คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
วันนี้…. ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ เป็นวัน “มาฆบูชา”
ความสำคัญของวันนี้ คือ…
ย้อนกลับไปราวๆ ๒,๖๑๑ ปี หลังจากพระพุทธองค์ตรัสรู้ “โลกุตรธรรม” สู่สภาวะ “โลกวิทู” พระผู้พ้นโลก แล้ว
ขณะพระพุทธองค์ประทับอยู่ “วัดเวฬุวันมหาวิหาร” ใกล้กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ (ท่านที่เคยเดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง ที่อินเดีย ต้องได้ไปที่ป่าไผ่แห่งนี้)
ได้เกิดปรากฎการณ์มหัศจรรย์ขึ้น ที่เรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” คือ วันนั้น
-ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓
-พระภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป จากทิศานุทิศ เดินทางมาเฝ้า “พระบรมศาสดาเจ้า” พร้อมๆ กัน โดยไม่มีการนัดหมาย
-พระภิกษุเหล่านั้น เป็น “พระอรหันต์” ทั้งสิ้น และ
-ทั้ง ๑,๒๕๐ รูป นั้น ล้วนได้รับบวชจากพระพุทธองค์โดยตรง ที่เรียก “เอหิภิกขุอุปสัมปทา”
ด้วยถึงพร้อมเป็นมหัศจรรย์ นั้น…..
“สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ได้ทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” กับพระอรหันต์ ทั้งนั้น
โอวาทปาติโมกข์ คืออะไร?
คือ “จุดหมาย-วิธีการ-หลักการ” นับเป็นแก่นหรือ “หัวใจพระพุทธศาสนา”
-“จุดมุ่งหมาย” สูงสุดของพระภิกษุและพุทธบริษัทที่ต้องไปให้ถึง คือ “พระนิพพาน”
-“วิธีการ” ที่จะเข้าถึงจุดมุ่งหมายนั้น โดยย่อ คือ “การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญแต่ความดี และการทำจิตของตนให้ผ่องใส เป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง”
-“หลักการ” หรือหลักปฏิบัติของพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา ๖ ประการ คือ
ไม่กล่าวร้ายใคร,ไม่ทำร้ายใคร, สำรวมในปาติโมกข์, รู้จักประมาณในอาหาร, รู้จักที่นั่งนอนอันสงัด และบำเพ็ญเพียรในอธิจิต
บางท่านอาจสงสัย…..
ก็วันนี้ ๖ มีนา.๖๖ ตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ จะนับเป็นวัน “มาฆบูชา” ได้อย่างไร เพราะวันนั้น เมื่อ ๒,๖๑๑ ปี โน้น เป็นเดือน ๓ นี่นา?
ให้เข้าใจกันง่ายๆ ว่า ปีไหน เป็นปี “อธิกมาศ” คือมีเดือน ๘ สองหน ปีนั้น วันเพ็ญ เดือน ๓ ก็จะตรงกับเดือน ๔
อย่างปีนี้ มีเดือน ๘ สองหน “เพ็ญ เดือน ๓” จึงตรงกับวันที่ ๖ มีนา.ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔
หมดข้อสงสัยกันแล้วนะ
ก็ขอให้ “ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจารี” ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม โดยทั่วกัน
และธรรมนั้น ขอให้รักษา “นายกฯ ประยุทธ์” ให้หายจากโรค “มือบวม” โดยเร็วด้วย!
นอนในโรงพยาบาล ก็สามารถบอกคุณพีระพันธ์ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติได้ว่า……..
ป้ายบอกให้ชาวบ้านรู้ว่า “เลือกตั้ง ๗ พฤษา.” ลุงตู่ถือธงนำหน้า “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ปูพรมให้ชาวบ้านแต่ละพื้นที่รู้ได้แล้ว!
เพราะที่ฟัง แฟนๆ ลุงตู่หลายๆ พื้นที่ ยังสับสนอยู่ว่า “ลุงตู่” จะเป็นว่าที่นายกฯ ของพรรคไหน?
