พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนธนบุรีเหนือ “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่ สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ , ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.
โดยนายชัยวุฒิ กล่าวปราศรัยว่า ตอนนี้เศรษฐกิจไทยไปได้ไกลกว่าที่เราคิดเยอะ จากข้อมูลของบริษัท SC Asset พบว่าในปี 63 มีกำไร 1,800 กว่าล้าน ,ปี 64 มีกำไร 2,000 กว่าล้าน และปี 65 มีกำไร 2,500 กว่าล้าน แล้วเศรษฐกิจไม่ดีจริงหรือ เมื่อมาดูจากบริษัทแสนสิริ ปี 63 กำไร 1,000 กว่าล้าน ,
ปี 64 กำไร 2,000 กว่าล้าน ,ปี 65 กำไร 4,000 กว่าล้าน กำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัว ซึ่งจะเห็นว่ายอดขายบ้านสัมพันธ์กับเศรษฐกิจ เพราะถ้าเศรษฐกิจดี คนถึงมีเงินไปซื้อบ้าน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี คนก็ไม่มีเงินไปซื้อบ้าน ตนจึงขอยืนยันว่าเศรษฐกิจเข้มแข็งและเติบโตแน่นอน
“วันนี้เรามาถูกทางแล้ว รัฐบาลภายใต้การทำงานของพรรคพลังประชารัฐ 4 ปีที่ผ่านมา เราวางโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้บ้านเมืองมั่นคง ถ้าประเทศไม่มั่นคง ประเทศไม่สงบ เราก็ทำมาหากินไม่ได้ ผมยืนยันว่า ลุงป้อมเป็นผู้ประสานงาน 10 ทิศ ประสานงานกับทุกคน เปิดบ้านตั้งแต่ ตี 5 ถึง 5-6 โมงเย็น
ใครมีปัญหา ใครเดือดร้อนก็ไปพูดคุยกับท่าน ท่านแก้ปัญหาให้กับทุกคน ประสานงานกับทุกคน ทำให้วันนี้รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี แล้วเราจะทำต่อไป จึงเป็นที่มาของนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง” นายชัยวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ คือการเลือกผู้แทนของพี่น้องประชาชนทุกคน ที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นคนมีคุณภาพที่คัดสรรมาให้พี่น้องประชาชน เราจะมาทำงานให้รัฐบาลเข้มแข็ง ให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี มาทำให้ประเทศของเราเดินไปข้างหน้า ดังนั้นวันที่ 14 พฤษภาคม กาทั้งคนทั้งพรรคให้ พลเอกประวิตร ไปทำงานประสานงานก้าวข้ามความขัดแย้งพัฒนาทุกพื้นที่
ด้านนายสกลธี กล่าวว่า ตนอยู่การเมืองมา 16 ปี แต่เวลาขึ้นปราศรัยตนรู้สึกดีใจที่ประชาชนรักและสนับสนุนพวกเราทุกครั้ง เราจะทำทุกอย่าง นโยบายทุกข้อของพรรคพลังประชารัฐมาจากการลงพื้นที่ของพวกเราทุกคน เพราะเรารู้ว่าคนไทยอยากเห็นประเทศเดินทางไปในทิศทางไหน เราจะไม่ติดกับดักความขัดแย้งเดิม ๆ พอแล้วกับการหาเสียงแบบเดิมที่มาด่าทอ ป้ายสีกัน พรรคพลังประชารัฐจะสู้ด้วยตัวผู้สมัครและนโยบายของพรรคที่จะทำเพื่อประชาชนเท่านั้น
นายสกลธี กล่าวต่อว่า หลายคนถามว่าทำไมถึงเลือกมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ก็เพราะพรรคนี้เปิดกว้าง รับฟังคนทุกกลุ่ม ทุกปัญหา พรรคให้โอกาสทุกคน อย่างตนก็ได้ใช้ประสบการณ์ของตัวเองเข้ามาทำงาน เช่นเดียวกับผู้สมัครของเราทุกคนที่สามารถนำเสนอความเดือดร้อนและปัญหาของประชาชนเพื่อนำมาผลักดันเป็นนโยบายดี ๆ เพื่อคนไทยทุกคน
