เปลว สีเงิน
วันนี้ ๑ เมษายน ๒๕๖๖
เป็นเดือนก้าวเข้าสู่ปีที่ ๒๔๑ ของกรุงรัตนโกสินทร์ ผมมีเรื่องอยากคุยเล็กน้อย
เป็นเดือนที่คนไทยส่วนใหญ่และคนโลกส่วนหนึ่งตื่นเต้น รอคอย
รอคอยอะไร?
ก็รอคอย เมษา.”สงกรานต์-ปีใหม่” ของไทย จะได้เล่นสาดน้ำ-รดน้ำประเพณีสงกรานต์ แสนจะสุขสันต์สำราญบานใจ ที่พลโลก “ปักหมุด “รอคอยนั่นไง!
เมื่อเอ่ยชื่อประเทศไทย วิบแรกที่ชาวโลกจินตนาการถึงคือที่ไหน?
นอกเหนือจาก รอยยิ้มและน้ำใจ อัธยาศัยไมตรีคนไทยแล้ว เขาหลับตาฝันถึง
วัดพระแก้ว ในพระบรมมหาราชวัง พระปรางค์วัดอรุณ การเล่นน้ำสงกรานต์ การได้นั่งรถตุ๊กตุ๊กตระเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และสตรีทฟู้ด
เมื่อมีขบวนการต้องการ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” เกิดขึ้น แกนนำที่ออกหน้า คือ ธนาธร-ปิยบุตร ขบวนการนอกชาติที่คุมหลัง ก็พวกสถานทูตตะวันตกและองค์กรเครือขาย CFR แฝงคราบยูเอ็น
สมทบด้วยขบวนการนักวิชาการ จารย์มหา’ลัย ใต้การชักใยองค์กรนอกชาติ โดยใช้นิสิต-นักศึกษา เป็นภาพลักษณ์ “คนรุ่นใหม่ ๓ นิ้ว”
เป้าหมาย องค์กรนอกชาติ ต้องการ “เปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน” ของไทย
ไม่ต้องการยึดประเทศ ซึ่งแบบนั้น มันเชย
เพียงต้องการ “อำนาจเหนือประทศ” แล้วใช้ประเทศเป็นฐานระรานห้ำหั่นกับจีน แย่งชิงความเป็นเจ้าเข้าครอง “เอเชีย-แปซิฟิก”
แต่รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์และสถาบันกองทัพยอมอย่างนั้น “ในทุกกรณี” ไม่ได้”
เมื่อรัฐบาลและกองทัพไม่ยอมในทุกกรณี
“อำนาจนอกชาติ” ก็ใช้วิธีอย่างที่ใช้มาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก เช่นในละตินอเมริกา ในตะวันออกกลาง ในแอฟริกา กระทั่งในเอเชีย-อาเซียน
ซื้อคน-ซื้อนักการเมือง-ซื้อนักวิชาการ-ซื้อสื่อ ประเภทอสรพิษชาติ ให้เนรคุณชาติเกิด
โดยให้ตั้งขบวนการอ้างประชาธิปไตย อ้างสิทธิมนุษยชน ปลุกปั่น-ยุยง ให้ประชาชนเกลียดรัฐบาล ชังสถาบัน ว่าเป็นชนชั้นศักดินา ไม่มีความเสมอภาค
เพื่อให้ประชาชนทำในสิ่งที่เรียกกันว่า สปริง..สปริง คือก่อจลาจลให้เกิดสงครามกลางเมือง
โดยอ้างประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมและระบบ-ระบอบประเทศ อย่างที่เห็นๆ กันอยู่
แล้ว “องค์กรนอกชาติ” ก็ตี ๒ หน้า
หน้าหนึ่ง ในหน้ากากสันติภาพ ถือแส้คอยฟาดตะล่อมรัฐบาล อย่าทำอะไรล้ำเส้นสิทธิมนุษชนกับประชาชนผู้แสวงหาประชาธิปไตยโดยสันติเชียวนะ
อีกหน้า ในหน้ากากซาตาน มือป้อนชีสเค้ก ตีนยันหลังนักศึกษา ๓ นิ้ว พร้อมโปรยเงินให้พวกสื่อรับรับจ้างทำเว็บทิ่มแทงสถาบัน
ลุยเข้าไป..ประตูมีกี่บาน พังให้หมด ประชาธิปไตย อยากได้ ต้องใช้ส้นตีน คือความรุนแรง
พังให้ทะลุถึง “สถาบัน” ไปเลย นั่นคือเป้าหมาย “อำนาจนอกชาติ”!
