เปลว สีเงิน
เกิด “เทรนด์ใหม่” ในสังคม “คนประชาธิปัตย์”
“รักพรรคจริง” ต้อง “ทิ้งพรรค”!?
ช่วงนี้ จึงเห็นแต่ข่าว “คนนั้น-คนนี้” เขียนใบลาออกจากการเป็น “สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์”
เหตุผลที่ “ขึ้นหน้า-ขึ้นตา” ในการลาออก คือ
“รับไม่ได้กับคนตระบัดสัตย์”!
เขาหมายถึง “นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน” ที่บอกว่าวางมือการเมืองแล้ว แต่กลับมาเป็น “หัวหน้าพรรค”
ก็ “พระเอก-นางเอก” ในบทเจรจากันทั้งนั้น ยังหาที่ “ปากกับใจ” ตรงกัน ในการพูดไม่ได้เลยซักราย
เว้ากันซื่อๆ ที่ทิ้งพรรค เพราะ “รับไม่ได้” ที่นายเฉลิมชัยขึ้นเป็น “หัวหน้า” เนื่องจากเป็น “คนละพวก”!
ผมอยากรู้เหมือนกัน ว่าในโลกใบนี้ มีนักการเมืองคนไหนบ้างที่ “ไม่ตระบัดสัตย์”?
ไม่ได้หมายความว่า ผม “ส่งเสริม-สนับสุน” ให้นักการเมืองตระบัดสัตย์
หากแต่ “ตระบัดสัตย์” นั้น มันเป็น “สันดานสมบัติ” ข้อแรกที่คนเป็นนักการเมือง “ต้องมี”
แค่คำแรกบนเวทีหาเสียง “ผมรวยแล้วไม่โกง…ผมขออาสาทำงานเพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน”
นี่…ขึ้นต้นมันก็ตอแแหลในคราบตระบัดสัตย์กันซะขนาดนั้น!
ฉะนั้น ต้องสากกระเบือเบอร์ไหน ถึงจะยังหวังหาคำสัตย์จากนักการเมืองอยู่อีก!?
คนประชาธิปัตย์ที่อ้างเรื่องตระบัดสัตย์ นั้น ถามคำ
มีใครไม่รู้จักคำว่า “ข้อมูลใหม่” บ้าง ยกมือขึ้น?
ไม่มี…แสดงว่าจำได้
คือ เมื่อปี ๒๕๒๓ “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” ยังเป็นผบ.ทบ.อยู่ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี มี “พรรคประชาธิปัตย์-พรรคกิจสังคม-พรรคชาติไทย” ร่วมเป็นรัฐบาล
เดือนตุลา.๒๓ พลเอกเปรม ครบอายุเกษียณ แต่ช่วงนั้น บ้านเมืองกำลังนุงนังเรื่องคอมมิวนิสต์ ทางกองทัพต้องการต่ออายุราชการให้พลเอกเปรมอีก ๑ ปี
ตอนนั้น “นายถนัด คอมันตร์” เป็นหัวหน้าพรรค ปรากฏว่า “ประชาธิปัตย์” ประกาศ
“คัดค้าน” การต่ออายุราชการให้พลเอกเปรม!
เท่มากกกกก!
แต่ไม่กี่วัน ประชาธิปัตย์แถลงใหม่ “สนับสนุนการต่ออายุราชการให้พลเอกเปรม”
นักข่าวถาม “ด้วยเหตุใดล่ะ?”
ประชาธิปัตย์ตอบว่า “เพราะมีข้อมูลใหม่”!
