“แจกกล้วย” แทน “แจกเงิน” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“หวยธกส.” ออกเดือนละครั้ง ใครถูกบ้างไม่ทราบ
แต่ที่ทราบแน่ๆ
ธกส.เอง เคยถูก “หวยยิ่งลักษณ์” จมเบ้าไปแล้ว จากโครงการจำนำข้าว ที่ฉิบหายมวลรวมไปกว่า ๙.๘๕ แสนล้าน

รัฐบาลประยุทธ์ใช้หนี้ธกส.แทนไป กว่า ๖.๖ แสนล้าน
ยังเหลือที่ต้องเอา “ภาษีพวกกู” ไปจ่ายหนี้แทนไอ้-อีจัญไรเหล่านั้นอยู่อีกตั้ง ๒๔๖,๖๗๕.๖๑ ล้านบาท!

พอมาถึงรัฐบาลเศรษฐา โม้ตอนหาเสียง “เลือกเศรษฐา คนไทยจะเป็นเศรษฐี”
แม่นชิบ…..

เศรษฐาประกาศแจกเงิน ๕ แสนล้าน ให้คน ๕๐ ล้านได้เป็น “เศรษฐีเงินหมื่น” กันถ้วนหน้า ในไตรมาส ๔ ของปีนี้!
นึกแล้วขำ มันจะไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยเชียวนะนี่

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ “รับจำนำข้าวทุกเมล็ดเกวียนละหมื่นห้า” แล้วทิ้งหนี้ให้พวกกูไว้ร่วมล้านล้านบาท!

มาถึงรัฐบาลเศรษฐา “แจก ๕๐ ล้านคนถ้วนหน้าคนละหมื่น” โดยทิ้ง ๕ แสนล้านให้ “ภาษีพวกกู” จ่ายแทน มาตะเภาเดียวกันเป๊ะ!

“บุญพวกมัน-เวรพวกกู” หรือ “บุญพวกกู-เวรพวกมัน” ก็ไม่รู้ ที่ให้พวกกูได้เกิดร่วมอยู่ประเทศเดียวกะพวกมัน!?

๕ แสนล้าน บอก “ไม่กู้”
แต่ใช้เล่ห์ ขมิบเงินงบประมาณ ปี ๖๗ ที่ใช้ไม่หมดเอาไว้ โดยไม่ส่งคืนคลัง ราวๆ ๑.๗๕ แสนล้าน

อีกส่วน ไม่กู้ (เอง) ใช้แทกติกผ่านงบประมาณปี ๖๘ กู้แทน โดยขยายกรอบวงเงินงบประมาณให้สูงขึ้น เอาเงินแอบกู้ ๑.๕ แสนล้านนั้นมาแจก เป็นว่า “เงินในงบประมาณ”

ถ้าบ้านเมืองประสบภาวะฉุกเฉิน เช่น เกิดอุบัติภัย ไฟไหม้ แผ่นดินไหว น้ำท่วม หรือโรคอย่างโควิดระบาด
ชาวบ้านใครจะ “ตายโหง-ตายห่า” ก็ตายไป

ส่วนรัฐบาลคงตายก่อนตายไปก่อนแล้วก็ได้ จะไม่มี “งบกลาง” นำมาใช้ยามฉุกเฉิน เพราะเอาไปแจกตามสัญญาว่าจะให้หมดแล้ว

คิดอีกที แบบตรรกะ “โกงเอามาแบ่งกัน” มันก็ดีเหมือนกัน จะได้อ้างวิกฤต แล้ว “กู้” ให้มันจมเขี้ยว-จมคำกันไปเลย!

เอียงหูมานี่…เศรษฐา จะกระซิบบอกขุมทรัพย์ให้
รู้แล้วเหยียบไว้นะ อย่าบอกใคร

เงินช่วยชาติกับทองคำช่วยชาติของ “หลวงตาพระมหาบัว” ในท้องพระคลัง มีมหาศาล
ทองจากบาทละ ๘ พัน ตอนนี้ ขึ้นไปบาทละ ๔ หมื่น มีอยู่กว่า ๑๐ ตัน นำมาซิกแซ็กเป็น “โทเคนดิจิทัล” ได้อีกหลายรอบ

แล้วอย่าไปบอก “นักโทษเทวดา” ให้มันตาลุกล่ะ!

๕ แสนล้านนั้น……
เอาจากงบเหลือปี ๖๗ กับงบตั้ง “ยอดมาแจก” แล้วผลักเป็นภาระภาษีพวกกู ปี ๖๘ รวม ๒ ยอด ก็ยังไม่ครบ ๕ แสนล้าน
แลบลิ้นแผล็บๆ เลียน้ำลาย มองซ้าย-มองขวา หาที่จะเอาเพิ่ม ก็ป๊ะที่ ธกส.!

“นายลวรณ แสงสนิท” ปลัดฯ คลัง สนองงานรัฐบาลเศรษฐา “หวานเจี๊ยบ” ว่า
จะใช้มาตรา ๒๘ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ให้ ธ.ก.ส.ดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกร ๑๗ ล้านคน ผ่านกลไกมาตรา ๒๘ ในยอดเงิน ๑๗๒,๓๐๐ แสนล้าน!

ฟังแล้วงง หมายความว่าไง “ดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกร” ที่ว่านั่นน่ะ?

แบบนี้ ภาษากฎหมายเขาเรียก “อุทลุม” คืออาจไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดแบบ ผิดประเพณี ผิดมโนธรรมสำนึกแน่
ที่ให้ธกส.เอาเงิน ๑.๗๒ แสนล้านไปดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกร

เจตนาโต้งๆ ก็คือ รัฐบาลบีบคอเอาเงิน ธกส.๑.๗๒ แสนล้าน ไปผสมให้ครบ ๕ แสนล้าน
เพื่อทำโครงการแก้บน “สัญญาว่าจะให้” แจกคนละหมื่นตามที่หาเสียงนั่นแหละ!

สารภาพให้มันชัดๆ ตรงๆ ก็ได้นี่ว่า รัฐบาล “หมดท่า-หมดที่” จะล้วงควักแล้ว จึงด้านหน้า-หน้าด้าน
“กู้เงิน ธกส.๑.๗๒ แสนล้าน” ไปผสมให้ครบ ๕ แสนล้าน

เห็นประชาชนเป็นควาย “รู้ไม่ได้-ตามไม่ทัน” เล่ห์ร้าย-ลมลวงกระทรวงคลัง “ร่างทรง” นายกฯ เศรษฐาละซีท่า
จึงพูดแบบลับๆ ล่อๆ ในการเอาเงินธกส.ไปล่อกันในที่ลับ โดยไม่กล้าพูดตรงๆ ว่า “กู้เงินธกส.” ไปแจก

อ้าปากก็เห็นดากโผล่…
ถ้าบอกว่ากู้ไปแจก มันผิดกฎหมาย ผิดทั้งพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ผิดทั้งกฎหมายงบประมาณ และทั้ง พรบ.เงินตรา

เลยทำเป็น “ศรีธนญชัย” เลี่ยงคำว่าเงินกู้ธกส.ไปเป็นว่า “เงินยืม” คือให้ธกส. “สำรองเงินจ่าย” ก้อนนี้ไปก่อน
แล้วรัฐบาลจะตั้งงบทยอยจ่ายคืนให้ทีหลัง!?

เรื่อง “จับไก่” รัฐบาลนี่ ต้องชม “คุณไหม-ศิริกัญญา” ก้าวไกล ชั่วดี-ถี่ห่าง เธอทำหน้าที่ “กรวดในรองเท้า” รัฐบาลแทนชาวบ้าน ด้วยการตรวจสอบเรื่องนี้แบบมีความรู้ มีวุฒิภาวะ น่ารัก-น่าชื่นชม

ผมสนับสนุนให้คุณไหมเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไปของพรรคใหม่ต่อจากก้าวไกลด้วยใจจริง
ทุกอย่างเธอเพียบพร้อมและงามพร้อม

เพียงใช้สามัญสำนึก “มนุษย์ไทย” ใคร่ครวญในความเป็นไทย ที่ไม่เคยเป็น “ทาสคิด-ทาสปกครอง” ของใคร อีกซักนิด

