คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
“บิ๊กป้อม” นี่นะ
ถ้าสมัยหนุ่มๆ ขยันเขียนจดหมายเหมือนตอนนี้ ต้องมีแฟนร้อยรอบเอวแหงๆ
แต่น่าเสียดาย
มาขยันเขียนเอาตอน “ผีตากผ้าอ้อม” มันก็เหมือนสอยด้ายเข้ารูเข็มเอาตอนโพล้เพล้ นอกจากสอยไม่เข้าแล้ว เผลอๆมือที่คลำจะตำเข้าปลายเข็ม
เจ็บเปล่าๆ!
“จดหมายของพลเอกประวิตร” ที่ท่านสื่อสารถึงประชาชนในนามหัวหน้าพรรค “พลังประชารัฐ” ขณะนี้นั้น แค่ไม่กี่วัน แต่ขยันถี่ๆ ถึง ๕ ฉบับซ้อน
อ่านปุ๊บ ทุกคนรู้ปั๊บ “บิ๊กป้อมไม่ได้เขียนเอง”
“มือผี” เขียนชัดๆ!
แล้วพะชื่อ “พลเอกประวิตร” กรีดรู้สึกจากหัวใจแทนหมึกถึงประชาชน
เขียนด้วยเจตนาใด?
ในเจตนา “แยกปลา-แยกน้ำ” ว่าท่านประชาธิปไตยนิยม ส่วนนายกฯ ประยุทธ์นั้น “อำนาจนิยม”
การเข้ายึดอำนาจปกครองประเทศ เมื่อ ๒๒ พค.๕๗ พลเอกประยุทธ์ นั่นคือการ “ยึดครองอำนาจด้วยวิธีพิเศษ”
ส่วนตัวท่าน “เปล่าเป็น-เปล่าทำ”
การเลือกตั้งครั้งนี้ ท่านต้องการเป็น “โซ่ข้อกลาง” ระหว่างระหว่าง “ฝ่ายอำนาจนิยม” กับ “ฝ่ายเสรีนิยม”
แปลตรงตัวชัดๆ….
“บิ๊กป้อม” วางตำแหน่งนายกฯ ประยุทธ์เป็น “ฝ่ายอำนาจนิยม” หรือ “ฝ่ายเผด็จการ”
อีกฝ่าย ประมาณว่าเพื่อไทย เป็น “ฝ่ายเสรีนิยม” หรือ “ฝ่ายประชาธิปไตย”
แล้วบิ๊กป้อมผู้ยึดมั่นใน “ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์” ก็บอกว่า
“จะพาทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง”….
“ด้วยประนีประนอม-ด้วยความปรารถนาดี “ต่อประเทศชาติ”
นี่คือเจตนาของการลงการเมืองระบอบเลือกตั้งเต็มตัวครั้งนี้ของท่าน
ก็ชัดเจนทางการสื่อว่า “บิ๊กป้อม” พยายามลบภาพ “ฝ่ายเผด็จการ” ออกจากตัวเอง จากที่ร่วมรัฐบาลกับนายกฯ ๘ ปี
ขณะเดียวกัน เพื่อไม่ให้ใครร้องว่า นั่นแน่…จะแยกวงไปร่วมตั้งรัฐบาลกับฝ่ายประชาธิปไตยละซี
จึงวางตำแหน่งเป็น “พรรคขั้วที่ ๓” คือไม่ฝักฝ่ายเข้ากับฝ่ายใด-ฝ่ายหนึ่ง เพื่อป้องกันครหา
“สลัดทิ้งน้องตู่ หวังไปสมสู่กับเพื่อไทย”!
ต้องยอมรับว่าเป็นกลวิธี “แยบคาย” ที่จะปลิ้นพลังประชารัฐออกจาก “ความขัดแย้ง” ทุกฝ่าย
โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็น “พรรคทางเลือกใหม่” ให้กับประชาชนในตลาดเลือกตั้ง
ในตำราการศึกเขาบอกว่า “เพื่อสู่เป้าหมาย ต้องไม่เกี่ยงวิธีการและรูปแบบ”
บิ๊กป้อมไม่เสียทีที่เป็น “แม่ทัพ” มาก่อน!
