เปลว สีเงิน
ไอ้กรดครับ…ไอ้กรด!
มันเล่นผมซะหมอบ ต้องนอนโรงพยาบาล ๒ คืน
ผมไม่เคยชนะมันซักที
มันมาทีไร ก็อัดผมซะน่วม ต้องนอนแผ่สองสลึงเป็นรายเดือน
ทุกวันนี้ ทำมาหากินงกๆ เงินทองแทบไม่ได้ใช้ ต้องเก็บ ไว้ถวายหมอกับโรงพยาบาล
ไอ้กรดที่ว่า ไม่ใช่นักเลงหรืออันธพาลสภาที่ไหน
ก็ไอ้ “กรดไกลย้อน” ตัวดี นั่นแหละ
มันเป็น “กรดกรรมรังแก” ประเภท “เจ้ากรรมนายเวร” จนต้องปลงซะแล้วว่า สุดท้าย ต้องตายเพราะมันแน่ๆ
ทุกวันนี้ จึงได้แต่ร้องเพลง “รอ”
“รอ แล้วรอ แล้วรอ ไม่สิ้น รอจนใกล้ดับ ถมทับแผ่นดิน แผ่นฟ้า เธอมองไม่ซึ้ง ถึงสายตา เธอมองไม่ซึ้ง ถึงความบูชา ว่าฉันศรัทธาเพียงใด”
ขอมอบเพลงนี้แก่ “คุณไหม-ศิริกัญญา” จากมิตรรักนักเพลงก้าวไกลที่ห่างไกล แต่ใจไม่ห่าง คนนี้ด้วยนะครับ
และอ้อ…เป็นพิเศษแก่ “นายกฯ เศรษฐา”
และแฟนานุแฟนที่แหงนเถิ่งรอเงิน “กู้มาแจก” พร้อมแถมหนี้ ๕ แสนล้านให้กับทุกคน ยาวนานไปถึงลูก-ถึงหลานด้วย
ผมดูข่าว เห็นคุณทักษิณออกโรงพยาบาลตำรวจ ตอน ๖ โมงเช้า วันอาทิตย์ ๑๘ กพ.๖๗
ตอนบ่าย ผมก็ออกมั่ง ถอดสายน้ำเกลือและยาลดกรดแล้ว จากโรงพยาบาล ก็ดิ่งมาสำนักงานเลย เพื่ออวยพรให้คุณทักษิณ
“โชคดี-มีสุข” กับชีวิต episode 2!
ภาคแรก เป็นภาค “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา”
แต่ “ชีวิตใหม่” ในภาค ๒ นี้ หวังว่า
จะเป็นภาค “ชาติ-พระศาสนา-สถาบันพระมหากษัตริย์” นะ
ดูข่าว ดูโซเชียล ต้องบอกว่า คุณทักษิณ “วิบากยังไม่สิ้น”
ถึงแม้พ้นกฎกรรมทางกฎหมาย แต่น่าจะต้องเผชิญกับกฎกรรมทางสังคมไปอีกนาน!
แต่จะโทษใครเล่า ก็เคยบอก มีประตูเสี่ยงทาย ๒ ประตู ให้เลือก ถ้าออกโรงพยาบาลไปนอนคุก แล้วออกทางประตูคุก
นั่นคือ “วีรบุรุษ” ผู้เคารพกฎกติกาสังคม
สังคมก็พร้อมอภัยกับสิ่งทั้งหลาย ทั้งดี-ทั้งร้าย ในอดีตที่ผ่านมา แล้วชีวิตจะอยู่สุข พ้นวิบากทุกข์ทั้งทางกฎหมายและทางสังคม
แต่ในเมื่อเลือกทางไม่เข้าคุกเลย นอนโรงพยาบาล ออกทางประตูโรงพยาบาลกลับบ้าน
เพื่อคุยได้ว่า……
เป็นบุคคลพิเศษหนึ่งเดียวในเมืองไทย ที่ “กฎกติกาบ้านเมือง” ใช้บังคับกับคนชื่อทักษิณไม่ได้เลย!
เมื่อเลือกประตูนี้ ทักษิณ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งครอบครัว ก็ต้องรับสภาพ “กฎทางสังคม” ที่จะตามรุกเร้า-ราวีชีวิต
ซึ่งนั่น…ไม่ใช่พรหมลิขิต
หากแต่ทักษิณ “ลิขิต” เส้นทางชีวิตที่เหลือนี้เอง!
ทักษิณเหนือด้วย “กำลังภายใน” นั่นเป็นเรื่องภายใน
แต่กับภายนอก มันเป็นเรื่องของสังคมชาติที่ “ทุกคนต้องทัดเทียมกันทางกฎหมาย”
เมื่อเกิดความไม่ทัดเทียมกันขึ้น…
สังคมชาติอันเป็น “กำลังภายนอก” ย่อมมีปฎิกริยาในทางปฎิเสธที่ทักษิณยากจะปฎิเสธ
แต่ก็นั่นแหละ…
ในเมื่อมันเป็น “เส้นทางที่ทักษิณเลือกแล้ว” คุณทักษิณก็ต้องพร้อมเผชิญกับกรรม ๒ กรรม ดังที่ว่า
-กรรมทางกฎหมาย
-กรรมทางกฎสังคม
จนถึงที่สุด พิสูจน์เห็นจริง ว่าทักษิณเป็น “คนเหนือกรรม” นั่นก็ไม่ต้องไปยุ่งกับการเมืองอีกต่อไปให้ต่อมลูกหมากอักเสบ
เพราะทักษิณขึ้นสู่สภาพ “จอมศาสดาเหนือกรรม”
“จันทร์ส่องหล้า” จะเป็นสำนักของจอมศาสดาทักษิณ ที่มนุษย์ ทั้งแผ่นดิน-ทั้งโลก จะมาสยบ
ก็ดูกันต่อไป เมื่อประเทศสู่โหมด “เปลี่ยนไพ่สำรับใหม่” ในเกมการเมืองและเกมสังคมบริหารและปกครองประเทศ
มันเป็น “อย่างที่ต้องเป็น” มันเป็นเส้นทางที่ต้องไป
ไม่ใช่บังเอิญ ที่ทักษิณหรือใคร “คนใด-คนหนึ่ง” เป็นผู้กำหนด
จะเรียกว่าอะไรดีล ะ”ชะตาชาติ-บ้านเมือง”
หรือถึงยุค “สังคมลอกคราบสู่ศักราชใหม่” ที่ต้องไปตามเส้นทางนี้?
ผมก็ตอบไม่ได้ แต่รับรู้ได้จากปฎิกริยาสังคมในวงกว้างว่า
ส่วนหนึ่ง รู้..ทักษิณโกง แต่รับได้ พอใจว่า โกงแล้ว พวกเขาได้อยู่ได้กิน ก็พิลึกดี และนี่แหละคนไทย
ขนาดเขาไม่ให้เข้าไปในบ้าน คนรักทักษิณ ก็ยังไปกอดกำแพงบ้าน ดีอก-ดีใจ ทักษิณได้ออกคุก
อีกส่วนหนึ่ง รับไม่ได้ ที่ทักษิณเหนือกฎหมาย ต่อไปนี้ คนจนกับหมาเท่านั้น ที่กฎหมายใช้บังคับได้
คนมีเงิน คนมียศ คนมีอำนาจวาสนา กฎหมายมีค่าเท่าผ้าเช็ดตีน!
ทีนี้ มาถึงความเห็นผมบ้าง……..
