ผักกาดหอม
แจ่มแจ้งกันไปเลยทีเดียว
นายกฯ เศรษฐา การันตีด้วยตัวเอง “นักโทษชายทักษิณ” ได้รับการพักโทษอย่างเป็นทางการแล้ว
แต่ฟังเหตุผลประกอบของนายกฯ แล้วมันรู้สึกตงิดๆ เพราะยกย่องนักโทษชายราวกับรัฐบุรุษ
“…ท่านทักษิณเองก็เป็นอดีตนายกฯ มาหลายปี และเป็นคนที่มีประโยชน์กับประเทศชาติ และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมาอย่างยาวนาน
เป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างสูงที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย และความจริงเมื่อท่านออกมาแล้ว ก็เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง เรื่องในอดีตก็ถือเป็นเรื่องในอดีตไป และได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว
ท่านเองก็มีลูกมีหลาน ลูกสาวคนเล็กก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้วผมเชื่อว่าท่านจะมีคำแนะนำดีๆ ที่จะให้เป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ เดี๋ยวผมเชื่อว่าลูกก็จะนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการบริหารประเทศได้
และปัจจุบันท่านก็มีหลาน ๗ คน
ในฐานะที่ผมเป็นพ่อคน ผมก็เข้าใจความรักคุณปู่หรือคุณตามีให้กับลูกหลาน ก็ถือเป็นสิทธิ์ของท่าน ยืนยันว่าตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ทุกอย่าง…”
ไม่รู้จะวิจารณ์ตรงไหนก่อนดี เพราะการปฏิบัติต่อนักโทษคดีคอร์รัปชัน ที่ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ด้วยการยกย่อง พร้อมกับให้ลืมเรื่องในอดีต มันไม่ได้อยู่ในวิสัยที่สุจริตชนพึงกระทำเลย
แถมยังเป็นนักโทษที่ยังไม่ได้รับโทษติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว
มาวันนี้ได้พักโทษซะแล้ว
อีกทั้ง “ผู้นำประเทศ” การันตีคุณงามความดี ทำประโยชน์ให้ชาติมามากมาย ได้รับความนิยมสูงสุด
ถามจริงเถอะ นายกฯ เศรษฐา จำเรื่องการควบรวมพรรคการเมือง ซื้อ สส.ยกพรรคได้หรือเปล่า
ที่บอกทำประโยชน์ต่อชาติ เคยดูคำพิพากษาคดีคอร์รัปชันที่ส่งโทษจำคุกมาให้ “นักโทษชายทักษิณ” บ้างหรือเปล่า
อย่ามองคดีคอร์รัปชันเป็นเรื่องเล็ก
เพราะการเมืองที่คดโกงคือการเมืองที่ทำลายชาติ
รัฐบาลเพื่อไทย จะมีปัญหาทันทีหากให้ “นักโทษชายทักษิณ” บงการไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง
คนโกงที่ควรให้อภัยคือคนโกงที่สำนึกในความผิด
แม้ “นักโทษชายทักษิณ” จะได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เพราะยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด แต่พฤติกรรมที่แท้จริงกลับมิได้เป็นเช่นนั้น
เพราะยังเต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย เพื่อไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
การกระทำของ “นักโทษชายทักษิณ” และบริวารมิได้สะท้อนถึงความสำนึกในการทำความผิดแม้แต่น้อย
อย่างที่บอก การคอร์รัปชัน คือ ความประพฤติชั่ว เป็นอาชญากรรมร้ายแรง
หากผู้นำประเทศ หรือ นักการเมือง พรรคการเมือง รวมไปถึงประชาชน ยังยกย่องคนโกง ไม่มีทางที่ชาตินั้นจะเจริญได้
จะติดกับดักคอร์รัปชันไปตลอดกาล
จำได้นะครับประโยคที่ว่า โกงไม่เป็นไรขอให้แบ่งกัน
วันนี้คนโกงไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แถมยังได้รับคำสรรเสริญเยินยอ
ปู่โกง จะสอนลูกหลานอย่างไร จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามจริงๆ
ครับ…เมื่อผู้นำประเทศมาการันตีด้วยตัวเอง ว่า “นักโทษชายทักษิณ” คือคนที่ควรยกย่อง ได้รับการพักโทษแล้ว จากนี้ไป “นักโทษชายทักษิณ” จะทำอะไรต่อ
กลับไปบ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะ “อุ๊งอิ๊ง” เช็ดถูบ้านรอไว้แล้ว
หรือจะนอนโรงพยาบาลต่อ
ครั้งสุดท้ายที่โลกได้รับรู้ว่า “นักโทษชายทักษิณ” ป่วยหนักถึงขั้นห่างหมอไม่ได้คือวันที่ ๘ มกราคม ที่ผ่านมานี่เอง
วันนี้ ๑๔ กุมภาพันธ์ ผ่านไปแค่เดือนกับไม่กี่วัน สถานะผู้ป่วยของ “นักโทษชายทักษิณ” เป็นอย่างไร ไม่มีใครล่วงรู้ได้จริงๆ
