คึกคักอย่างยิ่งกับการลุยลงพื้นที่ของพรรคภูมิใจไทย ในช่วงใกล้โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่พรรคภูมิใจไทย โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ยกทีมลงไปพบปะพี่น้องประชาชนกันแบบรัวๆ
ไล่มาตั้งแต่จังหวัดระนอง จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ ฝ่าร้อน ฝ่าฝน ลงมาพบปะประชาชนให้ได้ เพื่อโชว์ความตั้งใจ ใช้โอกาสสำคัญ เน้นย้ำผลงาน และนโยบาย ไปจนถึงได้เช็กกระแส จากพื้นที่จริง
อย่างหลังต้องบอกว่าประสบความสำเร็จ ทุกเวที จัดใหญ่ แต่ประชาชน มารับฟังกันเต็มพื้นที่บรรยากาศคึกคัก ชนิดที่ “อนุทิน” เองยังหวังในใจว่าในบางจังหวัด น่าจะได้ ส.ส.แบบยกจังหวัดเสียด้วยซ้ำ
เอาเป็นว่า การลงพื้นที่ของพรรคภูมิใจไทย ในจังหวัดฝั่งอันดามัน 4 จังหวัด ที่กล่าวไปนั้น “อนุทิน” และ “พรรคภูมิใจไทย” ได้ความมั่นใจกลับไปแบบเต็มกระบุง
ประเมินกันว่าจังหวัดเหล่านี้ คือ เป้าหมายสานฝัน เลข 3 หลักของพรรคภูมิใจไทยเท่าทั้งประเทศ ซึ่งทางพรรคก็เชื่อว่า จะได้ ส.ส.จากพื้นที่เหล่านี้แบบเป็นกอบเป็นกำ เพราะเชื่อมั่นในผลงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะจังหวัดระนอง และกระบี่ที มี ส.ส.อยู่แล้ว คือ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง(กระบี่) และ “นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์”(ระนอง) น่าจะต่อยอดได้
ส่วน จังหวัดภูเก็ต กับจังหวัดพังงา แม้ยังไม่มี ส.ส.ของพรรคมาก่อน แต่แกนนำพรรคเชื่อมั่นว่าภูมิใจไทย น่าจะตอกเสาเข็ม เบียดแทรกเข้าไปได้ เพราะประชาชนได้เห็นการพัฒนาในจังหวัดใกลเคียง ที่มี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ไปช่วยผลักดันโครงการยักษ์ ผ่านกระทรวงคมนาคม จนสำเร็จ เรียกเสียงเฮดังๆ จากประชาชน
อาทิ จังหวัดกระบี่ เช่นโครงการสะพานข้ามเกาะลันตา จากตำบลเกาะกลาง – ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ วงเงิน1,854 ล้านบาท และ โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา จากอำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา – อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง วงเงินรวมทั้งสิ้น 4,841 ล้านบาท เป็นต้น
สำหรับจังหวัดระนอง รอบนี้ พรรคยังไว้ใจนายคงกฤษณ์ ไม่เปลี่ยนแปลง จับได้เบอร์ 2 แต่ “อนุทิน” มั่นใจว่า มาที่ 1 น่าจะรักษาตำแหน่งไว้ได้
มาคราวนี้ ขายอภิมหาโปรเจ็กต์ เดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมระนอง – ชุมพร เปลี่ยนเมืองระนองให้เป็นเมืองเศรษฐกิจอุตสาหกรรมระดับโลก ย้ำความเข้มข้นของนโยบายนี้ อยู่ในส่วนของนโยบาย “ต้องทำ” คนระนอง ได้ฟัง ก็รับความสุขไปเต็มๆ
