ปฎิรูปแบบปฎิวัติเงียบ-เปลว สีเงิน

"บ่อน-หวย-มวย-ม้า-ซ่อง-ของเถื่อน-ยาเสพติด-รีดไถ" ท่านว่า "ชง" กับอาชีพ "ตำรวจ" วิธีการเดียวที่จะ "แก้ชง" ได้ คือการ "ส่งส่วย"!

เปลว สีเงิน

“บ่อน-หวย-มวย-ม้า-ซ่อง-ของเถื่อน-ยาเสพติด-รีดไถ”
ท่านว่า “ชง” กับอาชีพ “ตำรวจ”
วิธีการเดียวที่จะ “แก้ชง” ได้ คือการ “ส่งส่วย”!
“ส่วย” กับ “ตำรวจ” จึงเป็น “คู่สมพงษ์” ชนิดแยกจากกันไม่ได้ตลอดทุกยุค-ทุกสมัย
บางคนบอก “เพราะนายกฯไม่ปฎิรูปตำรวจนั่นแหละ ชั่วตรงไหน แตะลงไป จึงมีตำรวจเอี่ยวทั้งนั้น”

มันก็ใช่….!
แต่ใช่ส่วนเดียว ไม่ใช่ทั้งหมด

เคยมีคนร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยกับทักษิณ แต่ปลีกตัวออกมาหลังจากทักษิณได้เป็นนายกฯ เขาเล่าให้ผมฟังว่า
เขาได้พูดกับทักษิณเรื่อง “ตำรวจหากิน” ว่าเป็นรัฐบาลแล้ว ควรต้องสังคายนากันนะ

ทักษิณบอก “คุณอย่ามายุ่ง เรื่องตำรวจเป็นเรื่องของผม”
เขาบอกว่า ฟังแล้วรู้สึก “ผิดหวัง” ในตัวทักษิณมาก

เพราะก่อนหน้า ทักษิณบอก ผมรวยแล้ว ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่นี้ ๒ คนตายาย ยันตายก็กินไม่หมด อยากเข้ามาช่วยทำบ้านเมืองให้มันดีขึ้น

แต่ที่ไหนได้ พอมีอำนาจ จากหน้ามือเป็นหลังตีน
ทำทุกอย่างที่เคยบอกว่าจะไม่ทำ และไม่ทำซักอย่าง ตามที่เคยบอกว่าจะทำ

อย่างเรื่องตำรวจ ทักษิณเป็นตำรวจมาก่อน แทนที่จะทำองค์กรให้มันดีขึ้น
กลับใช้องค์กรตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “โกงเอามาแบ่งกัน”

ครั้นเตือน กลับไม่พอใจ บอก “คุณอย่ามายุ่งเรื่องตำรวจ”?!

ผมฟังเขาเล่าแล้ว นึกทบทวนตอนกินข้าวกับทักษิณก่อนถูกบิ๊กบังรัฐประการ ๑๙ กันยา.๔๙ ซักเดือน จากเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง เป็น “เชื่อ ๑๐๐%”

เพราะทักษิณบอกผม ตอนคุยกัน ๓ คนว่า
“ผมสบายใจแล้วตอนนี้ ใคร (ข้าราชการ) ที่เคยมีบุญคุณกับผม ผมส่งขึ้นฝั่งหมดแล้ว ตอนนี้ ตำรวจก็ของผม, อัยการก็ของผม ส่วนศาลครึ่ง-ครึ่ง”!

เมื่อพิจารณาตามนี้แล้ว ผมจึงว่า ที่โทษนายกฯ ประยุทธ์ไม่ปฎิรูปตำรวจ นั้น “ใช่” ครึ่งเดียว
เพราะเรื่องตำรวจไม่ต่าง “โจรในเครื่องแบบ” นั้น ไม่ได้เพิ่งเกิด-เพิ่งมีในยุคประยุทธ์, ยุคทักษิณ

เอาเท่าที่ผมจำความได้ ตั้งแต่ยุคนายกฯ “จอมพลป.พิบูลสงสงคราม” ที่มี “พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์” เป็นอ.ตร.
ไม่ต่างกันเลยในเรื่อง “โจรในเครื่องแบบ”!

จะต่าง ก็เพียงรูปแบบที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ยุคอัศวินเผ่า ถ้าซ่ากันในสภา-ในถนน อย่างทุกวันนี้เรอะ
พรุ่งนี้ ไปเก็บศพก่อนหมาแทะข้างถนนได้เลย!
ยิงทิ้งกันเห็นๆ…..

ค้าฝิ่น-ค้าของเถื่อน-เก็บภาษีเถื่อนกันเห็นๆ สมตามสโลแกนที่ว่า
“ใต้ดวงอาทิตย์ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยจะทำไม่ได้”!