โดยการรวมตัว ของ“พลังกรุงเทพฯ ของพลังประชารัฐ” จะเข้ามาพัฒนากรุงเทพฯของเรา เพราะรู้ปัญหาของชาว กทม.เป็นอย่างดี ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน ขอเพียงแค่โอกาสจากชาวฝั่งธนที่จะเทคะแนนให้กับผู้สมัครของเรา
น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางแขวงบางด้วนและแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจีและแขวงบางยี่เรือ) กล่าวว่า จากการเข้าไปสัมผัสพื้นที่ในฝั่งธนอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
เราพยายามจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนให้เพิ่มมากขึ้น แน่นอนว่ารายได้หลักของประเทศมาจากการท่องเที่ยว ดังนั้นการที่ฝั่งธนมีวิถีชีวิตชุมชน ที่สามารถส่งเสริมชุมชนอย่างครบวงจร โดยการชูความโดดเด่นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ในพื้นที่ให้เป็นมรดกของชาติ ซึ่งเห็นแนวทางในการเข้าไปต่อยอดชุมชน เพื่อความสวยงามและสะอาดมากยิ่งขึ้น และมีความปลอดภัย
ซึ่งพรรคมีนโยบายที่จะทำให้เกิดกองทุนที่จะพัฒนาขึ้นมูลค่า 300,000 ล้านบาท สร้างเศรษฐกิจให้กับชุมชน เพื่อมาช่วยกันแก้หนี้และเติมทุนนำไปใช้ในการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างในมิติต่างๆให้ชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ จากความที่เป็นพื้นที่วัฒนธรรมทรงคุณค่าอย่างมาก
โดยเฉพาะวัดอรุณ ถือเป็นแลนด์มาร์คของเมืองไทย ซึ่งต่างชาติรู้จัก เพราะว่าพระปรางค์วัดอรุณ เราจะนำเอาสิ่งที่ดีของชาวฝั่งธนฯ พัฒนาพื้นที่ตลอดสายน้ำเพื่อสร้างซอฟพาวเวอร์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ยกระดับชุมชนให้ความเข้มแข็ง
น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง) กล่าวว่า ผมมีความตั้งใจที่จะมาร่วมสร้างอนาคตที่ดี ไปพร้อม ๆ กับพี่น้องประชาชน และมั่นใจ ว่าผมทำได้จริง เรามาสร้างอนาคตที่ดีกว่าไปด้วยกัน เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพดี มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ที่สำคัญที่สุดคือล้วงกระเป๋าและเจอตังค์ วันนี้ 2 นโยบาย ที่จะมานำเสนอ
เรื่องที่ 1. ปัจจุบันประเทศไทย ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ เขตทวีวัฒนาตลิ่งชันเป็นผู้สูงอายุส่วนใหญ่ โดย เราจะร่วมผลักดันให้เกิดศูนย์ดูแลผู้สูงวัยให้คนสูงวัยในพื้นที่ได้มีอาชีพ มีรายได้ เชื่อว่าสามารถทำได้จริง เป็นการส่งเสริมผู้สูงอายุอยู่อย่างมีสุขภาพที่ดี มีคนดูแลอยู่กับลูกหลานไปนานๆ
เรื่องที่ 2 ในพื้นที่ทวีวัฒนาและตลิ่งชัน เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเชิงเกษตรกรรม โดยเฉพาะตลาดน้ำคลองลัดมะยม พรรคพลังประชารัฐ และเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งตลาดน้ำคลองลัดมะยม ผมจะพัฒนาตลาดน้ำคลองลัดมะยมเป็น Landmark แห่งใหม่ของตลิ่งชันและมีวัฒนธรรมเอานักท่องเที่ยวมาสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน