คำตอบ “ซุกใต้กระโปรงเด็ก” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ…⬇️

เปลว สีเงิน

“เยาวชน” ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายมาก
เวลามีเรื่องมีราว
สังคมก็จะเคร่งครัด จับจ้องการปฎิบัติต่อเยาวชนเป็นกรณีพิเศษ
แต่ถ้าเราสังเกต จะเห็นว่า การเคร่งครัดในทางคุ้มครองนั้น มุ่งเน้นคุ้มครองเยาวชน “ผู้กระทำผิด” มากเป็นพิเศษ

ขณะเดียวกัน “ผู้ถูกกระทำ” จากน้ำมือเยาวชน
สังคมจะเมินเฉย ถึงขั้นไม่ให้ความสำคัญใดๆ กับการสูญเสียของเขา ที่เกิดจากการกระทำโดยเยาวชนด้วยซ้ำ!

อย่างกรณี “เด็กอายุ ๑๔” เอาปืนไปกราดยิงในห้างพารากอน จนมีคนเจ็บ-คนตาย ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยเป็นต้น

เกิดเหตุปุ๊บ
สิ่งที่ตำรวจและนักตรวจสอบสังคมเคร่งครัดปั๊บ คือ

“ผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน ห้ามใช้ความรุนแรง ห้ามเปิดเผยชื่อ-ใบหน้า และห้ามเผยแพร่ภาพ”

และทุกคนก็ถนอมเยาวชนผู้กระทำผิดนั้นมิปาน “ไข่ในหิน” ด้วยเกรงว่า กระทำใดๆ ลงไป จะซ้ำเติมจิตใจเยาวชนให้บอบช้ำ

ทางตรงกันข้าม แทบไม่มีใครไปสนใจ ไปอินังขังขอบ จิตใจผู้สูญเสียจากการลงมือทำของเยาวชนนั้นซักเท่าไหร่

จากเรื่องราว-ข่าวสารนั้น ผมตามดูความเคลื่อนไหว แต่ละคน จะจดจ่ออยู่กับอยากรู้ว่า
เด็กอายุ ๑๔ ที่ก่อเหตุนั้น…..
เป็นใคร มาจากไหน ลูกเต้าเหล่าใคร มีเรื่องอะไร ที่จู่ๆเอาปืนไล่ยิงคนในห้าง?

ก็มีบ้าง ที่สนใจกับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ก็แค่สนใจตามสัญชาติญาน “มนุษย์อยากรู้” เท่านั้น
แต่ในความแตกตื่น อึงอล ของผู้คนต่อเหตุการณ์นั้น พลันมีข่าวหนึ่งเผยแพร่ออกมา

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี”
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับผู้บาดเจ็บทุกรายไว้เป็นคนไข้ใน “พระบรมราชานุเคราะห์”

ไม่มีประกาศเป็นทางการ
ที่เป็นข่าว ก็จาก “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลจุฬาฯ เปิดเผยให้ทราบ

ตรงนี้ สิ่งหนึ่งที่เราควรตระหนักรู้ไว้ ก็คือ
ในทุกความเป็นไปของบ้านเมืองตลอด ๒๔ ชั่วโมง รวมทั้งการณ์อันใด ที่มีผลกระทบต่อ “ทุกข์-สุข” ของอาณาประชาราษฎร์ทั้งแผ่นดิน

ล้วนอยู่ในสายพระเนตร “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ตลอดเวลา

ใครที่คิดว่า คนเป็น “เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน” วันๆ เสวยสุขอยู่แต่ในวัง ไม่รู้-ไม่สนใจ ความเป็นไปของผู้คนในแผ่นดินนั้น
โปรด “คิดใหม่” และเข้าใจให้ถูกต้องด้วย

จริงอยู่ “ในหลวง” ท่านอยู่สูง
แต่ในความสูงของสถานะพระองค์นั้น มิใช่สูงในสภาพหลับไหล

หากแต่ทรงสอดส่อง ตรวจตรา ทรงติดตามความเป็นไปในแต่ละเรื่องราวของบ้านเมืองและของประชาชนตลอด

เราจึงเห็นว่า “ทุกครั้ง” ที่มีเหตุ
ไม่ว่าจากอุบัติภัย ทั้งน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือจากเภทภัยใดๆ ทำให้ราษฎรประสบทุกข์ยาก

ความช่วยเหลือจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปถึงทันที!

พระองค์ทรงรับรู้-รับทราบเรื่องราวนั้นๆ ในทันที-ทันใดได้อย่างไร ถ้ามิใช่เพราะพระองค์ ทรงสอดส่อง-ดูแลความเป็นไปในบ้านเมืองแบบใกล้ชิด

ฉะนั้น ทุกคน ทุกสถานะ กับทุกเรื่อง ในบ้านเมือง
ใครก็อย่าคิดนะ ว่า……..