พูดถึงแต่ละพรรค ต้องชมว่า พรรคเพื่อไทยของครอบครัวอุ๊งอิ๊ง แม้ใจรู้ “หมดหวังแลนด์สไลด์” แต่ทุกคนเก็บอาการระท้อใจได้ดี
อย่างไปเปิดเวที “เกทับ” รวมไทยสร้างชาติของนายกฯ ที่โคราช วานซืน
ขนาดอุ๊งอิ๊งอุ้มท้องไป “ชักดาบ” หน้าอนุสาวรีย์คุณย่าโม เสียงตะโกน “ไชโย ย่าโมออกศึก..เพื่อไทยแลนด์ไลด์…โคราชแลนด์ไสลด์”
แทนที่จะคึกคัก สร้างความฮึกเหิม กลับดูมันกะร่อย-กะหริบ เหมือนสิ้นเรี่ยว-สิ้นแรง ยังไงก็ไม่รู้?
เรื่องอุ๊งอิ๊งชักดาบชี้หน้าคุณย่าโมนี้ วิพากษ์-วิจารณ์กันมาก คือ “ชักดาบ” ไม่มีใครว่า
แต่ชักแบบ “ไม่รู้ประสา” ชักดาบชี้ใส่หน้าคุณย่าโม นั่นไม่ใช่เครื่องหมายเคารพสักการะ แต่มันให้ภาพลักษณะ ท้าทาย เชิงลบหลู่คุณย่าโม
ข้าราชการผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นคนโคราช ท่านส่งคลิปภาพมาให้ดู พร้อมข้อความว่า….
“วันนี้ เพื่อไทยไปหาเสียง แต่ไม่รู้ที่ต่ำ-ที่สูง “ไปชักดาบชี้ใส่หน้าย่าโม คนโคราชเห็นแล้วไม่พอใจอย่างมาก”
ผมเข้าใจ อุ๊งอิ๊งไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น
ถ้าจะตำหนิ ต้องตำหนิคนรอบข้าง โดยเฉพาะ “นายประเสริฐ จันทร์รวงทอง” เลขาฯ พรรคเพื่อไทย “เจ้าถิ่น”
ยังมีคนอื่นอีกนะ ที่ส่งภาพ ๒ ภาพมาประกบกันเชิงเปรียบเทียบมาให้ดู
ภาพหนึ่ง เป็นภาพครั้ง “ยิ่งลักษณ์” ไปชักดาบหน้าคุณย่าโม กับอีกภาพ เป็นภาพ “อุ๊งอิ๊ง” ชักดาบ
และมี “คำอธิบายภาพ” ว่า…….
“ครั้งหนึ่ง เมื่อ 29 ม.ค. 59 “น.ส.ยิ่งลักษณ์” อดีตนายกฯกราบสักการะบนบาน “ย่าโม” พร้อมชักดาบชูขึ้นฟ้า
หวังประกาศชัยชนะ
จากนั้น 23 ส.ค. 60 หนีออกนอกประเทศและ 27 ก.ย. 60 ศาลสั่งจำคุก 5 ปี
มาวันนี้ #อุ๊งอิ๊งค์ นำคณะเพื่อไทย กราบ “ย่าโม” ทำพิธีชักดาบ ประกาศชัยชนะ
อยากบอกด้วยความหวังดี ใครก็ตาม ที่เจตนาใช้ “คุณย่าโม” เป็นพรอพ มิได้มีความเคารพจริงจังด้วยสุจริตใจ ผลจะเป็นอย่างไร…….
อยากให้ไปศึกษาประวัติศาสตร์การต่อสู้ “ใช้ชีพพลี” เพื่อรักษาแผ่นดินของคุณย่าโมให้ถ่องแท้
จะพบว่า ใครก็ตาม….
ถ้า “จิตอสัตย์” ต่อแผ่นดินแล้วไซร้ พรที่ขอนั้น จะพลันพลิกกลับ “วิบัติเป็น”!
กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ครอบครัวใหญ่เพื่อไทย คงไปหาเสียงอีกหลายพื้นที่ แต่ละพื้นที่ ย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องไปกราบไหว้ขอพร
ก็อยากบอกด้วยปรารถนาดี ใครเป็นเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ถิ่น ควรให้คำแนะนำในการกระทำที่ถูกต้องกับคุณหนูอุ๊งอิ๊งด้วย
พูดถึงเรื่อง “ชักดาบ” นึกขึ้นมาได้!
อุ๊งอิ๊งถือหุ้นใหญ่ SC ASSET ที่พี่เขย “นายณัฐพงษ์” สามีนางพิณทองทาเป็น CEO มิใช่หรือ?