ส่วนแกนนำ ๓ นิ้ว ผู้รับหน้าที่ออแกไนซ์ ใหม่ๆ ก็คึก จนเคลิ้มว่าจุดติด “รุ่นใหม่ครองอำนาจ-ครองแผ่นดินสำเร็จแน่”
พวกจาน, นักวิชาการ ประเภท “อีแอบ” ในองกรค์รัฐ พากันดีใจ พวกเราจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทั้งที่กินข้าวหลวง-เงินเดือนหลวง
ถ้า “ล่มชาติ” ได้สำเร็จ
“นอกชาติ” มาตั้งฐานทัพในประเทศฟัดกับจีน นั่นเป็นส่วนแบ่งของนอกชาติเขา
แต่ ๗๗ จังหวัด ในความเป็นประเทศไทย รวมทั้งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ เค้ก “ส่วนแบ่ง” ของเรา ที่นอกชาติยกให้แกนนำแต่ละสาย ไปจัดสรรกันเอง
เหนือ อีสาน ใต้ ออก กลาง ตก กทม.แก๊งจานสมุนรับใช้ แก๊งพรรคการเมือง แก๊งไอ้ตี๋หัวตั้ง แก๊งไอ้เฒ่าสารพัดพิษทั้งหลาย
ใครต้องการเป็น “เจ้าเข้าครอง” ส่วนไหน ก็จัดสรรกันไปตามตัวใหญ่-ตัวเล็ก
ก็ที่เห็น ที่เป็น และที่ใช่ หน่อแนวมันก็บ่งชี้ไปทางนี้แหละ!
ทีนี้……….
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ “พระบรมมหาราชวัง”?
ยิงคน ต้องเล็งที่หัวใจ
จะ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ก็ต้องยิงที่พระบรมมหาราชวัง เพราะพระบรมมหาราชวัง เป็นทั้งหัวใจชาติและหัวใจประชาชน!
นั่นคือ คำตอบที่ว่า ทำไม ๓ นิ้วจึงไปฉีดสเปรย์ใส่กำแพงพระบรมมหาราชวัง!!!
เนื่องจาก ระยะหลังๆ การใช้ความรุนแรง กระทำหยาบช้าต่ำสัตว์ของกลุ่ม ๓ นิ้ว นอกจากไม่มีผลแล้ว ยังแผ่วลง เพราะสังคม ปฎิเสธ-ต่อต้าน ด้วยรังเกียจ
เมื่อแผน “สุมไฟเมือง” ให้เกิด “สงครามกลางเมือง” เพื่อให้ “อำนาจนอก” ฉวยจังหวะสอดแทรกเข้ามาไม่สำเร็จ
มันจึงใช้แผน “จุดไฟกลางใจคน”!
“ใจคนไทย” อยู่ที่สถาบัน สัญลักษณ์บ่งถึงสถาบันตรงตัวที่สุด ที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ก็คือ
“พระบรมมหาราชวัง”
ขบวนการ ๓ นิ้ว จึงใช้ตรงนี้ “ฟื้นกระแส” ขบวนการเขา โดยใช้เหตุการณ์เป็นตัวเรียกจุดสนใจ
การใช้ครึ่งคน-ครึ่งสัตว์ในร่าง “ซอมบี้” ขี้ยาแค่คน-สองคน เอาสเปรย์ไปฉีดพ่นใส่กำแพง “พระบรมมหาราชวัง” ลงทุนน้อย แต่ได้ผลหนัก จึงเกิดขึ้น
ซึ่งก็ได้ผล “ตามแผน” ทันตาเห็น!
ขบวนการ ๓ นิ้วที่สลบไสล กระแสถูกปลุกฟื้นขึ้นทันใด โดยสื่อน้อยใหญ่ ทุกแขนง ทั้งในและนอกเครือข่าย กระหน่ำเรื่องราว ข่าว-ภาพ ว่อนโลกและโซเชียลนั้น
ทุกสายตา พุ่งจุดสนใจไปที่เรื่องนี้ด้วยทัศนะ….
ขบวนการ ๓ นิ้ว เติบกล้าเหิมหาญ ถึงขั้น ฉีดสเปรย์ใส่กำแพง “พระบรมมหาราชวัง” ได้
ถือเป็นการลบหลู่เชิงท้าทายสถาบันทางโค่นล้มสุดอหังการ แต่ว่า….กลับไร้การต่อต้าน!?
ตัวขับเคลื่อนขบวนการ ๓ นิ้ว ประมาทเขาไม่ได้ สังเกตได้ว่า เขามีกลยุทธ์ทางการตลาด ทางการใช้สื่อทุกรูปแบบได้ชนิดเหนือชั้น
จากที่เคยใช้สามนิ้วเป็นฝูงออกจลาจลเมือง นอกจากไม่ได้ผล ยังเปลืองเปล่า
ตอนนี้ เขาจึงตัดต่อพันธุกรรม ๓ นิ้ว เป็น “ซอมบี้ ๓ นิ้ว” สายพันธุ์ “ครึ่งสัตว์-ครึ่งคน” ออกใช้แทน!