กรณีนี้ ผมไม่โทษทักษิณ เพราะทักษิณเขากลับมามอบตัว เข้ารับโทษตามกระบวนการกฎหมาย ศาลตัดสินจำคุก ๘ ปี ส่งเข้าเรือนจำ
ต่อมาทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ โดยรับสารภาพผิดที่ทำไป และได้รับพระมหากรุณาอภัย “ลดโทษ” จาก ๘ ปีเหลือโทษจำ ๑ ปี
ไล่เลียงดู ทักษิณทำตามสิทธิ-ตามขั้นตอน เมื่อต้องโทษแล้ว ทักษิณย่อมอยู่ใต้กฎหมายบังคับ
แต่ทักษิณหรือนักโทษคนไหนก็ตาม…
ทุกคน…มีสิทธิเสนอและร้องขอในสิ่งที่ตนต้องการได้
ส่วนจะได้หรือไม่ได้…
เป็นอำนาจของ “กรมราชทัณฑ์” โดยกระทรวงยุติธรรม ภายใต้บริหารของรัฐบาล “เศรษฐา-เพื่อไทย”
ก็ปรากฏว่า “กรมราชทัณฑ์ “ตอบสนองในสิ่งที่นักโทษ ในที่นี้คือทักษิณไม่ควรได้ แต่กลับได้
คือไม่ต้องเข้าคุก ราชทัณฑ์บริการระดับซูเปอร์วีไอพี อ้างป่วยอันไร้การพิสูจน์ เอาฮ.รับตัวกลางดึก ไปนอนโรงพยาบาลตำรวจฉับพลัน
นับเป็น “ราชทัณฑ์บริการ” ชั้นเยี่ยมแห่งแรกในโลก ของรัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งรู้กันทั้งโลกว่า
“รัฐบาลเศรษฐา-เพื่อไทย” คือสินค้าธุรกิจการเมืองของทักษิณ!
ทักษิณ-ราชทัณฑ์ มีสิทธิ์ร้องขอและส่งตัวนักโทษมาพักรักษาที่รงพยาบาลตำรวจ
ส่วนจะรับหรือไม่รับไว้เป็นนักโทษป่วยระดับซูเปอร์วีไอพี ณ ห้องรอยัล สวีท หรือไม่นั้น เป็นสิทธิและอำนาจของผอ.โรงพยาบาลตำรวจ
แต่ในเมื่อทักษิณเป็นนักโทษ มานอนรักษาท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมว่าป่วยหนักจริงหรือไม่ ป่วยด้วยโรคอะไร
ทางโรงพยาบาลมีสิทธิ-มีอำนาจระดับหนึ่งเท่านั้น ในฐานะคนป่วยคือนักโทษ
ทางโรงพยาบาลไม่มีสิทธิ-ไม่มีอำนาจปฎิเสธคำถามสังคมและการตรวจสอบข้อเท็จจริงบางประการจากคณะกรรมาธิการสภา
กับนักโทษคนอื่นๆ ทั้งโรงพยาบาล ทั้งราชทัณฑ์ แถลงอาการได้ แต่กับนักโทษทักษิณ
ชัดว่าราชทัณฑ์-โรงพยาบาลสมคบกันปกปิดข้อเท็จจริงทั้งหมด ตั้งแต่วันแรก ยันวันสุดท้ายที่ได้รับการพักโทษ โดยนักโทษ ไม่เคยนอนคุกเลย แม้แต่นาทีเดียว
ป่วยร้ายแรงตลอด ๖ เดือน นำตัวกลับเรือนจำไม่ได้
แต่พอวันพักโทษ กลับหายป่วย กลับไปนอนบ้านได้!?
แพทย์ “รพ.ตำรวจ-ราชทณฑ์” จะชี้แจงประเด็นนี้ต่อสังคมอย่างไร ที่ฟังแล้ว
ประชาชนไม่…ถุ้ยยย!
ส่วนรัฐบาล นายกฯ เศรษฐา ปัดที่จะตอบเรื่องทักษิณด้วยข้ออ้างว่า ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของราชทัณฑ์เขา
ถามตรงๆ เศรษฐาเป็นนายกฯ แล้วรู้มั้ย…นายกฯ มีอำนาจ-หน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง?