แต่ในวันที่ไม่ต้องนอนคุกเกิน ๑๒๐ วัน อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงความเห็นโดยอ้างอิงการวินิจฉัยของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจไว้ดังนี้
“…ตามที่กรมราชทัณฑ์ ได้ส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ออกรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลภายนอก ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖ โดยพบว่านายทักษิณ มีโรคประจำตัวหลายโรคที่อยู่ระหว่างการรักษาติดตามอาการ โดยโรคที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และเนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยังขาดเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพ
แพทย์จึงมีความเห็นว่าเพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตรายที่อาจจะส่งผลต่อชีวิต เห็นควรส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจที่มีความพร้อม มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีศักยภาพสูงกว่าโดยแนวปฏิบัติกรณีมีผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวัง และยังคงรักษาตัวอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน นั้น
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ขณะนี้นายทักษิณ ชินวัตร ได้ออกไปรับการรักษาตัวยังโรงพยาบาลตำรวจเกินระยะเวลา ๑๒๐ วัน โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ประสานไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อรับทราบถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ซึ่งแพทย์ได้รายงานอาการเจ็บป่วยในหลายประการที่ต้องเฝ้าระวัง โดยแจ้งความเห็นว่าผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์เฉพาะทางและต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถึงอาการป่วย เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้พิจารณาจากความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาที่พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่ายังต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ประกอบกับเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความครบถ้วนตามกฎหมาย จึงพิจารณาเห็นชอบ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๗ ให้นายทักษิณ อยู่รักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลตำรวจ
เนื่องจากยังคงมีอาการเจ็บป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้ทำการรักษาเฉพาะทาง และหากเกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตจะได้ดำเนินการรักษาอย่างทันท่วงที…”
สรุปความคือ เดือนที่แล้ว “นักโทษชายทักษิณ” ยังไม่พ้นภาวะอันตรายแก่ชีวิต
ต้องอยู่ใกล้ชิดหมอถึงจะรักษาได้ทันท่วงที
สงสัยครับ…ในโลกนี้มีโรคอะไรบ้าง ที่ผู้ป่วยอาการหนักห่างหมอไม่ได้ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าตัวเองต้องไปนอนในคุก
และไม่ต้องการหมอ พักป่วยขึ้นมาทันทีที่ครบกำหนดวันได้พักโทษ
ถ้าโรคนี้มีอยู่จริงในโลกนี้ ก็น่าค้นคว้าวิจัยอย่างยิ่ง เผื่อจะเจอวัคซีนปราบโกง
เอาเถอะครับหาก “นักโทษชายทักษิณ” จะย้ายออกจากวิมานชั้น ๑๔ ไปเลี้ยงหลาน ๗ คนที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ก็ขออวยพร ให้รอดพ้นจากขีดอันตราย
อยู่ที่ครอบครัวชินวัตรครับว่า จะกล้าพา “นักโทษชายทักษิณ” ขึ้นรถพยาบาล ที่มี หมอ พยาบาล และอุปกรณ์ช่วยชีวิตพร้อมกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าหรือไม่
เพราะเดือนที่แล้ว กรมราชทัณฑ์ยังกลัวว่า หากเกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต “นักโทษชายทักษิณ” จะไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
เว้นเสียแต่ว่าทำบ้านจันทร์ส่องหล้าให้เป็นโรงพยาบาลมีหมอเฝ้า ๒๔ ชั่วโมง
แต่ถ้าลำบากนักนอนห้องวีไอพีสี่เหลี่ยมชั้น ๑๔ ต่อเถอะครับ
เลี้ยงหลาน ๗ คนมันเหนื่อย!
กลับบ้านจันทร์ส่องหล้าเกิดความแตกว่าไม่ป่วยจริง โรงพยาบาลตำรวจ กับกรมราชทัณฑ์คงต้องบิ๊กคลีนนิงกันครั้งใหญ่
เผลอๆ มีคนซวยติดคุกแทนอีก