ทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน “พล.อ.ประยุทธ์” สร้าง “มรดกแห่งความเจริญ” ให้ทุกรุ่น-ทุกภาค-ทุกมิติ วางโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สะสมทองคำเข้าทุนสำรองมากที่สุดในเอเชีย ดันเศรษฐกิจไทยเป็นที่หนึ่งในอาเซียน มุ่งสู่การแข่งขันระดับโลก

21 สิงหาคม 2566 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือได้ว่าเป็น “ทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” ผลงานที่รัฐบาลผลักดันเป็นที่ประจักษ์ว่าได้วางรากฐานแข็งแกร่งให้คนไทยทุกคนและทุกรุ่น ไม่ว่าจะในรุ่นนี้หรือรุ่นถัดไปในอนาคต

เพราะได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครบทุกมิติ สร้างความเจริญให้ทุกภาคของประเทศไทย ทำให้เชื่อมั่นว่าผลงานที่ประจักษ์ของรัฐบาลจะผลิดอกออกผลเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต ความมั่งคั่งในทรัพย์สิน และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคนในทุกๆ ด้าน

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้วางโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เชื่อมโยงความเจริญไปสู่ทุกภาคในประเทศไทย ทั้งพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง, เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ในพื้นที่จังหวัดตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาส, และระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ได้แก่

1.ภาคเหนือในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง 2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย 3.ภาคกลาง – ตะวันตกในจังหวัด นครปฐม อยุธยา สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี และ 4.ภาคใต้ในจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎ์ธานี และนครศรีธรรมราช อาทิเช่น

– ทางอากาศ ปรับปรุงและสร้างสนามบินเพิ่มทั่วประเทศ รองรับนักท่องเที่ยวและการขนส่ง เช่น อาคารเทียบเครื่องบิน สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน สนามบินเบตง สนามบินกระบี่ สนามบินขอนแก่น สนามบินตรัง สนามบินนครพนม สนามบินสกลนคร

– ทางน้ำ โดยพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง

– ทางบก พัฒนาทางถนนเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 12,000 กิโลเมตร และมอเตอร์เวย์ 3 สายบางปะอิน-โคราช, บางใหญ่-กาญจนบุรี, พัทยา-มาบตาพุด รวม 260 กิโลเมตร, สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา และสะพานเชื่อมไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน, รถไฟฟ้า 12 สาย, โครงข่ายทางรถไฟ 4,044 กิโลเมตรครอบคลุม 47 จังหวัด แบ่งเป็น ทางคู่ 14 เส้นทาง ระยะทางประมาณ 2,500 กิโลเมตร, ทางรถไฟสายใหม่ 10 เส้นทาง,

รถไฟความเร็วสูง 8 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,507 กิโลเมตร, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในเขต EEC และล่าสุด คือ ถนนสายเศรษฐกิจเส้นประวัติศาสตร์เชื่อมต่อ 4 ประเทศอาเซียนเข้าด้วยทางหลวงหมายเลข 12 รองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สายเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor–EWEC)

นอกจากนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังส่งเสริมผลักดันโครงการพัฒนาอย่างครบถ้วนทุกมิติ เห็นชัดจากถนนหนทางที่เพิ่มมากขึ้น ระบบรางรถไฟทั้งทางคู่และรถไฟความเร็วสูง-รถไฟฟ้าเชื่อมต่อกรุงเทพและปริมณฑล การปรับปรุงและเพิ่มสนามบิน-กู้วิกฤติสายการบินแห่งชาติ การวางเครือข่ายโทรคมนาคมและดิจิทัล อินเทอร์เน็ต-5G ครบวงจร ระบบพร้อมเพย์

รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านดาวเทียมและอวกาศ เช่น THEOS-2 ดาวเทียมสำรวจดวงแรกของไทยในระดับ Industrial Grade เตรียมส่งขึ้นสู่อวกาศเดือนกันยายน 2566 และในเดือนตุลาคม 2566 สำหรับ THEOS-2A แล้ว ยังส่งเสริมโครงการ “ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์” ด้วยเครื่องโทคาแมคเครื่องแรกของไทยเพื่อเป็นแหล่งพลังงานสะอาด เป็น 1 ใน 5 ประเทศทั่วโลกที่มี

