อนุสติ “คนสามนิ้ว” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ…⬇️

เปลว สีเงิน

กันยา.ต่อด้วยตุลา.
เป็นเดือน “สิ้นปีเก่า-ขึ้นปีใหม่” ของคนในระบบราชการ
ช่วงนี้ ก็นัวเนียกันอยู่กับการ “เลี้ยงรับ-เลี้ยงส่ง”
ไม่ว่ากันอยู่แล้ว
มันเป็นการแสดงออกของสังคมมนุษย์ ที่ต้องมีจิตใจผูกพันและแสดงมิตรไมตรีต่อกันตามกาลอันควร

คำว่า “เกษียณ” ถ้าแปลกันให้ตรงความจริง ต้องแปลว่า
“กล่องสุ่ม”!

เพราะเท่าที่ผมสังเกต บางคนเกษียณแล้ว “เฉา”

ตื่นเช้าขึ้นมา…. งง
จากที่ตื่นปุ๊บ อาบน้ำ-แต่งตัว มีที่ทำงานเป็นเป้าหมาย ครั้นเกษียณ ตื่นขึ้นมา… “แล้วกูจะไปไหน?”

เหมือนคนตาย ๓ วัน แล้วรู้สึกตัว ก็นั่งร้องไห้…เราตายแล้วหรือ เห็นเขา แต่เขาไม่เห็นเรา มันเป็นทวิภพเศร้าของคนในระบบเกษียณ

“ชีวิตสิ้นสุดทางเลื่อน” ให้ความรู้สึกกับตัวเองว่า “โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ปลายโลกร้าง” ประมาณนั้น!

แต่บางคนดีใจ
“เกษียณ” จะได้เป็น “นายชีวิต” ตัวเองซะที อยากไปไหน-ก็ไป อยากนอนตื่นสาย-ก็นอน อยากเที่ยว-ก็เที่ยว

ชีวิตหลังเกษียณ แทนที่จะเหี่ยว กลับซู่ซ่า มีชีวิต-ชีวา กว่าตอนทำงานด้วยซ้ำ
บางคนถึงกับพูดตลกลึก…. “รู้งี้ ลาออกซะตั้งนานแล้ว”!?

เพราะ เกษียณปุ๊บ
บริษัทใหญ่ๆ รุมจองตัวให้ไปทำงานแค่เดือนละไม่กี่วัน แต่ได้เงินตอบแทนแต่ละเดือนมากกว่าทำงานราชการเกือบทั้งปี

ไม่ใช่ทำที่เดียวนะ หลายต่อหลายคน ทำกันคนละหลายๆ แห่ง รวมแล้วเดือนๆ รายได้เป็นแสนๆ

ผมมาตรองดู ……
ทำไม “เกษียณเหมือนกัน กลับไม่เหมือนกัน”?

บางคนเกษียณแล้ว ซาบซ่า แต่บางคน กลับซบเซา

พอจะประเมินได้อย่างหนึ่ง ว่า
เหล่านั้น…ส่วนหนึ่ง เป็นผลสืบเนื่องจากตอนเป็นข้าราชการว่า “ตรงหรือคด” ต่อหน้าที่

เป็นข้าราชการรับใช้ชาวบ้าน หรือเป็นข้าราชการจ้องแต่จิกหัวชาวบ้าน?
เป็นไปตามภาษิตที่ว่า “ซื่อกินไม่หมด-คดคิดไม่นาน”

พวกคดโกงตอนมีหน้าที่ จะมีก็อย่าง “กำนันนก” เท่านั้นที่เชิญไปทำงานด้วย
อาจรวยฟู่ฟ่าได้ซักระยะ แต่จะหาแบบ “จบสวยๆ” แทบจะไม่มี!

แต่ที่ซื่อสัตย์ บริษัทใหญ่ๆ เขายินดี และต้องการไปเป็นที่ปรึกษา คอยให้คำแนะนำ ไปช่วยบริหาร เพราะผลึกที่มีคุณค่า-หายากจากบุคคลเหล่านั้น คือ
“ประสบการณ์” ของคนทำงานสุจริต!

อย่าลืมนะ ในโลกนี้ ไปให้สุดหล้าฟ้าเขียว แต่สิ่งเดียวที่จะทำให้ธุรกิจนั้นๆ บริษัทนั้นๆ รอดและรุ่ง
คือคำว่า “ทรัสต์”

เหตุที่ “คนดี” มีราคา ก็เพราะตรงนี้ ตรงความดีของคนดีนั้น เป็น “ทรัสต์”
ช่วยเสริมให้ธุรกิจและบริษัทนั้นๆ เกิดมูลค่าเพิ่มทางความเชื่อถือยิ่งขึ้นนั่นเอง!

