทศ” จนพินาศล่มจม “ด้วยแผน” ทำลายเพื่อแบ่งแยก “แบบลี้ลับ!
เมื่อ “อุตสาหกรรมส่งออก” ฉิบหายหมด!
“สตรีทฟู้ด-อาหารไทย” เสน่ห์ดึงคนทั้งโลกเข้ามาท่องเที่ยว-ลิ้มรส จนตลาดท่องเที่ยวเป็น “เครื่องยนต์ฉุดประเทศ”
ดับ…ประเทศ “ดิ่ง” ทันที!
นับหมื่น-นับแสนล้านล้านล้านล้านบาท ที่จะพินาศยาวนาน นั่นก็ยังน้อย ในการคำนวณนับ
การเมืองว่าลี้ลับ ก็แค่ลี้ลับในบ้าน-ในเมือง
แต่ถ้าลี้ลับ “ประมูลข้าว ๑๐ ปี” ออกสู่ตลาดละก็ ไม่เพียงคนไทย หากแต่ “คนทั้งโลก”
จะผวา-หวาดระแวง และแหยง…ไม่กล้ากิน-ไม่กล้าซื้อข้าว “แบรนด์ไทย” ทั้งหมด!
ลามถึงทุกอุตสาหกรรมอาหารและการบริโภคที่มีแป้งเป็นส่วนผสม ชื่อไทยอาจต้องถูกประจานลงทุกหีบห่ออาหารว่า
“ไม่มีข้าวไทยเป็นส่วนผสม” เพื่อความวางใจจากผู้ซื้อ!
ตรองดูนะท่าน…ชีวิตแต่ละคน “มีค่า”
เมื่อข้าว ๑๐ ปีประมูลออกไป ใครล่ะ จะไม่ระแวงว่า ข้าวไทยที่ครองส่วนแบ่งข้าวในตลาดโลก
จะไม่มี “ข้าว ๑๐ปี” ส่งมาขายในประเทศเขาด้วย?
และร้านอาหาร “แต่ละแห่ง” ทั่วโลก
ลูกค้าก็จะระแวง ว่านำข้าว ๑๐ ปี มาเสิร์ฟหรือเปล่า
เหมือนระแวง “ปลาดิบ” ญี่ปุ่น
ตอน “โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ” ปล่อยน้ำเสีย “ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี” ลงทะเล แม้ยืนยัน “ผ่านการบำบัดแล้ว”
แต่ถึงขณะนี้ ก็ยังมีคนแหยง!
ความน่าเชื่อถือ “มาตรฐานญี่ปุ่น” โลกยังแหยง
แล้วความน่าเชื่อถือระดับ “มาตรฐานไทย” ข้าว ๑๐ ปี โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
พิสูจน์คุณภาพ แบบลี้ลับ
ประกาศว่า “กินได้-ปลอดภัย” แบบลี้ลับ
แล้วเราไม่สำนึกเลยหรือว่า “สังคมโลก” เขาจะเชื่อ?!
ผมถึงบอก ยกเลิกการประมูลเถอะ
“สินค้าข้าว” เป็นสินค้า “ขึ้นหน้า-ขึ้นตา” ทำให้ชาวโลกรู้ว่าไทยมีสินค้าส่งออก ก็ “ข้าว” นี่แหละ
แล้วรัฐบาลเศรษฐา-เพื่อไทย ยังจะกล้า “ฆ่าประเทศ” อีกหรือ?
เมื่อข้าว ๑๐ ปี ผ่านประมูลไปสู่ “ตลาดลี้ลับ”
สินค้าส่งออก “ทุกตัว-ทุกประเภท” แบรนด์ไทย จากผู้บริโภคไว้ใจ
“แบรนด์ไทย” กลายเป็นแบรนด์ “สินค้าไม่น่าไว้ใจ” ในมาตรฐานกะล่อน-ลี้ลับไปทันที!
ตลาดโลก การแข่งขันด้านราคา เป็นข้อปลีกย่อย
ซื่อสัตย์ ในคุณภาพสินค้าที่ผลิต นี่ตะหาก “ตัวกำหนดราคา” ที่ยั่งยืน
จึงอยากให้คุณภูมิธรรม “ใคร่ครวญ-ทวนทบ” ให้ดี
อย่าคิดแค่ “ฟอกขาวยิ่งลักษณ์” ด้วยการขายข้าวคุณภาพลี้ลับนี้เลย!
ต้นทุน “ทางความเชื่อถือ” ในรัฐบาลเพื่อไทย มันเหลือน้อย จนแทบไม่มีเหลือแล้ว
เพื่อไทย ทำให้ “แบรนด์ประเทศ” เหลือติดสินค้าไทยในตลาดโลกไว้บ้าง
ก็ถือว่า ๑๐ เดือนรัฐบาลเพื่อไทย ได้สร้างคุณูปการให้กับชาติบ้านเมืองที่ต้องขอบคุณแล้ว!
อย่างเรื่อง “นำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด ประเภท ๕” ตามเดิม นั่นเหมือนกัน
ความจริง ตาม “ประมวลกฎหมายยาเสพติด” ที่ออกปี ๒๕๖๔ ทุกวันนี้ กัญชาก็ยังเป็นยาเสพติด ประเภท ๕ อยู่
มีเฉพาะบางส่วนของพืชกัญชา เช่น เปลือก เส้นใย ใบ รวมถึง สารสกัด CBD ที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ ๐.๒ เท่านั้น ที่อนุญาต
โดยมีข้อแม้ ต้องมีที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
และการปลูก ใช่ว่าจะปลูกได้เสรี
มีกรอบกำหนดเยอะแยะ มุ่งเฉพาะธุรกิจอุตสาหกรรมทางยา ทางวิจัยเท่านั้น
ที่สำคัญ ใครจะทำ-จะปลูก จะต้องได้รับอนุญาตจาก “สาธารณสุข”
รัฐบาลก่อน เข็นผ่านมาขั้นหนึ่งแล้ว อุตสาหกรรมพืชกัญชา มูลค่าเป็นพัน-เป็นล้านล้านบาท มีคนลงทุนไปแล้ว
แทนที่รัฐบาลต่อมา จะสานทางต่อยอด
กลับใช้ทัศนคติลี้ลับ นำกลับสู่ยาเสพติดตามเดิม!?
แบบนี้ คนลงทุนก็ฉิบหาย
และมันจะสะท้อนภาพไปสู่ “นักลงทุน” ทั้งโลก จนไม่มีใครอยากมาลงทุนในประเทศนี้
เพราะประเทศไทย “กฎหมาย-นโยบาย” เปลี่ยนตามรายรัฐบาล ใครมาใหม่ ก็ล้มเก่า-แล้วเอาใหม่ ก็ฉิบหายกันหมด
เรื่องกัญชา จะปรับแก้ ก็ปรับไป แต่ล้มเลิก แบบนี้ มันไม่ได้
ประเทศที่ “รัฐบาลเปลี่ยน” ที ก็ “เปลี่ยนกฎหมาย” ที!
อีกหน่อย “ประเทศ” มันก็คง “เปลี่ยน” ด้วยหรอก!
เปลว สีเงิน
๓ มิถุนายน ๒๕๖๗
