ผักกาดหอม
ยิ่งกว่าเผด็จการ…
อีกไม่กี่วันจะไปตั้งคำถามเรื่องทำไม “นักโทษชายทักษิณ” ยังนอนอยู่ห้อง วีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจไม่ได้แล้ว
ฝากไปถึง คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ โดยเฉพาะ “ชัยชนะ เดชเดโช” ประธานคณะกรรมาธิการ รวมถึง “วัชระ เพชรทอง” ที่ขอให้กรรมาธิการฯ ตรวจสอบการควบคุมนักโทษที่เข้ารับการรักษาพยาบาลและพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ไปทำเรื่องอื่นเถอะครับ
เพราะทุกอย่างจะเป็นไปตามกฎหมายหลังจากนี้
ใครจะไปคิด “นักโทษชายทักษิณ” เป็นผู้โชคดีประจำปี ๒๕๖๖-๒๕๖๗ เพราะทุกอย่างล้วนเข้าทางไปเสียหมด
วันก่อนว่ากันเรื่อง ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. ๒๕๖๖ ออกตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ วันนี้มาขยายความอีกนิดหน่อยเพื่อความชัดแจ้ง
ภาพรวมระเบียบนี้ จะย้ายนักโทษไปขังไว้ที่บ้าน อาคาร วัด ฯลฯ ที่มีเลขที่บ้านกำกับ
ประเด็นที่อยากขยายคือ ข้อ ๖ (๓) การรักษาพยาบาลผู้ต้องขัง โดยคุมขังในสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
หมายถึง “โรงพยาบาล” ก็จะกลายเป็นที่คุมขังที่ไม่ใช่คุกตามระเบียบนี้ด้วย
ถามว่าคนที่ได้ประโยชน์แน่ๆ เท่าที่เห็นตอนนี้ก็คือ “นักโทษชายทักษิณ” เพราะยังป่วยสาหัสอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หมอยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ๒๔ ชั่วโมง
อาการยังไม่น่าไว้วางใจ
เพราะถ้าวางใจได้ต้องส่งกลับเข้าเรือนจำไปแล้ว
ก็ถือว่าเป็นเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์
ผู้ป่วยหนักจะจับส่งคืนคุก มันจะละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนเอาได้
จะโดนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระดับโลกประท้วงเอาเปล่าๆ
การพิจารณาว่าใครอยู่ในเกณฑ์ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. ๒๕๖๖ บ้าง จะมีคณะทำงานของกรมราชทัณฑ์เป็นผู้พิจารณา
คณะทำงานชุดนี้ไม่ใช่คณะทำงานระดับชาติที่ต้องเต็มไปด้วยคนดีเด่นดัง แต่เป็นคนในกรมราชทัณฑ์นั่นเอง
แล้วมีเหตุผลอะไรมาดลใจให้คณะทำงานชุดนี้ ไม่ใส่ชื่อ “นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร” ลงไป ขณะนี้ยังคิดไม่ออก
แต่…เมื่อชื่อของ “นักโทษชายทักษิณ” ถูกประกาศ เชื่อเถอะครับ ยังไม่น่าได้กลับบ้านจันทร์ส่องหล้าในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าผิดพลาด เข้าใจผิดว่า จะได้กลับบ้านจันทร์ส่องหล้าไปเลี้ยงหลานตั้งแต่ก่อนช่วงเทศกาลปีใหม่
เพราะเมื่อมาพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกที อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ดูปฏิกิริยาจากหมอ จากกรมราชทัณฑ์แล้ว ต่อให้พ้นโทษ “นักโทษชายทักษิณ” ก็ยังต้องนอนโรงพยาบาลต่ออย่างไม่มีกำหนด
เพราะอยู่ในวิกฤตมาตั้งแต่วันแรกที่เดินทางกลับประเทศไทย ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถึงวันนี้ก็ร่วมๆ ๔ เดือนแล้ว
อาการ “นักโทษชายทักษิณ” อยู่ในสภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง
ฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เป็นวิทยาศาสตร์ ยากที่ “นักโทษชายทักษิณ” จะกลับฟื้นคืนเหมือนตอนอยู่ดูไบได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะเมื่อ ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. ๒๕๖๖ บังคับใช้ และ “นักโทษชายทักษิณ” เป็นผู้ได้ประโยชน์ ก็ใช่ว่า “นักโทษชายทักษิณ” จะหายป่วย เดินกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าได้ทันที
เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันจะอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ได้
มันจะกลายเป็นการโกหกหลอกลวงประชาชนอย่างเป็นขบวนการ
ที่สำคัญระบบยุติธรรมปลายน้ำคือกรมราชทัณฑ์จะไม่ได้รับความน่าเชื่อถืออีกเลย
จึงฟันธง! “นักโทษชายทักษิณ” จะนอนชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจอีกเป็นปีๆ
หาไม่แล้ว ก็รับทราบโดยทั่วกัน ที่ผ่านมาโกหกทั้งเพ!