สิ่งที่ผมจะย้ำวันนี้ก็คือ เหนือทุกสิ่งในโลกนี้คือ “ความซื่อสัตย์-สุจริต”
ไม่ว่าจะ ยากดี, มีจน, เศรษฐี, ยาจก, ตำแหน่งสูง, ตำแหน่งต่ำ

ทุกคนมีโอกาส รุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ ขึ้นไปอยู่ในจุด “สูงสุด” ของชีวิตตามฐานานุรูปได้ทุกคน

ถ้าคนนั้น ดำรงชีวิตและงาน “ซื่อสัตย์-สุจริต”

แต่แบบ “ทำปุ๊บหวังจะได้ปั๊บ” แบบนั้น ก็ไม่สุจริตตั้งแต่คิดหวังได้ คือผิดตั้งแต่คิดแล้ว

“ทำดีแบบไม่หวังผล” นั่นคือทำด้วย “ซื่อสัตย์-สุจริต” ทำไปเรื่อยๆ ทำให้เป็นนิสัย ทำจนเป็นปกติ
ในที่สุด ดีนั้น ผลก็จะออกมาดีเอง

ในทางตรงกันข้าม พวก “อสัตย์-ทุจริต” ทำเป็นประจำ ทำจนเป็นนิสัย ทำจนเป็นปกติของพวกอสัตย์
มีเงิน “โอนเข้าบัญชี” คนละหลายๆ ล้าน แสนจะแฮปปี้ก็จริง
แต่ลงท้าย วิบัติ-ฉิบหาย คุก-ตะราง ส่งผลวายวอดทั้งตระกูลได้ง่ายๆ

ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่ว นั่นคือ หลักของเหตุและผล

ที่แผลงกันว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วแล้วได้ดี มีถมไป” นี่คือหลักของ “หมาหางด้วน”!

เคยได้ยินชื่อ “นายอานนท์ นำภา”มั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”มั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “ปิยบุตร แสงกนกกุล”มั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “รักชนก ศรีนอก สส.ก้าวไกล มั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “ลูกเกด-ชลธิชา แจ้งเร็ว”สส.ก้าวไกลมั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “โตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.ก้าวไกลมั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์”มั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก”มั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “ไผ่ ดาวดิน-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา”มั้ย?
เคยได้ยินชื่อ “รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล”มั้ย?
และฯลฯ…..

ช่วงปี ๖๓-๖๔-๖๕ เขาเหล่านั้น ทำดีในแบบที่เขาคิดว่าดีสำหรับ “สังคมคนรุ่นใหม่”

นับว่า “ฟูเฟื่อง-เรืองรุ่ง” ในกลุ่มคนแนวคิดไม่สุจริตต่อความเป็นชาติไทย อันมี “ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์” เป็นแกนหลัก

การ “คิดดี-ทำดี” ในแนวของเขา ใครจะใช้วาทะหักล้างว่า “นั่น..ไม่ดี” ถ้าเขาแย้งว่า…มีอะไรยืนยันว่าไม่ดี จงเอามาสำแดง?

ในทันที-ทันใด มันก็ไม่มี ตรงกันข้ามในทางดีของเขา คือ ตัวเลขในบัญชี มีแต่เพิ่มขึ้น..เพิ่มขึ้น
แต่ถ้าใช้หลัก “เหตุและผล” ที่ว่า “ทำดี-ได้ดี, ทำชั่ว-ได้ชั่ว “เป็นบทพิสูจน์ ตอนนี้ เราก็เริ่มเห็นแล้ว

บุคคลตามชื่อเหล่านั้น การทำดีในแนวทาง ช่วง ๓-๔ ปี ที่ผ่านมา
ได้รับเสียงสนับสนุนจากคนแนวคิดเดียวกัน “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ทั้งในชาติและนอกชาติ ฉูดฉาดมาก

ถึงขั้นธนาธรประกาศ “สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส ประตูบานแรกเปิดแล้ว”

