คุณทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แท้เชียว..
ที่เผย..“จากกระแสความนิยมซีรีส์เกาหลีใต้ เรื่อง King the Land ซึ่งได้เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย เป็นผลสำเร็จจากมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ
นอกจากดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศแล้ว ยังได้ประชาสัมพันธ์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวและอาหาร ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวนั้น
รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เพียงแต่สนับสนุนภาพยนตร์จากต่างประเทศ แต่ยังสนับสนุนภาพยนตร์ไทยไปสู่ตลาดโลก
โดยภาพยนตร์ เรื่อง “แมนสรวง” เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไทยที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับการสนับสนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จากกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย
“แมนสรวง” เป็นภาพยนตร์จินตนาการจากประวัติศาสตร์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัชกาลที่ 3 ถ่ายทอดความน่าสนใจของวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก
ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์ เมืองคานส์ 2023 มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีแผนการฉายในประเทศต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์มีนโยบายขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยอย่างเต็มที่ ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อต่อยอดไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ
กระจายรายได้สู่ชุมชนและประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าจากแผนการสนับสนุนดังกล่าวในปี 2566 จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศย่างมหาศาล”
เนี่ย..ทำให้ผมต้องเปิดดูซีรี่ส์ “King the Land”ของเกาหลี จนทำท่าว่าจะติดเอาอีกเรื่อง ด้วยพล๊อตที่สนุกสนาน ดูแล้วให้สุขใจ จะพูดว่าเป็นซีรี่ส์อารมณ์ดีก็เห็นจะไม่ผิด!
อีกอย่าง..ขอสารภาพเสียตามตรง นางเอกเธอยิ้มหวาน สดใส เลยเป็นแรงดึงดูดใจ ยิ่งคุณทิพานันบอกว่ามีฉากที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยด้วยแล้ว..
ก็ให้อยากรู้-อยากเห็น ทีมงาน-กองถ่ายใช้ “โลเคชั่น” ที่ไหนบ้าง และมีอาหาร-ขนมไทยอะไรได้ไปอวดสายตาชาวโลกเค้า!
และนอกจากทำให้ต้องตามดูซีรีส์เกาหลีแล้ว ยังทำให้ผมได้รู้ว่า ภาพยนตร์เรื่อง “แมนสรวง” ที่ได้งบสนับสนุนจากกระทรวงวัฒนธรรมนั้น..
ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมใน “เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2023” ที่เพิ่งผ่านมา!
ซึ่งก็ต้องขอแสดงความยินดี-ดีใจกับความสำเร็จของผู้กำกับฯ ทั้งคุณกฤษดา วิทยาขจรเดช คุณชาติชาย เกษนัส และผศ.ดร.พันพัสสา ธูปเทียน ไว้ ณ ตรงนี้
และหวังว่า..24 สิงหา นี้ แฟนหนังไทยจะได้ไปร่วมพิสูจน์ “ความสำเร็จ” กันอย่างล้นหลามให้ผู้สร้าง-ผู้กำกับได้มีกำไร เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ให้ได้ดู-ได้ชมกันต่อๆไป!
ผมนั้นได้ดูทีเซอร์-ตัวอย่างแล้วก็ให้ถูกกับรสนิยมอยู่ และยิ่งได้อ่านเรื่องย่อ.. “เรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ไทย ย้อนอดีตไป 173 ปี ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 ปี พ.ศ. 2393
ที่เล่าถึงสถานที่ลับ ในการสังสรรค์ พบปะ เจรจาธุรกิจของผู้มีอำนาจ นักธุรกิจ พ่อค้าเชื้อสายจีน และชาวต่างชาติหลากหลายประเทศ
ที่นัดหมายมาต่อรอง ตกลง ผลประโยชน์ต่างๆ กัน ท่ามกลางความบันเทิงหลากหลายที่ย้อมใจให้ทุกอย่างเป็นไปได้โดยง่าย
เรื่องราวต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นที่นี่ ทั้งเบื้องหลังของนักแสดงละคร การแย่งชิงอำนาจ การแอบลอบทำร้าย การใส่ร้ายป้ายสี การทรยศหักหลัง การสืบหาความลับ การพิสูจน์ความจริง
การค้นพบมิตรแท้ และศัตรูที่ไม่คาดคิด การพลิกผันระหว่างการอยู่รอดและความตาย และการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปตลอดกาล”
กับการได้ยินประโยคจากตัวละคร.. “วันนี้ แม้ฟ้าจะยังไม่เปลี่ยน แต่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เรือจะหันหัวไปทิศทางใด”
ทำให้รู้สึกตื่นเต้น-เร้าอารมณ์ อยากดู-อยากเห็นเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ใจจดจ่อ อยากรู้เสียยิ่งนัก ทำไมจึงเกิด “โศกนาฏกรรมแห่งเลือดเนื้อและน้ำตา” ที่นั่น?
แล้ว “แมนสรวง”..แท้จริง คืออะไร?