คุณไหม จะเป็นสตรีไทยในการเมืองใหม่คนแรก ที่มี “ทั้งกึ๋น-ทั้งแก่น” เป็นแกนนำทางบริหารบ้านเมืองได้

ผมรู้…คุณไหม “มั่นใจ” แนวทาง “ล้มเจ้า-ล้มประเทศ” ตามที่สังคมโลกเห็น
ผมเพียงแต่ฝากไว้ เพราะซักวัน “ประสบการณ์” ในโลกจริง จะบอกคุณเองว่า “ไทยนั้น ต้องยืนอยู่บนส้นตีนตัวเอง”

ไม่ใช่ยืนตะโกนหา “เสมอภาค-เท่าเทียม” ทั้งๆ ที่ตัวเองยืนอยู่ใต้ตีน “เสมอภาคเทียม” มาตลอด!

ผมฟังมือเศรษฐกิจ “วิปริตคิด-วิปลาศทำ” ของเศรษฐา-เพื่อไทยให้สัมภาษณ์แบบชื่นชมความซิกแซกกฎหมายของตัวเอง ยืดอกพูดแบบภาคภูมิ

“เงิน ธกส.๑.๗๒ แสนล้านเป็นเงินยืม ไม่ใช่เงินกู้”
ฉะนั้น ไม่ผิดกฎหมาย ทำได้ เป็นไปตามมาตรา ๒๘ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ

ภาคภูมิแบบเผ่าภูมิ “ทำเอาผมหมดภูมิไปเลย!
“เงินยืม” กับ “เงินกู้” ครึ่งร้อย-ครึ่งพันน่ะ

ใช้ระหว่างเด็กวินมอไซค์ด้วยกัน พอเข้าใจได้ ว่ายืมไป ๑๐ บาท มีก็เอา ๑๐ มาใช้คืน ก็จบกัน

แต่ธกส.เป็นธนาคารรัฐวิสาหกิจ มีวัตถุประสงค์ ช่วยเหลือทางการเงิน ส่งเสริมอาชีพการเกษตร หรือการดำเนินงาน ของเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร รวมทั้งให้บริการรับฝากเงิน เหมือนธนาคารพาณิชย์ทั่วไป

นั่นคือเงิน “ทุกบาท-ทุกสตางค์” มันมีต้น-มีดอกทั้งสิ้น
จะบอกว่า แบงก์รัฐ รัฐบาลยืม ๑.๗๒ แสนล้านได้ โดยไม่ต้องมีดอก แถมจะใช้คืนเมื่อไหร่ก็ตามใจกู
แบบนั้น ส้นมะเหง็กแน่ะ!

คืนต้นเฉยๆ ไม่ได้ ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยด้วย
การที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ตามกฎหมายจึงบอกว่า “เงินยืมก็เท่ากับ”เงินกู้”
เบิ่งลูกตาอ่านตรงนี้นิดนะ ดอกเตอร์….

“กรณีเงินที่กู้ยืมกัน เกิน ๒,๐๐๐ บาทขึ้นไป กฎหมายกำหนดให้การกู้ยืมเงิน จะต้องมีหลักฐานการกู้ยืมเงิน
มิเช่นนั้น จะฟ้องร้องให้บังคับคดีต่อกันไม่ได้

หลักฐานการกู้ยืมเงินนั้น จะอยู่ในรูปแบบใดก็ได้ แต่ต้องเป็นลายลักษณ์อักษร มีข้อความชัดแจ้งว่า

“มีการกู้ยืมเงินกันไปเป็นจำนวนเท่าใดและตกลงจะใช้คืนเมื่อใด และที่สำคัญคือ ต้องมีลายมือชื่อ ของผู้กู้ยืมเป็นสำคัญด้วย”

เนื้อความในเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงิน ต้องมีองค์ประกอบ ดังนี้

๑)วันที่ที่ทำสัญญากู้เงิน ๒)ชื่อผู้ขอกู้และผู้ให้กู้เงิน ๓)จำนวนเงินที่กู้ ๔)กำหนดชำระ(จะมีหรือไม่มีก็ได้)
๕)ดอกเบี้ย(ไม่เกิน ๑๕%ต่อปี) ถ้าไม่ได้กำหนดเอาไว้มาตรา ๗ กฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์ ให้ใช้ในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี

เป็นไงล่ะ สะดุ้งจาก “หางยันหัว” เลยใช่มั้ย?

