เมื่อวันที่ 11 เมษายน น.ส.ชนกนันท์ ศุภศิริ ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 1 อ.เมือง อ.สูงเม่น เบอร์ 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงพบว่า
ประชาชนให้การตอบรับพรรครวมไทยสร้างชาติดีวันดีคืน แม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ และตนก็เป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แต่เป็นหน้าเก่าในพื้นที่ เนื่องจากมีพ่อเป็นอดีตส.จ.แพร่ เป็นหลาน“แม่เลี้ยงติ๊ก” นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตส.ส.แพร่หลายสมัย ได้ลงพื้นที่สัมผัสกับชาวบ้านร่วมกับพ่อและแม่เลี้ยงติ๊กมาตลอด จึงรับรู้ปัญหาว่าชาวบ้านต้องการอะไร จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับการลงพื้นที่เพราะคุ้นเคยกับชาวบ้านเป็นอย่างดี
น.ส.ชนกนันท์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมมานาน พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคใหม่ แต่แม่เลี้ยงติ๊กทำพื้นที่มาตลอดแม้จะไม่ได้เป็นส.ส. แต่สามารถประสานงานนำงบมาพัฒนาจังหวัดได้มีผลงานที่ชาวบ้านรับรู้ เลยไม่มีปัญหาในการลงสมัครในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ก็ไม่ได้ประมาทว่าเป็นตระกูลนักการเมืองในจังหวัดแล้วไม่ทำอะไร ด้วยเหตุนี้จึงไม่เคยทิ้งพื้นที่
สำหรับ ปัญหาหลักของชาวบ้านในพื้นที่คือ ภัยแล้งและปัญหาที่ดินทำกินชาวบ้านต้องการน้ำกินน้ำใช้ ที่ผ่านมาได้ประสานงานกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพื่อเจาะน้ำประปาเพื่อการเกษตร หาน้ำสะอาดเพื่อการบริโภค ส่วนหน้าแล้งก็ขุดลอกคูคลองเพื่อเตรียมไว้สำหรับหน้าแล้ง
นอกจากนั้น สิ่งที่ตั้งใจอยากทำคือ จะเข้าไปต่อสู้เรื่องการออกเอกสารสิทธิที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านหลายร้อยคนของตำบลสวนเขื่อน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ที่ย้ายลงมาจากบนภูเขาเพราะราชการขอให้ย้ายเพื่อนำพื้นที่ไปสร้างอ่างเก็บน้ำ เมื่อชาวบ้านอพยพลงมาอยู่ข้างล่างตามที่ราชการเรียกร้องและรับปากจะออกเอกสารสิทธิที่ดินทำกินให้ แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้เอกสารสิทธิ ตนจึงอยากเข้ามาแก้ปัญหาตรงจุดนี้ และตรงกับนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ
“ตัวผู้สมัครพรรคเก่าที่เคยเป็นอดีตส.ส.ไม่หนักใจ เพราะเขาห่างหายพื้นที่ไปนานแทบไม่ลงพื้นที่เลย แต่หนักใจที่ชาวบ้านยังติดภาพพรรคเก่า แต่ก็ได้พยายามบอกชาวบ้านว่า การเป็นนักการเมืองจำเป็นด้วยหรือที่จะต้องอยู่พรรคใดพรรคหนึ่งตลอดไป คนที่ทำงานเพื่อชาวบ้านอยู่พรรคไหนก็ได้ ขอให้ลงพื้นที่และช่วยเหลือชาวบ้านได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เริ่มเข้าใจไม่ยึดติดกับพรรคแล้ว ขณะที่ลุงตู่ชาวบ้านยังชอบเพราะมีผลงานและทำให้บ้านเมืองสงบช่วงที่มาเป็นนายกรัฐมนตรี”น.ส.ชนกนันท์กล่าว
สำหรับ สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือ การซื้อเสียงเพราะจับมือใครดมไม่ได้ แต่ตนใช้ผลงานและการพัฒนาจังหวัดเข้าสู้ ดังนั้นการลงเลือกตั้งครั้งนี้ก็หวังว่าประชาชนจะให้การสนับสนุน แต่ก็ไม่ประมาท จังหวัดแพร่พัฒนาช้าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การมาลงการเมืองครั้งนี้อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงเข้ามาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อจะนำเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆปรับเข้ากับยุคสมัยมาใช้ในการพัฒนาจังหวัดแพร่รวมถึง อยากจะเข้าไปแก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของชาวบ้าน และถือเป็นนโยบายของพรรคด้วย