เพราะอย่างนี้ ที่นักข่าวถามนายกฯ ประยุทธ์เมื่อวาน (๑๓ กพ.๖๖) เรื่องปฎิรูปตำรวจ ผมว่าคำตอบของนายกฯ คงไม่ถูกใจกันเท่าไรนัก
แต่นั่น “ถูกต้อง” ในทางแก้ตามหลัก “เหตุและผล”

คือเรื่อง “ตำรวจโจร” นายกฯ ตอบนักข่าวว่า……
“ความจริงแล้วมันเกิดมานานพอสมควร ถ้ามองย้อนกลับไปจากข้อมูลที่ให้มา วันนี้เราก็เอาจริงเอาจัง

ไม่รู้หรอกมีเรื่องมีราวอะไรมา อีกทั้งเมื่อวันก่อนได้ออกระเบียบในเรื่องของข้าราชการทุกประเภทไปแล้ว
จะลงโทษสถานหนัก “ทางวินัยและอาญา”

ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งก็ออก (ระเบียบ) ไปแล้ว
วันนี้ เราต้องช่วยกันแก้ไข เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่หนึ่งถึงสองวัน แต่เกิดมานานแล้ว

ก็อยากจะทำและแก้ไข แต่ก่อนๆ ไม่มีหลักฐาน ไม่มีใครร้องเรียน

แต่วันนี้ “ถือเป็นเรื่องดี” ที่มีคนร้องเรียนเข้ามา จะได้ทำได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ผมยืนยันไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น”

ตำรวจนั้น มีทั้งหมด ๒-๓ แสนคน ในจำนวนนั้น ก็มีระดับพัน-ระดับหมื่นที่ “นอกแถว-นอกคอก”
ก็ไม่มาก แต่ก็ไม่ควรเป็นอย่างนั้น!

ฉะนั้น ถ้าพูดว่า “ก็เพราะไม่ปฎิรูป” จึงเป็นแบบนี้ มันพูดง่าย ง่ายแบบ “กำปั้นทุบดิน”
การแก้ตำรวจเลว “๑,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ คน”….

โดยทำให้ตำรวจไม่เลวอีกเป็นแสนๆ คน ต้องพลอยเดือนร้อนไปกับกฎ “ปฎิรูป” ไปด้วย
ไตร่ตรองรอบคอบแล้ว ผมว่า “ผลเสีย” จะเกิดกับองค์กรส่งผลถึงประชาชนด้วยมากกว่า “ผลดี”

ในแง่คิด
“ทั้งข้อง” สมมติ มีปลาเน่า “ตัว-สองตัว” จะต้องเททิ้งปลาทั้งหมด?
หรือควรแก้ด้วยการ “กำจัด” ปลาเน่า “ตัว-สองตัว” นั้นออกไปจากข้อง?

มันเป็นประเด็นเหลื่อมๆ กันอยู่ที่ “น่าคิด” ซึ่งในความเห็นผม คำว่า “ปฎิรูป” มันเป็น “นามธรรม” เวิ้งว้าง

เมื่อถามย้อนกลับว่า….ไหน ลองบอกซิ ที่ว่าปฎิรูปน่ะ จะทำแบบไหน?
ก็อึกๆ อักๆ ไม่รู้ซี ผมไม่ใช่นายกฯ นี่…ผมไม่ใช่รัฐบาลนี่ นี่…คือภาพสะท้อนของคน “พูดได้-ได้พูด”

แต่เมื่อถูกย้อนถาม จะทำให้ “ได้คิด-คิดได้” ถึงวิธีการแก้ที่เป็น “รูปธรรม” อันไม่เป็นการ “ทุบไข่ทั้งกระจาด”

การไม่ทุบไข่ทั้งกระจาด ……
ก็ต้องปฎิรูปด้วยวิธีการ “อภิบาลตำรวจดี-เอาตำรวจอัปรีย์ไปเข้าคุก” ตามที่นายกฯ ว่านั่นแหละ

“ก็อยากจะทำและแก้ไข แต่ก่อนๆ ไม่มีหลักฐาน ไม่มีใครร้องเรียน แต่วันนี้ “ถือเป็นเรื่องดี” ที่มีคนร้องเรียนเข้ามา จะได้ทำได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ผมยืนยันไม่ปกป้องใครทั้งสิ้น”

อันนี้ “จริงเลย”!

คือใครจะไปกล้าเล่นกับตำรวจที่มีทั้งกฎหมายและกุญแจมือ จะเป็นแค่ “มดแดงกัดไข่” ตำรวจ ก็ยังไม่ได้เลย
ไม่ถูกบี้ตายก่อน ก็ถูกยัดข้อหา ใส่กุญแแจมือเข้าตะรางก่อน!

ก็เพิ่งมี “คุณชูวิทย์” นี่แหละที่กล้าเป็นไอ้มดเอกซ์ขย้ำไข่ตำรวจ ไม่เพียงทำให้ชาวบ้าน “ตาสว่าง” เท่านั้น
“นายกฯ” ท่านก็พลอยตาสว่างเห็น “สีกากี” คือ “สีเครื่องแบบโจร” ไปพร้อมๆ กันด้วย!

นี่…ตอนนี้ ให้ออกระเบียบกับพวกข้าราชการโจรใหม่แล้ว ที่ต้องตั้งกรรมการสอบกันเหมือนนางเอกหนังอินเดียร้องเพลงข้ามภูเขา ๗ ลูก ถึงจะจบเพลงนั้น

ต่อจากนี้…ไม่แล้ว!