ทำเป็นเลี่ยง “เงินยืมไม่ใช่เงินกู้” งั้นก็เอาเลย ประเทศไทยจะได้มี “นักโทษเทวดา” ตัวที่ ๒ ตัวที่ ๓ ถือกำเนิดเป็นเผ่าพันธุ์

ฟังที่ “แบงก์ชาติ” ส่งสัญญานถึงรัฐบาลกันแล้วมิใช่หรือ?

ว่าการใช้มาตรา ๒๘ “พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง” อ้างอิงไปซิกแซ็กใช้ “พรบ.ธกส.” มาตรา ๙(๓)กู้เงิน ธกส.๑.๗๒ แสนล้านไปแจก

โดยเลี่ยงใช้คำว่า “เงินยืม” แทนความเป็นจริงคือ “เงินกู้ธกส.” นั้น
มันยังไม่ฉลาดในเล่ห์เกินกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะ “จับไม่ได้-ไม่ไม่ทัน”หรอก

“คุณชญาวดี ชัยอนันต์” ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์และโฆษก ธปท.แถลงสวนควันปืน วานซืนว่า

“ธปท.มีความห่วงใยเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในหลายประเด็น
โดยเฉพาะแหล่งที่มาของเงินในการดำเนินโครงการจากมาตรา ๒๘ แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง

ซึ่งในฐานะ ธปท.ต้องให้แน่ใจว่า “วงเงินที่ได้และใช้ในโครงการต้องครบถ้วน เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.เงินตรา”

การใช้มาตรา ๒๘ เป็นเรื่องที่ต้องกังวล
ควรต้องผ่านกระบวนการหลักเกณฑ์ถูกต้องครบถ้วน มองทั้งเรื่องเสถียรภาพ สภาพคล่องที่ต้องพิจารณา

ซึ่งการให้ ธ.ก.ส.เป็นผู้ดำเนินการ หลังจากนี้ ก็ต้องคุยตามขั้นตอนต่อไป

ถ้าดำเนินการได้ตามปกติ ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.เงินตรา ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ ธปท.มองไว้

“ธปท.ให้ข้อสังเกตมาโดยตลอด คือให้ทำเฉพาะกลุ่ม เพราะด้วยความสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ
ไม่กระทบเสถียรภาพการคลังเกินไป และอยากเห็นแนวทางปรับลดระดับหนี้สาธารณะอย่างไร

คณะงบประมาณได้คุยเรื่องนี้ เป็นเงื่อนไขสำคัญ รวมถึงเรื่องระบบการชำระเงิน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นระบบใหม่ open loop
ซึ่งมีความซับซ้อน ต้องใช้เวลาการทำ ระบบต้องเสถียร และดูแลข้อมูลส่วนบุคคลได้
ต้องปลอดภัยต่อภัยไซเบอร์ ต้องใช้เวลา ทั้งหมดจะส่งผลต่อประเทศ เป็นจุดที่เป็นข้อกังวล”

สรุปแล้ว………
ในมุมมองผมนะ แจกเงินดิจิทัล ๕ แสนล้าน ๕๐ ล้านคน คนละ ๑ หมื่น ในไตรมาส ๔ นั้น
แจกได้จริง
แต่เป็น “กล้วย” นะที่แจก ไม่ใช่เงิน ๑ หมื่น!

ปลว สีเงิน
๑๒ เมษายน ๒๕๖๗

Written By
More from plew
“กฎหมาย” VS “กฎทักษิณ” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน หวย “ออมษิณ” ผลออกมาแล้ว เป็นดังนี้ครับ “………บัดนี้ อัยการสูงสุดได้ตรวจพิจารณาสำนวนและมีคำสั่งฟ้อง พันตำรวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท...
Read More
0 replies on ““แจกกล้วย” แทน “แจกเงิน” – เปลว สีเงิน”