อย่างที่เห็นนั่นแหละ รูปร่าง-หน้าตา สกปรก โสโครก เหมือนลอกคราบออกมาจากกองขยะ
เนื้อตัว เสื้อผ้า ผมเผ้า ไม่ต่างรังเพาะหนอน สะลึมสะลือปรือตา ประสาทลอยล่องฟ่องฟูไปตามยา เพียงแต่ไม่อาเจียรโอ๊กอ๊าก
“ซอมบี้” ที่เคยเห็นในหนังเป็นยังไง?
สภาพ “คนรุ่นใหม่ ๓ นิ้ว” ที่ธนาธร-ปิยบุตร เคยบอกว่า รุ่นใหม่ ๓ นิ้วนี่และ ที่จะเข้ามา “สร้างอนาคตใหม่” ให้สังคมชาติ ก็เป็นยังงั้น!
“ซอมบี้” นี่แหละ เป็น “ครึ่งคน-ครึ่งสัตว์” พันธุ์ใหม่ ที่ขบวนการ ๓ นิ้ว นำมาใช้แทน ๓ นิ้วกลุ่ม-แก๊งต่างๆ ที่กวนเมืองแล้วแปะเบอร์บัญชี
จากตัวอย่าง พ่นกำแพง “พระบรมมหาราชวัง” แล้วมีอิมแพ็ก
ตอนนี้ มันจึงยึดแนวทางนี้ ใช้ซอมบี้แค่ตัว-สองตัวไปพ่นสัญลักษณ์เชิงหมิ่นตามชุมชนใหญ่ๆ แล้วตีข่าวปลุกกระแสให้ใหญ่โต เป็นการ “ลงทุนน้อย-แต่มาก”
ดีกว่าจ้างเป็นฝูงไปปาประทัดยักษ์ เผารถตำรวจใต้ทางด่วน ซึ่งเปลืองทั้งค่าจ้างทั้งเงินเงินประกัน
ใช้ซอมบี้สร้างกระแสทางจิตวิทยาดีกว่า ซ้ำไม่ต้องจ้าง สารพัดสื่อตามไปกระพือให้เป็นข่าวเกิดกระแส ใช้เป็นหลักฐานไปวางบิลได้เลย!
เมษา.เป็นเดือนสัญลักษณ์ประเทศ กำเนิด “กรุงรัตนโกสินทร์” แต่มันบังอาจเหิมหมิ่นผ่าน “พระบรมมหาราชวัง”
อยากให้ความเห็นว่า…….
เป็นมุมน่าตระหนักสำหรับสื่อ ก่อนที่จะตีข่าว-แพร่ภาพ ก็เข้าใจ ว่าเผยแพร่ด้วยหวังประณาม
แต่นั่นแหละ การนำเรื่อง-ภาพเผยแพร่บ่อยๆ ที่เจตนาประณาม กลายเป็นส่งเสริมสิ่งพวก ๓ นิ้วทำให้แพร่กระจายกว้างขวางออกไป
เรียกว่า “เข้าทางเขา” โดยไม่รู้ตัว!
ตอนนี้ จะเห็นว่า นักศึกษาที่ยังหลงเป็นเหยื่อให้แกนนำ ๓ นิ้วหลอกใช้ และพร้อมเข้าคุกแลกเงิน เหลือน้อยเต็มที
อาศัย “พรรคก้าวไกล” ของพิธา เป็นพระเอกหน้าไมค์ “ไม่เอา ม.๑๑๒” อยู่พรรคเดียว ในขณะที่ธนาธร-ปิยบุตร กระทั่งเพื่อไทย เล่นบท “ฉกฉวยตามสถานการณ์”
“ก้าวไกล-พิธา” ก็ไม่มีราคาเรียกแขกได้ซักเท่าไหร่
ในเมื่อยังต้องเลี้ยงกระแส “ล้มสถาบัน” ให้คงอยู่คู่กับขบวนการ ๓ นิ้ว
ดังนั้น การใช้ “ซอมบี้” ขี้ยาสร้างกระแส เมื่อทดลองแล้วได้ผล ต่อจากนี้ จะเห็น “ซอมบี้” ไปโผล่ที่โน่น-ที่นี่ ถี่ขึ้น
เผลอๆ อาจโฉบไปฉีดที่กำแพง “พระบรมมหาราชวัง” อีกก็ได้ เพื่อให้เป็นข่าว
ร้อยป้องกัน ไม่เท่าหนึ่งจ้องทำลาย
กับแมลงวันที่ “เห็นตัว” มาเกาะหน้าผาก ตบแรง เราก็เจ็บ แค่ปัด เดี๋ยวมันก็มาเกาะอีก
เออ…แล้วจะจัดการอย่างไร ใครมีวิธีดีๆ ช่วยบอกทีเถอะ!
เปลว สีเงิน
๑ เมษายน ๒๕๖๖