ก็ไม่มีสส.หรือสมาชิกพรรคคนไหนลาออกจากประชาธิปัตย์ หรือออกมาประณามว่า “หัวหน้าถนัด…ตระบัดสัตย์”
มีแต่แย่งกันเป็น “สะตอลูกป๋า” โตงเตงทั้งพรรค
ทั้งที่คำว่า “ข้อมูลใหม่” กับ “ตระบัดสัตย์” ในพจนานุกรม ฉบับนักการเมือง มัน “synonym” กัน
ประชาธิปัตย์ สมัยนั้น บทบาทกระเดียดไปทางซ้าย เมื่อซ้ายสยบ ออกจากป่าเข้ามาร่วมพัฒนาชาติไทย ตามนโยบาย ๖๖/๒๓ ของพลเอกเปรม
ผ่านยุคพรรคการเมืองเป็นนั่งร้านให้นายกฯ ทหารแล้ว การเมืองก็เข้าสู่ยุค “ประชาธิปไตยแตกใบ”
“พรรคประชาธิปัตย์” จากซ้ายชิดขอบ ก็ออกมาบอกว่า “ประชาธิปัตย์” เป็น “สังคมนิยมอ่อนๆ”
เห็นมั้ย ในการเมือง มันมี ๒ อย่างเสมอ คือ
“สถานการณ์กำหนดการเมือง” กับ “การเมืองกำหนดสถานการณ์”
ฉะนั้น มีแต่คนบ้ากับคนโง่เท่านั้น ที่หวังเค้นน้ำในก้อนหิน
“คำสัตย์” ในทางการเมืองแปลว่า “กะล่อน”
“ตระบัดสัตย์” ในทางการเมืองแปลว่า “กุศโลบาย”!
ในสงครามเอเชียมหาบูรพา ญี่ปุ่นขอใช้ไทยเป็นทางผ่านไปบุกพม่า เพราะไทยเล่นไพ่ ๒ หน้าหรอก ญี่ปุ่นแพ้ ไทยกลับชนะ
เพราะหน้าหนึ่ง “นายปรีดี พนมยงค์” เป็นฝ่ายเสรีไทย ร่วมมือ “สหรัฐ-อังกฤษ”
ในขณะที่ “จอมพลป.พิบูลสงคราม” ที่เป็นนายกฯ เล่นบทเป็นฝ่ายญี่ปุ่น ร่วมบุกตะวันตก
เพราะ “กะล่อน” หรือ “กุศโลบาย” ล่ะ ที่ทำให้ไทยชนะ คิดสิ..คิด!
ไม่แค่เวทีการเมืองระดับประเทศ…..
ในเวทีการเมืองระดับโลก ไล่มาตั้งแต่สมัย “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช” โน่นเลย
ฝรั่งเศส บังคับให้ไทยเปลี่ยนจากศาสนาพุทธไปนับถือศาสนาคริสต์ เพราะลีลาวาจาพริ้วอันสุนทรของ “สมเด็จพระนารายณ์มหาราช”
ทำให้ฝรั่งเศสหมดทางบังคับไทย ในเมื่อ “สมเด็จพระนารายณ์” ตอบทูตฝรั่งเศสไปว่า
“มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ทราบจากจดหมายบันทึกของราชทูตและจากทางอื่นว่า พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส มีความรักใคร่พระองค์มากถึงเพียงนี้
ซึ่งเป็นการกระทำให้ชนชาวตะวันออกทั่วไปแลเห็นในพระทัยกว้างขวางของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้
และยินดียิ่งนัก จนจะหาถ้อยคำที่จะแสดงความยินดีนั้นไม่ได้แล้ว
แต่เสียพระทัยว่า การที่จะเป็นพระราชไมตรีกับพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส พระองค์จะต้องเข้ารีตถือศาสนาคริสเตียนนั้น เป็นการยากนักหนา
เพราะการที่จะเปลี่ยนศาสนาอันได้นับถือและเชื่อถือกันมาถึง ๒๒๒๙ ปีมาแล้วนั้น เป็นการยากอย่างยิ่ง
จึงขอให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงวินิจฉัยดูว่า การที่จะเปลี่ยนศาสนาเช่นนี้ เป็นการง่ายหรืออย่างไร
และขอให้พระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ทรงดำริด้วยว่า ถ้าพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสร้างดิน และสร้างสิงสาราสัตว์ อันมีรูปพรรณสัณฐานและนิสัยต่างๆกัน
จะประสงค์ให้มนุษย์ทั้งหลายได้นับถือศาสนาอย่างเดียวกันทุกคน และให้มนุษย์ทั้งหลายอยู่ในกฎหมายอันเดียวกันหมดแล้ว
พระเจ้าก็คงจะทำให้เป็นเช่นนั้นได้ง่ายที่สุด
แต่สิงสาราสัตว์ ต้นหมากรากไม้และของทั้งปวง พระเจ้าก็ได้สร้างให้มีรูปพรรณและลักษณะต่างกันทั้งสิ้น
จึงเป็นพยานให้เห็นได้ว่า….