ปิยบุตรโพสต์เสนอแนวคิดส่งตรงจากฝรั่งเศส

“ทำข้อเสนอให้ราดิคัล (radical) ที่สุด ก้าวหน้าที่สุด ไต่เพดานให้มากที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ภายใต้ระบอบที่เป็นอยู่
พร้อมกับยืนยัน ยกระดับให้ข้อเสนอนี้ เป็นข้อเสนอขั้นต่ำที่เราจะไม่ถอยไปมากกว่านี้
หากข้อเสนอนี้ไม่ได้รับการสนองตอบ
สถานการณ์จะสุกงอม จนลื่นไถลให้ปฏิรูปกลายเป็นปฏิวัติ

นี่คือ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ”….”
การกระตุ้นเร้ารุ่นใหม่สามนิ้วขณะคึกสุดให้ปฎิวัติแบบ “ขุดราก-ถอนโคน” คือแบบ radical นั้น

เป็นแนวเสนอที่ “ซื่อสัตย์-สุจริต” ต่อชาติบ้านเมืองหรือไม่?
ผมบอกแล้ว สรุปด้วยความคิดต่าง ยากสรุปที่ลงตัว

แต่ขณะนี้ ด้วยหลัก “เหตุและผล” ให้บทสรุปที่พอจะลงตัวแล้ว

นั่นคือ จากปลาที่ระเริงลาก “สายเบ็ดผ่อน” ๓-๔ ปีที่ผ่านมา ถึงบทสรุป โดยอัยการสั่งฟ้องคดีและนำคดีฟ้องต่อศาล

ถึงตอนนี้ ถึงวาระ “สาวเบ็ดกลับ” ในชั้นศาล
พวกปลาหน้า ๓ นิ้ว ทั้งพ่อปลา แม่ปลา ลูกปลา ศาสดาปลา ติดเบ็ดมาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๖ ดิ้นกระแด่ว เรียงแถวตาม “ศาลนัด” ทีละราย-สองราย

ล่าสุด ๒๖ กย.๖๖ กรณีชุมนุม ๑๔ ตค.๖๓ นายอานนท์ นำภา พูดจาปราศรัยหมิ่นสถาบัน ตามมาตรา ๑๑๒

“ศาลอาญา” พิพากษาจำคุกนายอานนท์ ๔ ปี ไม่รอลงอาญา และปรับ ๒ หมื่นบาท ทนายยื่นขอประกัน

๓๐ กย.ศาลอุทธรณ์ มีคำสั่ง….
“ไม่ให้ประกันนายอานนท์ โดยพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีประกอบพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว

การกระทำของจำเลยกระทบกระเทือนและสร้างความเสียหายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก ๔ ปี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี

จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง”

นี่คือ บทพิสูจน์ “ทำดี-ได้ดี,ทำชั่ว-ได้ชั่ว” เป็นคำตอบในประเด็น “ซื่อสัตย์หรือสัตย์” ที่ “ยึดถือ” ได้

และในพรรคก้าวไกล ยังมีสส.ที่จะต้องเดินขึ้นศาลด้วยมาตรา ๑๑๒ เป็นบทพิสูจน์ว่า ที่เขาทำก่อนเป็นสส.นั้น เป็นการทำดีหรือทำไม่ดี อีกหลายคน เช่น

-“รักชนก ศรีนอก” สส.กทม. “บางบอน-หนองแขม
-“ลูกเกด-ชลธิชา แจ้งเร็ว” สส.ปทุมธานี
“โตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ” สส.กทม. “พระโขนง-บางนา”

บอกได้คำเดียว หลังจากที่ศาลท่านเมตตา ให้โอกาสกลับตัว-กลับใจ มาหลายต่อหลายครั้ง แต่หาได้คิดกันไม่

ก็จะเห็นว่า การตัดสินของศาลช่วงนี้ ในคดีว่าด้วยความมั่นคงและว่าด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ จะเคร่งครัดตามบทบัญญัติเป็นบรรทัดฐาน

ขอที่กล่าวนามเป็นสังเขปมาแต่ละท่านข้างต้น
จง..โชคคคคคคดี!

เปลว สีเงิน

๒ ตุลาคม ๒๕๖๖

Written By
More from pp
“คาราบาว กรุ๊ป” บริจาคเงิน 50 ล้านบาท สนับสนุนกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19    
คาราบาว กรุ๊ป นำโดย นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริจาคเงิน 50 ล้านบาทให้แก่ “กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคต่างๆ)” อันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
Read More
0 replies on “อนุสติ “คนสามนิ้ว” – เปลว สีเงิน”