“นักโทษชายทักษิณ” ก่อความผิดคดีคอร์รัปชัน
การคอร์รัปชันถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ที่สามารถทำลายประเทศให้ล่มจมได้
แต่วันนี้นักโทษก่อความผิดคอร์รัปชันยังไม่เคยติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว
และกำลังจะได้ประโยชน์จากระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ที่จะเป็นหลักประกันสำคัญว่า ไม่มีทางที่ “นักโทษชายทักษิณ” จะเดินเข้าคุกสักวินาทีเดียว
เข้าใจได้ที่ “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” อยากให้พ่อออกโดยเร็ว
“…ออกยิ่งเร็วยิ่งดี นี่เป็นความรู้สึกของลูก ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วใครอยากจะให้เป็นแบบนี้ แต่ในเรื่องอื่นขอให้เป็นในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมของกรมราชทัณฑ์และคุณหมอ เพราะเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้…”
คนเป็นลูก ๑๐๐% ต้องรู้สึกแบบนี้
เพียงแต่สงสัยว่า “อุ๊งอิ๊ง” หมายถึงให้พ่อ ออกจากคุก หรือออกจากโรงพยาบาล
ถ้าบอกว่าออกจากคุก “นักโทษชายทักษิณ” ยังไม่เคยติดคุกจริงเลย
หรือถ้าบอกว่าออกจากโรงพยาบาล ออกเร็วตอนนี้ก็กลับเข้าคุกครับ เพราะระเบียบกรมราชทัณฑ์ ยังไม่สะเด็ดน้ำ
ฉะนั้นเอาให้แน่ว่าออกจากไหน!
แต่คนนี้สิไม่เข้าใจเลย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะเอาหล่อไปถึงไหน
“พิธา” ติดกระดุม ๓ เม็ด
เม็ดแรก บอกว่า ระเบียบนี้คิดตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ ตามที่สภาฯ ได้เสนอมาในปี ๒๕๖๐
เม็ดที่สอง เรื่องของสถานที่ ที่ผู้ต้องขังหรือครอบครัวไม่สามารถร้องขอได้ เนื่องจากเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ที่เกรงว่าจะมีการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง
และเม็ดที่ ๓ เป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำ ที่จะต้องมีระบบสถานที่เอื้ออำนวย ทำให้คนที่ออกมาได้ต้องเป็นคนที่มีฐานะในระดับหนึ่ง จึงเกรงว่าจะไม่มีความเท่าเทียมกัน ไม่ด่วนสรุปว่าเป็นเรื่องของการใช้อภิสิทธิ์ แต่เป็นการตั้งข้อสังเกตจากข่าว ไม่ใช่ความเห็นส่วนตัว
สุดท้ายนักข่าวถาม “ทักษิณ” ยังอยู่ชั้น ๑๔ ใช่หรือไม่
คำตอบจาก “พิธา” คือ “ผมยังไม่ได้ตามเรื่องนี้เลย”
จบเลยครับ ไม่ได้ตามเรื่องทักษิณ แสดงว่า “พิธา” ก็ไม่ได้ตามว่า ระเบียบฉบับนี้ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทำไมถึงได้มาออกเอาตอนนี้
เห็นกรมราชทัณฑ์อ้างเรื่องสิทธิมนุษชนประกอบการออกระเบียบ แล้ว “พิธา” เคยคิดจะหาข้อมูลหรือไม่ว่า หากระเบียบนี้ออกตามหลัง พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทันที ในช่วง ๖ ปีมานี้ นักโทษที่ควรได้ประโยชน์จะมีมากเท่าไหร่
กี่คนที่ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในคุกต่อ แทนที่จะได้กลับไปถูกกังขังในบ้านตัวเอง
นี่คือความเหลื่อมล้ำหรือเปล่า
เท่าเทียมไหม
“พิทักษิณ”