ไหนบอกรู้แต่การทหาร ไม่ประสาการเมือง แต่จดหมาย ทั้ง ๕ ฉบับ บ่งชัดว่าเกมเก๋าเกมในกลยุทธการเมือง ที่ว่า
“โกหกให้ได้มาก่อน แล้วค่อยไปกะล่อนแก้ตัวตอนหลัง”!
ตัวอย่างมีให้เห็น ๒๑๔ ข้อที่ชช.บอกเลือกผมเป็นผู้ว่าฯ ทุกข้อสัญญาผมทำได้หมด
พอได้เป็น ก็กะล่อนแก้ตัวไปวันๆ จะครบปีอยู่รอมมะร่อ มีแต่คนรอ…เมื่อไหร่จะไสหัวออกไปซะที!
ตอนหาเสียงออกโทรทัศน์โม้สิบทิศ…ใครทำไม่ได้ก็ไม่ควรเสนอตัวมาเป็นผู้ว่าฯ
แล้วไง…ฟุตบาทกทม.กลายเป็นห้างสรรพสินค้าตอนนี้
วิธีแก้ของชช.คือเขียนคำว่า Hawker หมายถึง “หาบเร่แผงลอย” บนผ้าเป็นตะปิ้งไปปิดตามฟุตบาท
น่าจะทำไปปิดหน้าชช.ซักผืน
ให้ออกมาเต้น “ไลฟ์สด” แล้วบอก…นี่คือวิธีป้องกันฝุ่นพิษ PM 2.5 ด้วยความปรารถนาดี จากผู้ว่าฯ ล้านสาม
วีธีนี้ อาจทำให้อาการชาวเมืองคันหน้าหลบไปคันที่อื่นแทนได้บ้าง!
ย้อนกลับไปที่จดหมายรักบิ๊กป้อมต่อ………
อยากจะบอกคณะยุทธศาสตร์การหาเสียงของพลังประชารัฐว่า
พวกคุณ “หวังดี” หรือ “หวังร้าย” กับบิ๊กป้อมกันแน่ กับวิธีการให้บิ๊กป้อมเขียนจดหมายด้วยเนื้อหาอย่างนั้น
ประเด็นแรก ที่อ่านปุ๊บ เกิดปฎิกริยาตอบสนองปั๊บ คือ
นี่…มันไม่ใช่ “บิ๊กป้อม” นี่หว่า!
เพราะทั้งเนื้อหา ทั้งสำนวน-ลีลา ทั้งศัพ์แสงที่นำมาใช้ มัน “ขัดแย้ง” กับตัวตนคนชื่อ “บิ๊กป้อม” ทั้งหมด
เมื่อรู้สึกขัดแย้ง ……
ทัศนคติบวกต่อ “บิ๊กป้อม-แป๊ะยิ้ม” จะหายไป กลับเป็นทัศนคติลบ ในด้าน “คนไม่จริงใจ” ทันที
ความรู้สึก “หลอกลวง” จะเข้ามาแทน
เพราะประชาชนยังผวาไม่คลายจากทักษิณหาเสียงตอนปีแรกว่า “ผมรวยแล้วไม่โกง” จนเป็นความรู้สึก “ฝังเจ็บ” กันถึงทุกวันนี้
ยิ่งในจดหมายระบุว่า….
“เนื้อหาของจดหมายทุกฉบับที่จะเกิดขึ้นผ่านการตรวจทานจากผมแล้วและผมขอรับผิดชอบทุกตัวอักษร”
นี่ ๒ เด้งเลย!
เด้งแรก เท่ากับสารภาพ “ผมไม่รู้….เขาเขียนกันเอง”
เด้งที่สอง เท่ากับสารภาพเป็นแค่ “หุ่นเชิด” ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ขนาดเขาเขียนค้านตัวตนบิ๊กป้อมโต้งๆ
ก็ยังยอมเซ็น “ผมขอรับผิดชอบทุกตัวอักษร”!?