ขณะที่จังหวัดภูเก็ต พรรคภูมิใจไทย ส่งนายนิพนธ์ เอกวานิช ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 หมายเลข 3 นายวงศกร ชนะกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต หมายเลข 5 และนายวิวัฒน์ จินดาพล ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 หมายเลข 9 พร้อมชูนโยบาย เมืองสุขภาพระดับโลก ต่อยอดเมืองท่องเที่ยว ให้กลายเป็นเมืองที่รองรับการรุกคืบเข้ามาของสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ภูเก็ตจะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว กระเป๋าหนักจากทั่วโลก ที่ต้องการมาใช้ชีวิต ท่ามกลางธรรมชาติ และความสะดวก สบายระดับพรีเมียม สร้างเงิน สร้างงาน กันแบบนับไม่ไหว
มากันที่จังหวัดพังงา พรรคภูมิใจไทย ส่งผู้สมัคร ประกอบไปด้วย เขต 1 นายอรรถพล ไตรศรี เบอร์ 8 และ เขต 2 นายอำนาจ ดำรงพิทยากุล เบอร์ 1 มีนโยบายคือ การให้จังหวัดพังงา เป็นทั้งเมืองอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยว เพราะเชื่อมต่อกับจังหวัดระนอง ที่กำลังปลุกปั้นโครงการแลนด์บริดจ์ เมืองเศรษฐกิจระดับโลก และจังหวัดพังงา ยังเชื่อมต่อกับจังหวัดภูเก็ต เมืองท่องเที่ยว ที่คนทั่วโลก ปักหมุด เป็นเป้าหมายการเดินทาง อยู่ระหว่าง 2 เมือง ที่มีความสำคัญขนาดนี้ เงินทอง จะไปไหนเสีย พรรคภูมิใจไทย วาดภาพ ฉายโอกาส ปลุกใจชาวระนอง เลือกภูมิใจไทย ความเจริญพุ่งมาไม่หยุด
และสุดท้ายคือ จังหวัดกระบี่ ทางพรรคภูมิใจไทย ส่ง นายกิตติ กิตติธรกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 2 นายถิรเดช ตั้งมั่นก่อกิจ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 4 และนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 1
จังหวัดนี้ ภูมิใจไทย โชว์ฝีมือกันไปแล้ว กับการได้ นายสฤษฏ์พงษ์ มาเป็นผู้แทนปวงชน นอกจากได้ สะพานข้ามเกาะลันตา ในยุคที่มี ส.ส.ของภูมิใจไทย แถมด้วยพัฒนาโรงพยาบาลในจังหวัดกระบี่ ด้านการท่องเที่ยว ก็ยกระดับขึ้นไปอีก จัดอีเว้นท์ กันถี่ยิบ นักท่องเที่ยวไหลมา เทมา ทาง “อนุทิน” เชื่อว่า ด้วยผลงาน “พูดแล้วทำ” จะทำให้ชาวกระบี่ประทับใจ และเลือกภูมิใจไทยมากขึ้น และ ลุ้นว่าจะกวาดยกจังหวัดหรือไม่ ทั้งนี้ เมื่อครั้งหาเสียงวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา “อนุทิน” ให้คำมั่นกับชาวกระบี่ว่า
“พรรคภูมิใจไทย ไม่ขายฝัน แต่เราขายผลงาน และเชื่อว่า สิ่งที่เราทำมาแล้ว จะทำให้ท่านไว้ใจเราได้ เราไม่เชื่อในความขัดแย้ง เพราะถ้าทะเลาะกัน งานมันไม่เดิน ผลงานไม่เกิด ประชาชนเสียประโยชน์ ถ้าท่านชอบแบบนี้ก็เลือกเรา รับรองว่า ท่านจะไม่ผิดหวัง กับชาวกระบี่ ผมเชื่อว่าท่านประทับใจผลงานของท่านสฤษฏ์พงษ์ รอบนี้ ขอให้เลือกแบบยกจังหวัดไปเลย รับรองว่าไม่นานเกินรอ ท่านได้เห็นผลงานเราแน่”
ทั้งนี้ ทางพรรคภูมิใจไทย เคยตั้งเป้าหมายว่า จะได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากกลุ่มจังหวัดอันดามัน ประกอบด้วยจังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดสตูล จังหวัดตรัง ไม่น้อยกว่า 12 ที่นั่ง ขณะที่ส.ส.ภาคใต้ไม่น้อยกว่า20 ที่นั่ง
โดยหวังเปลี่ยนพื้นที่อันดามัน และภาคใต้ให้กลายเป็นสีน้ำเงิน สร้างงาน สร้างรายได้ ความเจริญ และความสุขให้แก่พี่น้องประชาชนทุกคน