ที่ทำนั้น ทั้งดี-ทั้งไม่ดี, ทั้งสุจริต-ทั้งทุจริต, ทั้งซื่อ-ทั้งคด, ทั้งที่เป็นไปเพื่อชาติ-แผ่นดิน และทั้งที่เป็นไปเพื่อบั่นทอน ทำลายชาติ-แผ่นดิน

ว่า “พระองค์” จะไม่ทรงรู้ จะไม่ทรงทราบ ว่า…ใครกำลังทำอะไรอยู่ และคิดดี-คิดร้ายอะไรอยู่?!

เหตุจากเยาวชนที่พารากอน เบื้องตื้น คือสวัสดิภาพและการเยียวยา “คนเจ็บ-คนตาย”

แต่เบื้องลึก คือสัมพันธภาพอันมีผลทางจิตใจ ระหว่างชาติ เพราะคนเจ็บ-คนตายนั้น นอกจากคนไทยแล้ว
ยังมีนักท่องเที่ยวชาวจีน ชาวลาว และชาวพม่า ที่ทำงานอยู่ในไทยด้วย

จริงอยู่ มันเป็นอุบัติภัยทางสังคมจิต ไม่มีเหตุจูงใจอื่นใดแอบแฝงในการกระทำ
แต่นั่นแหละ คำว่า “มาเที่ยวเมืองไทยแล้วถูกฆ่าตาย”

มันฆ่า “จิตใจ” คนในชาติ “ทั้งเขา-ทั้งเรา” ที่เราต้องเข้าใจคนในชาติเขาเป็นพิเศษ

แล้วเราคิด-พินิจดูนะ จากข่าวสารเมื่อวาน (๔ ตค.๖๖)
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
“พลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต” ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์ ฯ

เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
ไปมอบแก่ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เยาวชนใช้อาวุธปืนยิงภายในห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อ ๓ ตค.๖๖ และเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างๆ ดังนี้

– ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ นางหลี่ ชา (Ms. Li Sha) สัญชาติจีน โดยมีนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรับมอบ

จากนั้น เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ญาตินางสาวเพ็ญพิวรรณ มิตรธรรมพิทักษ์ และนายวิเชียร วิจิขากี

– ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ญาตินางสาวคำ พูอี (Miss Kham Phuou) สัญชาติลาว

– ที่โรงพยาบาลตำรวจ เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ไปมอบแก่ นางสาวอัญพัชร์ ทิพย์จิระสกุล

ในการนี้ ได้เชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี”
ไปกล่าวกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ฯ และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บให้ได้รับทราบ

และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดไว้เป็นคนไข้ ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย

นี่….เหล่านี้ เราคิด-พินิจตามแบบคน “มีความคิด” แล้ว จะต้องรู้สึกได้ว่า

ถ้าไทยเราไม่มีพระมหากษัตริย์ ทั้งการณ์เล็ก-การณ์ใหญ่ ทั้งการณ์ภายนอก-การณ์ภายใน

เมื่อมีอันใดเกิดขึ้น……
ลำพังรัฐบาล “แบกรับน้ำหนัก” ขนาดนั้นไหวหรือ?

ผมไม่ต้องการถาม เพื่อให้ตอบในประเด็นว่า “บ้านเมืองไทยเรา มีพระมหากษัตริย์ทำไม?”

แต่ผมต้องการให้ทุกคนนำไปคิด นำไปตร่ตรอง นำไปใคร่ครวญ นำไปทวนทบ
ด้วยสติ คือความระลึกรู้ และสัมปชัญญะ คือ การรู้ทุกขณะ ในสิ่งที่พูด สิ่งที่คิด และสิ่งที่ทำ
เพื่อ “สำนึกรู้” มิใช่ “สักแต่ว่ารู้”!

เอาละ ทีนี้มาดูการเยียวผู้เสียหายจากการกระทำของเยาวชน ที่รัฐบาลต้องนำภาษีประชาชนไปจ่ายแทนให้บ้าง
“นายสกลภัทร กิจดำรงรัชต์” กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม บอก

การเยียวยาของกระทรวงแบ่งเป็น ๒ กรณี
-กรณี ผู้เสียชีวิต
ไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ จ่ายรายละ ๒ แสนบาท

-กรณี ผู้บาดเจ็บ
ต้องให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะดำเนินการได้ เนื่องจาก การเยียวยาจะพิจารณาได้ต้องผ่านความเห็นจาก”คณะอนุกรรมการ” เป็นผู้พิจารณา เป็นรายบุคคล

