1 มีนาคม 2566 เวลา 11.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเอกตอร์ กอนเด อัลเมย์ดา (H.E. Mr. Héctor Conde Almeida) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคิวบาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้พบเอกอัครราชทูตคิวบาฯ อีกครั้ง และขอบคุณที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความแข็งขันตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปีในการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย – คิวบาให้แน่นแฟ้น ก้าวหน้าและสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งสองประเทศต่างมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นตลอดระยะเวลา 64 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์ ด้านการเกษตร
ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกมิติที่ทั้งสองฝ่ายเห็นประโยชน์ร่วมกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงในกรอบอาเซียนและสหประชาชาติ พร้อมฝากความปรารถนาดีไปยัง นายมิเกล มาริโอ ดิอัซ-กาเนล เบร์มูเดซ (H.E. Mr. Miguel Díaz-Canel) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐคิวบา และ นายมานูเอล มาร์เรโร กรุซ (H.E. Mr. Manuel Marrero Cruz) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐคิวบา โดยเชื่อมั่นว่าทั้งสองจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-คิวบา ให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง และยั่งยืน
เอกอัครราชทูตคิวบาฯ ยินดีที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในไทย ไทยถือเป็นมิตรประเทศที่ดียิ่งแก่คิวบา ซึ่งในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 นี้ จะเป็นวาระครบรอบ 65 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ ในนามของรัฐบาลและประชาชนคิวบาได้ขอบคุณการสนับสนุนของไทยต่อคิวบาที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายความร่วมมือในมิติอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Scientific and Technology) ที่เชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันได้ นอกจากนี้ยังพร้อมสานต่อการดำเนินงานต่าง ๆ ไปยังเอกอัครราชทูตคิวบาฯ คนใหม่ ซึ่งยืนยันความพร้อมว่าจะนำทุกข้อพิจารณาที่มีร่วมกัน นำไปผลักดันความร่วมมือให้ก้าวหน้าต่อไป
ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือ ดังนี้
ด้านสาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการพัฒนาด้านการรักษาพยาบาลและบริการสุขภาพ (wellness) โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลคิวบาที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านชีวภาพและเวชภัณฑ์ให้กับไทย เพื่อพัฒนาและผลิตยาชีววัตถุ เพื่อรักษาโรคต่าง ๆ อาทิ โรคไต โรคมะเร็ง ต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามแผนปฏิบัติการที่ตกลงร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขไทยและคิวบา ด้านเอกอัครราชทูตคิวบาฯ กล่าวว่า คิวบามีศักยภาพและยินดีที่จะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและการผลิตวัคซีนที่เชี่ยวชาญเพื่อการพัฒนาร่วมกันต่อไป
ด้านเศรษฐกิจและวิชาการ ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในสาขาสาธารณสุข การเกษตร และ การท่องเที่ยว ซึ่งไทยสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาการผลิตข้าวและการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ ขณะเดียวกันประสงค์จะเรียนรู้ความเชี่ยวชาญจากคิวบาด้านสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะในด้านการให้บริการแพทย์ชุมชน (family doctor) โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคิวบาฯ เห็นพ้องที่จะสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวให้อย่างต่อเนื่อง
ด้านกีฬาและเยาวชน ทั้งสองฝ่ายยินดีที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสถานเอกอัครราชทูตคิวบาประจำประเทศไทยได้ร่วมกันหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนในสาขาต่าง ๆ ทั้งกีฬา พลศึกษา ดนตรี และศิลปะ
ด้านความร่วมมือพหุภาคี เอกอัครราชทูตคิวบาฯ เชื่อมั่นว่าการเข้ารับตำแหน่งประธานกลุ่ม 77 (G77) ของคิวบาในปีนี้ จะเป็นโอกาสอันดีในการขยายความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีกับการเข้ารับตำแหน่งของคิวบา รวมทั้งชื่นชมคิวบาที่ให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์กับอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะสามารถขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างภูมิภาคได้