เห็นครอบครัว “รัตนพันธ์” โดยนายศรายุทธ รัตนพันธ์ พ่อ และลูกๆ นายลัดฟ้า รัตนพันธ์ และนางสาวฐานิดา รัตนพันธ์ เขาเปิดแถลงข่าววันก่อน ประมาณว่า
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET มีพฤติกรรมส่อเป็นความผิดต่อการบริหารบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์”
พูดชัดๆ เอสซี แอสเสท ที่อุ้งอิ๊งถือหุ้นใหญ่ ไป “ชักดาบ” ว่าด้วยไม่ปฎิบัติอตามบันทึกข้อตกลงเรื่องซื้อขายที่ดิน จนครอบครัวรัตนพันธ์เขาหมดเนื้อ-หมดตัว
รายละเอียดคงพอทราบกันแล้ว ถ้าไม่มีมูลจริงบ้าง เขาคงไม่ตั้งโต๊ะแถลงอย่างนั้นหรอก
แต่นี่ เอสซี แอสเสท กลับใช้วิธี “ปิดปากสื่อ” ทำหนังสือถึง”Top News”
“…….ข้อมูลทั้งหมดที่กลุ่มครอบครัว “รัตนพันธ์” แถลงเป็นข้อมูลความเท็จทั้งสิ้น
ข้อเท็จจริงทั้งหมดอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ซึ่งบริษัท เอสซี แอสเสท ฟ้องดำเนินคดีกลุ่มบุคคลนี้ ในข้อหาหมิ่นประมาทในศาลอาญา ศาลแพ่ง ขณะนี้ อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล
จึงขอแจ้งให้สำนักข่าว Top News ยุติการนำเสนอข่าวข้อมูลอันเป็นเท็จนี้
และนำออกจาก สื่อออนไลน์ระบบคอมพิวเตอร์โดยทันทีด้วย มิฉะนั้น บริษัทฯ จำเป็นที่จะต้องดำเนินคดีกับท่านตามกฎหมายต่อไป”
เออแน่ะ….
ไปว่าครอบครัว “รัตนพันธ์” แถลงข้อมูลเป็นเท็จ ท็อป นิวส์เสนอข่าวเป็นเท็จ!
ก็ไหนบอก เรื่องยังฟ้องร้องอยู่ในศาล ศาลยังไม่ตัดสิน แล้วระบุว่า ครอบครัวรัตนพันธ์แถลงข้อมูลความเท็จได้ไง?
และเอสซี แอสเสท ก็พูดความจริงไม่ครบ ไม่ใช่ เอสซี แอสเสท ฟ้องครอบครัวรัตนพันธ์ฝ่ายเดียว
เอสซี แอสเสท ก็ถูกครอบครัวรัตนพันธ์ “ฟ้องแย้ง” เรียกค่าเสียหายตั้ง ๑,๕๐๐ ล้านบาทเหมือนกัน
ขณะนี้ ศาลมีคำสั่งรับ “ฟ้องแย้ง” แล้ว เมื่อ ๑๙ มค.๖๖
สรุป….
ไม่ใช่เอสซี แอสเสท ฟ้องเขาฝ่ายเดียว เขาก็มีหลักฐานฟ้องแย้งเอสซี แอสเซท ด้วยเช่นกัน
เมื่อต่างคน-ต่างฟ้อง จะว่า “ใครเท็จ-ใครจริง” ยังไม่ได้ จนกว่าศาลจะตัดสิน
ฉะนั้น เอสซี แอสเซท จะระบุว่าครอบครัวรัตนพันธ์แถลงข้อมูลเท็จยังไม่ได้
ส่วนท็อปนิวส์ เสนอข่าวตามหน้าที่โดยสุจริต ทั้งเอสซี แอสเสท เป็นบริษัทมหาชน ก็เป็นความชอบธรรมที่จะนำเสนอ
ทางที่เป็นประโยชน์กับเครดิตเอสซี แอสเสท และทางปกป้องความมีเมตตา มีคุณธรรม ทั้งซื่อสัตย์ สุจริตของครอบครัวชินวัตร รวมทั้งภาพพจน์ของว่าที่นายกฯ อุ๊งอิ๊ง
“ท็อป นิวส์” เขารายงานข่าวที่ครอบครัวรัตนพันธ์แถลง
“เอสซี แอสเสท” ก็ต้องใช้ “หนามบ่งหนาม”
ไปแถลงเคลียร์ประเด็นให้ “ท็อป นิวส์” เผยแพร่เป็นข่าวบ้าง
เชื่อผมเถอะ ยิ่งไปขู่ “ท็อป นิวส์”
ยิ่งย้ำเน้นคำว่า “รวยแล้วไม่โกง” ให้เด่นยิ่งขึ้น!