อย่างอื่นรู้หมด พูดได้หมดทุกเรื่อง
ยกเว้นเรื่องทักษิณ
ผู้รับผิดชอบการบริหาราชการแผ่นดินคนนี้ กลับบอกไม่ได้ติดตามและไม่ใช่หน้าที่!?
เก่งนัก กับเรื่องพล่ามในสิ่งที่ทำไม่ได้ คุยโม้ในสิ่งไม่ใช่อำนาจหน้าที่ งานปัจจุบัน ไม่เป็นชิ้น-เป็นอันซักอย่าง
แต่ไปขึ้นเวทีไหน-จังหวัดไหน ก็ฟุ้งเรื่องอนาคต เรื่องจับฉ่าย จะทำโน่น-นี่ แบบเพ้อเจ้อ
พูดไป ก็จะว่าอคติ จ้องจับผิดกัน แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เศรษฐา “นายกฯ ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก” ไม่ผิดเลย!
ถ้าแยกแยะ เราจะเห็น
ทักษิณแค่ผู้เสนอ รัฐบาล, ราชทัณฑ์, โรงพยาบาลตำรวจ นั่นตะหาก คือ “ผู้สนอง”
สนองด้วยการกระทำขัดทั้งกฎหมายบ้านเมือง ขัดทั้งกฎสังคมเป็นธรรม ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ถ้าจะมีคนผิด มีการไล่เลียง-ทวงถามเอาโทษ…
ทักษิณน่ะ… “พ้นแล้ว” ทางกฎหมาย
คนที่ยังไม่น่าพ้น ควรต้องนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทางกฎหมาย
คือ ผอ.โรงพยาบาลตำรวจ, ผบ.เรือนจำ ,อธิบดีกรมราชทัณฑ์, รัฐมนตรียุติธรรม และนายกฯเศรษฐา!
สำหรับ ศปปส.ที่เรียกร้องทางสังคม ต้องบอกว่า “เป็นสิ่งที่สังคมต้องมี”
แต่จำเลยตอนนี้ ไม่ใช่ทักษิณ
รัฐบาล ราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ นั่นแหละจำเลยสังคม ที่สมคบกันทำให้ “ทักษิณอยู่เหนือกฎหมาย”!
มองในมุมบวก….
เมื่อทักษิณ “พ้นบ่วงวิบาก” ถ้าผมเป็นทักษิณ ๑๗ ปีที่เร่ร่อน บวกกับประสบการณ์โลก-ชีวิต ๗๕ ปี
ย่อมคิดได้-ตระหนักรู้ ถ้าหวนกลับไปทำอย่างที่ผ่านมา ปลุกแดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา ล้มชาติ, ศาสน์, สถาบันพระมหากษัตริย์ อีกละก็
พูดได้คำเดียว…นั่น “ไม่ใช่คน” แล้ว!
ผมมองว่า “ถึงจุดจบ” บ้านเมืองแตกแยก ต่อจากนี้ “แดง-เหลือง” จะคืนสู่แดง-เหลือง “รวมเลือดเนื้อไทย” ชาติบ้านเมืองเดียวกันแล้ว
“เหลือง-แดง-น้ำเงิน-ม่วง” เป็นคานดีด-คานงัด เพื่อชาติธำรงมานานและเหนื่อยพอแล้ว
ต่อจากนี้ เรื่องพิทักษ์ชาติบ้านเมือง ให้เป็นหน้าที่ “แดงทักษิณ” ออกไปชนกับ “ส้ม-สามสัส” ทั้งในสภาและนอกสภาบ้าง
สำหรับ “เหลือง-แดง” จบกันที-สามัคคีชาติ
แต่ถ้าทักษิณ “ไม่เลือกทางนี้” คนภายนอก ไม่รู้หรอก ทักษิณจะเป็นอย่างไร?
แต่กับ “ภายใน” ทักษิณ…รู้อยู่กับใจแล้ว!
เปลว สีเงิน
๑๙ กุมภสาพันธ์ ๒๕๖๗
ภาพจาก IG: ingshin21