การที่เกี่ยวด้วยศาสนานั้น พระเจ้าก็คงต้องการให้ถือต่างกันเหมือนกัน
เพราะเหตุฉะนั้น พระองค์จะยอมให้พระเป็นเจ้าได้ตัดสินในเรื่องนี้”
กล่าวคือทรงยอมพระองค์และพระราชอาณาจักรให้อยู่ในโอวาทของพระเป็นเจ้า แล้วแต่พระเป็นเจ้าจะเห็นควรอย่างไร
เนี่ย…อีกหลายเรื่อง แม้กระทั่งเมื่อปี ๒๕๑๕ ผู้ก่อการร้ายชาวอาหรับ บุกเจ้ายึดสถานทูตอิสราเอล ในกรุงเทพฯ จับเจ้าหน้าที่ทูตเป็นตัวประกัน
ด้วย “คำสัตย์” และ “ตระบัดสัตย์” ผสมกันไป ทำให้ไทยสามารถโน้มน้าวผู้ก่อการร้ายให้ใจอ่อนและยอมเชื่อใจ
ปล่อยตัวประกัน ปลอดภัยทุกคน
โดยผู้ก่อการร้าย ยื่นเงื่อนไข ให้ พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์ กับ พล.ต.ชาติชาย ชุนหะวัณ นั่งเรือบิน “เป็นตัวประกัน” ออกไปกับพวกเขาด้วย
“ตระบัดสัตย์” หรือในความหมาย “กุศโลบาย” กุศล+อุบาย คือการหลอกให้คนได้ดี นี้
ในเวทีโลกกล่าวขาน-ร่ำลือ ว่านี่คือ “ไซมีส ทอล์ก”!
“ไซมีส ทอล์ก” ของแท้ มีแต่ไทย “ประเทศเดียว” เท่านั้น ที่ทำได้ และทำแล้วมี “ผลทางบวก” กับทุกฝ่าย
“เพื่อไทย” ขณะนี้เหมือนกัน ออกตั๋วสัญญาว่าจะให้ตอนหาเสียงเสร็จ พอได้เป็นรัฐบาลปุ๊บ ก็ตระบัดสัตย์ปั๊บ
เงินลม ๕.๖ แสนล้านบาท ยังไม่ทันแจกตามสัญญาซักบาท เหลือ ๕ แสนล้านแล้ว
และไอ้ ๕ แสนล้านนั้น ๘๐-๙๐% มันจะเป็นเงิน “ลมๆแล้งๆ” ซะด้วยซ้ำ!
ค่าแรงขั้นต่ำ ๖๐๐ บาท เห็นบ่นอุบเป็นการออกตัวว่าไตรภาคีขึ้นมาได้ไงแค่ ๒ บาท
เจ้ามือหวยใต้ดินว่าโหดหิน “ถูกจ่ายครึ่ง” แล้ว มาเจอสัญญาเพื่อไทย ๖๐๐ ได้ ๔-๒ บาท ต้องเรียกว่า “มหาหิน”
เห็นมั้ย ไล่มาเลย ตั้งแต่ “คณะราษฎร” ๒๔๗๕ เข้ายึดอำนาจการปกครองจากพระมหากษัตริย์ อ้างประชาชน
แต่พวกคณะราษฎร กลับยึดสมบัติ+พระราชอำนาจจากพระมหากษัตริย์ไปแบ่งกัน จนวิบัติไปหลายต่อหลายตระกูลทันตาเห็น
มัน “ตระบัดสัตย์” ทั้งนั้น!
ลองไปถามนายกฯ เศรษฐา ถามว่าที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ถามภูมิธรรม ถามหมอมิ้งดูซิว่า “นายทักษิณป่วยอยู่ที่ไหน?!”
แล้วดูซิ มีใครไม่ “ตระบัดสัตย์” ในการตอบบ้าง
นี่…ผมตั้งใจจะคุยเรื่องสภาเขาเปิด แล้วจะมีร่างพรบ.อะไรบ้างเป็น “เชื้อล่อไฟ”
แต่ไงไม่รู้ ว่าจะแวะประชาธิปัตย์แป๊บเดียว กลายเป็น “แป๊บ-ยิ่งลักษณ์” ไปซะนี่ ออกป่า-ออกทะเลจนกู่ไม่กลับ
เมื่อกู่ไม่กลับ
ก็ “ตัดจบ” มันก็หมดเรื่อง ง่ายๆ แค่นี้เอง…เนอะ!
เปลว สีเงิน
๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๖