-แบ่งเป็นค่ารักษาพยาบาล ได้ไม่เกิน ๔ หมื่นบาท
-ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ ไม่เกิน ๒ หมื่นบาท

-ค่าขาดประโยชน์รายได้ไม่เกิน ๑ ปี ใน กทม.วันละ ๓๕๓ บาท
-ค่าตอบแทนความเสียหายอื่นๆ ไม่เกิน ๕ หมื่นบาท ขึ้นอยู่กับการพิจารณา

นี่เป็น “ความรับผิดชอบ” ทางกฎหมาย ที่ประชาชนทุกคนต้องรับใช้แทน “ผู้ก่อ” คือเยาวชนผู้นั้น
ก็เกิดคำถามขึ้น

ไหน…เห็นพูดกันว่า “คนทุกคนต้องเท่าเทียมกัน” ก็ไม่จริงน่ะซี?

ถูกต้องแล้ว เยาวชน คือเด็กไม่เกิน ๑๘ ปี ทุกรัฐบาลในโลก มี “กฎหมายโอ๋เด็ก” คุ้มครอง!

อย่างกรณีพารากอน เท่ากับเด็ก “ตีตั๋วฟรี” ในการฆ่าคน
แต่มองลึกลงไปถึงฐานะครอบครัวและการศึกษาแล้ว เท่าที่ฟัง พ่อ-แม่ เป็นถึงอาจารย์มหา’ลัย ลูกก็เรียนโรงเรียนฝรั่ง

สรุป เด็กอายุ ๑๔ คนนี้ เป็นลูกคนมีฐานะ มีการศึกษา
คำถามคือว่า พ่อ-แม่ เป็นคนอย่างใด อบรมดูแลลูกอย่างไร?

และเหตุที่ลูกไปก่อ พ่อ-แม่ จะ “รับผิดชอบ” ต่อสังคมและเยียวยาผู้ถูกกระทำอย่างใด?

พ่อ-แม่ไม่ควรปกป้องตัวเองด้วยการ “ปกปิดตัว” กับสังคม ซึ่งนั่น เท่ากับเห็นแก่ตัว
ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความกล้าเผชิญปัญหาที่ตัวเองมีส่วนผิด

ควรให้ความร่วมมือทางการ แกะพฤติกรรมครอบครัวและการเลี้ยงดูลูกของตัวเอง ว่าผิดพลาด-บกพร่องตรงไหน

ถอดออกมาเป็น “บทเรียน” เพื่อใช้แก้ไขปัญหาเยาวชนแต่ละครอบครัว เพื่อเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลของชาติ
มิใช่ปล่อยให้เป็น “อาชญากรทำลายชาติ” และวงษ์ตระกูล ดังที่เป็น

ประเด็นสำคัญ ที่อยากชี้ให้เห็น….
ความเอื้อเฟื้อต่อเยาวชนชนิด “ครอบจักรวาล” ทางกฎหมาย

นี้คือ “ช่องว่าง” ที่กลุ่มอสัตย์ชนชั่วชาติ นำเยาวชนมาใช้เป็นเครื่องมือประกอบอาชญากรรมทางบ่อนทำลายล้มล้างชาติและสถาบันบ้านเมือง ดังปัจจุบัน

เพราะมันรู้ มันจึงใช้ “ช่องว่าง” ทางกฎหมายนั้น หลอกเด็ก ว่าถูกจับ-ถูกดำเนินคดี ก็ “ตีตั๋วเด็ก” ไม่ต้องติดคุก

แถมยังมีเอ็นจีโอ สิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์วอตช์ แอมเนสตี้ เมืองไทย ซึ่งเป็นขบวนการใต้ใบสั่งสหรัฐฯ เป็นแนวร่วมทางปลุกปั่นสังคม

ก็จะหยิบจุดนี้ รวมหัว “ฟ้องโลก” โจมตีประเทศไทย ว่าทำผิดกฎหมายคุ้มครองเด็ก

ทีนี้ เข้าใจกันแล้วใช่มั้ย ว่า….
“ทำไม ขบวนการ ๓ นิ้ว จึงหลอกใช้เด็ก!?”

เปลว สีเงิน

๕ ตุลาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
“อย่าล่าให้ผิดตัว” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ไอ้กรดครับ…ไอ้กรด! มันเล่นผมซะหมอบ ต้องนอนโรงพยาบาล ๒ คืน ผมไม่เคยชนะมันซักที มันมาทีไร ก็อัดผมซะน่วม ต้องนอนแผ่สองสลึงเป็นรายเดือน ทุกวันนี้...
Read More
0 replies on “คำตอบ “ซุกใต้กระโปรงเด็ก” – เปลว สีเงิน”