และเร่งขับเคลื่อนนโยบายอวกาศให้เป็นรูปธรรมโดยศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างจัดตั้งท่าอวกาศยานในประเทศไทยเพื่อเป็นฐานสำหรับการส่งและรับยานอวกาศ หรือ spaceport พร้อมกับมุ่งเป้าเปลี่ยนทิศการขนส่งโลกมาไทยด้วยโครงการ “แลนด์บริดจ์” ในอนาคตอีกด้วย

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า ผลสำเร็จของการวางโครงสร้างพื้นฐานทั้ง ล้อ-ราง-เรือ-อากาศ-ดิจิทัล โทรคมนาคม และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 5G ที่ผ่านมาทำให้มีการสร้างความเจริญและการพัฒนาที่ยั่งยืนไปยังทุกจังหวัดทั่วทุกภาคในประเทศไทยจนธนาคารโลกจัดอันดับจากดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ประจำปี 2566 (LPI 2023) ในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้วยคะแนน 3.7 ทำให้ไทยอยู่อันดับ 9 ของโลกร่วมกับอีกหลายประเทศ เช่น กรีซ อิสราเอล มอลตา อังกฤษ

การดำเนินการพัฒนาประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2562 ไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียน 4 ปีซ้อน (อันดับที่ 44 ของโลก) และดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index – HDI) ของไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ “ระดับสูงมาก” ของ UNDP ต่อเนื่องมา 3 ปี

โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้เป็นทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ดำเนินการอย่างโปร่งใส ไร้การทุจริตคอร์รัปชัน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น “มรดกแห่งความเจริญ” ที่ผลิดอกออกผลให้คนไทยได้รับประโยชน์ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ที่สำคัญนอกเหนือจากความสำเร็จของทศวรรษแห่งการพัฒนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังวางโครงสร้างอนาคตของชาติด้วยการสะสมความมั่นคั่งและมั่นคงให้ประเทศชาติมาโดยตลอด เช่นในปี 2565 ไทยอยู่ในอันดับที่ 12 ของโลก จากจำนวนสะสมเงินสำรองระหว่างประเทศและซื้อทองคำเข้าทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากที่สุดในเอเชีย

ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีทองคำเพิ่มจาก 152.41 ตันมาอยู่ที่ 244.16 ตัน ทำให้ทุนสำรองที่เป็นทองคำเพิ่มขึ้นถึง 60.20% ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือของประทศไทยจากการจัดอันดับของทั้ง Fitch Moody’s และ S&P ให้มุมมองความน่าเชื่อถือ “ระดับมีเสถียรภาพ” และคงความน่าเชื่อถือไทย BBB+ สำหรับ Fitch และ S&P และ Baa1 สำหรับ Moody’s อย่างต่อเนื่อง

“ทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้เดินหน้าและพัฒนาความเจริญอ

ย่างมีเสถียรภาพมาเกือบ 10 ปี สิ่งเหล่านี้คือการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อขยายความเจริญไปทุกภูมิภาค และส่งผลถึงการจ้างงาน การค้าขายทำธุรกิจต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อประเทศไทยของเราทุกคน” น.ส. ทิพานัน กล่าว

Written By
More from pp
สมาคมสินเชื่อทะเบียนรถฯ ยื่นหนังสือถึงภาครัฐ ขอพิจารณาแก้ไขประกาศการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการทวงถามหนี้
สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ (VTLA) โดย นายธัญญะ กิจชัยนุกุล เลขาธิการสมาคมฯ เป็นตัวแทนยื่นหนังสือเพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ เรื่องการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ในการทวงถามหนี้
Read More
0 replies on “ทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน “พล.อ.ประยุทธ์” สร้าง “มรดกแห่งความเจริญ” ให้ทุกรุ่น-ทุกภาค-ทุกมิติ วางโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สะสมทองคำเข้าทุนสำรองมากที่สุดในเอเชีย ดันเศรษฐกิจไทยเป็นที่หนึ่งในอาเซียน มุ่งสู่การแข่งขันระดับโลก”