เช่นคำว่า….
“ยึดครองอำนาจด้วยวิธีพิเศษ….กลุ่มอิลิท ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการกำหนดความเป็นไปของประเทศ
ฝ่ายอำนาจนิยม-ฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยม…จิตวิญญาณอนุรักษ์นิยม
แม้กระทั่งคำว่า “หยุดประชาธิปไตย” เพื่อ “ปฏิรูป”
’ศัพท์หรูหราหมาเห่าทำนองนี้ ….
ใครอ่าน นอกจากไม่เชื่อจะออกมาสมองบิ๊กป้อมเองแล้ว
ยังเกิดความรู้สึกว่า “บิ๊กป้อม” กำลังตกเป็นเหยื่อจาก “บางคน-บางฝ่าย” ผู้มีความปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้าย ที่แฝงอยู่ในพรรค
เสี้ยมให้ “พี่ป้อมกับน้องตู่” เกิดทัศนคติปฎิปักษ์ต่อกัน นำไปสู่ภาพทางสังคมเลือกตั้ง ว่าพลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติประกาศ “แยกขั้ว-แยกข้าง” กันแล้ว!
เมื่อจดหมายทั้ง ๕ ฉบับ ให้ภาพ Fake
ภาพบิ๊กป้อม-แป๊ะยิ้ม ก็เลย Fake ไปด้วย!
ผมจึงมองว่า กลยุทธ์ “ปิดทองใส่หน้าตัว เอาตะกั่วปิดใส่หน้าน้อง” ตามลีลา-ทำนองจดหมายนั่น ถ้าจะมีผลดี ก็มีอย่างเดียว คือ
ช่วยให้คนเคยเลือกพลังประชารัฐ ตัดสินใจไปเลือกรวมไทยสร้างชาติได้ง่ายขึ้น!
อยากบอกบิ๊กป้อมว่า ให้จบที่ฉบับที่ ๕ นั้นเถอะ อย่าหลงกล “วัสสการะพราหมณ์” ในพรรคอีกเลย
“โซ่ข้อกลาง” ไม่มีหรอก
เพราะทุกข้อเกี่ยวกันจากหัวยันท้ายมันจึงเป็นเส้นโซ่ ตรงส่วนที่เขาไม่ต้องการคือ “เศษโซ่” ถ้าเขาจะใช้ ก็นำไปต่อหัว-ต่อท้าย
ฉะนั้น “โซ่ข้อกลาง” ตามนัยจะรอให้อีก ๒ ส่วนมาเกี่ยวหัว-ท้าย แล้วตัวเอง “นอนกินสบาย” ทั้งซ้ายและขวานั้น มันไม่มีหรอก
ไปถามไอ้ “มือผี” คนเขียนซิ “จิตวิญญานสัมภเวสี” เข้าสิงหรือไง ถึงได้เพ้อเจ้อ
เป็นคนมันต้องชัดเจน จะดำ-ก็ดำ,จะขาว-ก็ขาว ไอ้ที่จะไม่ดำ-ไม่ขาว แล้วบอก…กูเป็นกลาง
นั่นมันไม่ใช่คน แต่มันประเภท “นกมีหู-หนูมีปีก”
ถ้าเป็นคน
ก็ต้องเรียกว่า เป็นประเภท “พวกเทาๆ”!
แล้ว “บิ๊กป้อม” ต้องการวางตำแหน่งพลังประชารัฐเป็น “พรรคเทาๆ” อย่างนั้นหรือ?
ก็ไหนบิ๊กป้อมให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ว่า…ต่อไปนี้ “รู้หมดทุกเรื่องแล้วไง?”
ไหงปล่อยให้ผู้ฝักใฝ่ “เพื่อไทย”….
“สอดไส้” พลังประชารัฐได้ล่ะ?
เปลว สีเงิน
๑๑ มกราคม ๒๕๖๖