“เศรษฐา” หารือผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืน รองรับนักท่องเที่ยว ย้ำให้ดูแลผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงอย่างเหมาะสม

17 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น. ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบปะผู้บริหารการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อร่วมพูดคุยประเด็นการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมด้วย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีรับฟังการดำเนินการเตรียมการรองรับการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การพัฒนาปรับปรุงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เช่น การพัฒนาปรับอาคารผู้โดยสารเดิม การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ (แต่อยู่ในพื้นที่เดิม) รวมถึงการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ในการแก้ปัญหา capacity หรือความแออัดของผู้โดยสารของสนามบินเชียงใหม่ปัจจุบันที่แม้จะมีการพัฒนาปรับปรุงสนามบินเพื่อรองรับผู้โดยสารแล้ว แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นตามเป้าหมายคือ 20 ล้านคนต่อปี จึงต้องมีการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ขึ้น ส่วนการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนนั้นก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายที่มีอยู่

นายกรัฐมนตรี ย้ำ AOT นอกจากดูแลเรื่อง EIA และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ แล้วก็ให้ดูแลเยียวยาประชาชนลดผลกระทบด้านเสียงเป็นไปอย่างเหมาะสม รวมถึงเยียวยาจิตใจด้วย พร้อมสอบถามถึงการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี จะเกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับสนามบินปัจจุบันที่ผลกำไรอยู่ที่ 2 พันล้านบาทต่อปี ซึ่ง AOT รายงานว่าเมื่อก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่แล้วเสร็จจะสามารถมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาทต่อปี และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ในส่วนของระยะเวลาดำเนินการ 7 ปีนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม และขอเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้เพื่อรองรับผู้โดยสารได้ตามเป้าหมายและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น ขอให้ AOT และ ตม. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเกิดความประทับใจและมีความปลอดภัย ขณะเดียวกันหากมีประเด็นการนำเสนอข้อที่เป็นไปในทิศทางอ่อนไหวและไม่ถูกต้อง ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ ในรูปแบบที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย หรือการใช้ Influencer ต่าง ๆ เข้ามาช่วยอีกทางหนึ่งก็ได้ ซึ่งจะสามารถสร้างความเข้าใจได้มากขึ้น

ก่อนหน้านั้น เวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีได้พบปะประชาชนที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเที่ยวบิน ณ เทศบาลเมืองแม่เหียะ โดยมีประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ (แนวร่อนลง) ได้แก่ หมู่ 5 หมู่ 7 ต.แม่เหียะ (แนววิ่งขึ้น) ได้แก่ หมู่ 1 และหมู่ 10 ต.แม่เหียะ ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ได้มีการตรวจวัดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเสียงอยู่เสมอซึ่งที่ผ่านมายังไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากมีผลกระทบเกิดขึ้น AOT ก็มีมาตรการในการดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบตามกฎหมายที่กำหนดไว้แล้ว รวมถึงการซ่อมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายให้ด้วย รวมทั้ง AOT จะเร่งดำเนินการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ต่อไป เพื่อลดความแออัดและผลกระทบด้านเสียงที่เกิดขึ้น

สำหรับการพัฒนาปรับปรุงสนามบินเชียงใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารนั้น ไม่ได้เป็นการขยายพื้นที่ออกไปจากพื้นที่เดิมแต่อย่างใด แต่เป็นการสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่และการพัฒนาปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมให้มีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากยิ่งขึ้นทั้งนี้ การเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาลนั้น เที่ยวบินจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของสายการบินที่จะสามารถนำผู้โดยสารมาได้มากน้อยเพียงใดด้วย ขณะเดียวกันทาง AOT ก็จะมีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอีกครั้งต่อไป

โดยนายกรัฐมนตรีได้ทักทายสวัสดีประชาชน พร้อมกล่าวว่าตลอดเวลาที่เดินทางมาที่จังหวัดเชียงใหม่นี้เพื่อมารับฟังปัญหาและโอกาสในการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้เจริญ ประชาชนอยู่ดีกินดี โดยเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นด้วยการท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากกรุงเทพมหานครที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวแล้ว จังหวัดเชียงใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอย่างมากเช่นกัน เพราะมองว่าการท่องเที่ยวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยขณะนี้รัฐบาลได้มีการประกาศยกเว้นวีซ่าประชาชนชาวจีนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว โดยเห็นได้ชัดว่านักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น เรื่องของสาธารณูปโภคพื้นฐานโดยเฉพาะเรื่องของสนามบินเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะทำให้การท่องเที่ยวเจริญรุ่งเรืองได้ และทำให้จังหวัดเชียงใหม่ก้าวไปข้างหน้าเป็นไปตามศักยภาพที่ควรเป็น นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญด้านการขนถ่ายสินค้าด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การมาพบปะพูดคุยกับประชาชนวันนี้เพื่อมารับฟังการขยายระยะเวลาการบิน ซึ่งจะเป็นการรบกวนและกระทบประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับสนามบิน ซึ่งรัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ และอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการออกนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย รวมทั้ง รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับมิติสังคม สิ่งแวดล้อม จึงได้พาผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนมาร่วมรับฟังปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหากมีผลกระทบอะไรขอให้มีการพูดคุยกัน รัฐบาลพร้อมรับฟังและนำมาสู่การปฏิบัติ และช่วยเหลือเยียวยาอยางเหมาะสมต่อไป

อนึ่ง เมื่อช่วงเช้า เวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนชาวเชียงใหม่ด้วย

Written By
More from pp
สธ.ยันทุกจังหวัดที่พบผู้ป่วยโควิด 19 จากท่าขี้เหล็ก อยู่ภายใต้การควบคุม เดินทางท่องเที่ยวได้
กระทรวงสาธารณสุข เผยวันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 เพิ่ม 14 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 1 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติงานในสถานกักกันที่รัฐกำหนด และเป็นผู้ที่มาจากต่างประเทศ 13...
Read More
0 replies on ““เศรษฐา” หารือผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืน รองรับนักท่องเที่ยว ย้ำให้ดูแลผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงอย่างเหมาะสม”