แค่มีหลักฐานพอเชื่อได้ว่า…มึงเหี้…..ต้องฟันทางวินัย ให้ออกไว้ก่อนเลย

พ่วงด้วยอาญา ต่อให้หน้ามึงเหมือนนายพล-นายหมื่นคนไหน ก็ต้องไปจบที่ “ศาลอาญา” โน่น

“ศาลไคฟง” เป็นของเปาบุ้นจิ้น
ของเรา เห็นทีจะต้องปั้นรูปตั้งศาล “ชูวิทย์ผู้พิชิตตำรวจเลว” ไว้ซักแห่ง ใครถูกตำรวจรีดไถหรือรู้เบาะแสตำรวจไปคุมบ่อน คุมซ่อง ทำเว็บพนันออนไลน์
ให้ไปร้องที่ “ศาลชูวิทย์”

ให้คุณชูวิทย์แฉ-กระชากลากไส้ตำรวจเลว ให้เกิดมิติสังคมใหม่ “ประชาชนเป็นผู้ตรวจสอบ” ข้าราชการ-ทำทหาร-ตำรวจ เพื่อประจานก่อน

ก่อนส่งเข้าสู่ขบวนการ “วินัยและอาญา” ในขั้นต่อไป
นี่แหละรูปธรรม “ปฎิรูประบบราชการ”

โดยประชาชนเป็นนาย ข้าราชการเป็นผู้ทำงานต่างพระเนตร-พระกรรณ “รับใช้ประเทศชาติ-ประชาชน”

สมัยก่อน พวกโฉดชั่ว จะถูกตัดหัวประจานตามสี่แยก
สมัยนี้ ไม่ต้องถึงขั้นตัดหัว เอาแค่ให้คุณชูวิทย์ออกมาแฉประจานความระยำ ๗ วัน ๗ คืน

ให้มันอายทั้งโคตรวงศ์พงศา ทั่วโซเชียล ทั่วออนไลน์ ก่อนลากคอเข้าคุก แค่นั้นไม่เข็ดทั้งคอก ก็อายบ้างละน่า!

เออ…แต่ที่คุณชูวิทย์บอกว่า
“สารวัตรซัว มีเพื่อนร่วมรุ่นเป็นลูกหลานอดีตผบ.ตร. และมีความสัมพันธ์กับนาย พล จ.” นั่นน่ะ

“อดีตผบ.ตร.คนไหน และนายพล จ.คือใคร ผมอยากรู้จัง คุณชูวิทย์ช่วยบอกชื่อหน่อยได้มั้ยครับ?”

ผมเนี่ย เป็นนักข่าวโรงพัก ตั้งแต่ยุค “พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์” เป็นอธิบดีตำรวจ ก็จริง
แต่นอกวงจรมา ๔๐-๕๐ ปี เลยไม่รู้มีคนไหนชื่อมีอักษร จ.บ้าง?

จำได้เพียงลางๆ ว่าต่อจากจอมพลประภาส จารุเสถียรที่มาควบตำแหน่งอ.ตร.ช่วง ๑๔ ตุลา.แล้ว
ก็ต่อด้วย “พล.ต.อ.ประจวบ สุนทรางกูร” ที่โอนมาจากทหารชั่วคราว แต่นั่นก็ยุครอยต่อ ๑๔ ตุลา.-๖ ตุลา.
แต่ท่าน ป.นำหน้า จ.ตามหลัง

ต่อจากนั้น ก็อีกหลายสิบท่าน จากอ.ตร.เป็นผบ.ตร.ก็ไม่เห็นมีนายพลคนไหนเลย ที่อักษร จ.
อ้อ…มีอยู่คน “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” แต่ก็ไม่น่าใช่ อย่างที่คุณชูวิทย์บอกใบ้ว่า “กินบนอากาศ แล้วยังตามไปกินในทะเล”
เพราะเห็นใครๆ บอกว่า ท่านฉันมังสะวิรัติ!!!

อีก จ.ก็เป็น “บิ๊กโจ๊ก” แต่โจ๊กเป็นชื่อเล่น แถมท่านเป็นมือปราบตำรวจเลว กำลังล้างบางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง “แก๊งต่อวีซ่าจีนเทา”
“คุกรออยู่” รวดเดียว ๑๐๐ กว่านาย!!!

เลยเดาไม่ถูก นายพล จ.ที่ชูวิทย์ใบ้ คือใคร?
รู้แต่ “สารวัตรซัว” คือ “พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล” จากที่
“พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนกลาง แถลงเมื่อวาน (๑๓ กพ.) ว่า…

“ได้รับมอบหมายจากผบ.ตร.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและธุรกิจเครือข่าย “พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล” หรือ “สารวัตรซัว”

อดีต สว.ฝ่ายโยธาธิการ ๒ กองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ที่มีส่วนพัวพันกับ….
“เว็บไซต์รับพนันการแข่งขันฟุตบอล มาเก๊า 888″ โดยจะทำงานในรูปแบบคณะทำงาน…”

ผมเห็นชื่อ “พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” ลงมาทำเรื่องนี้ พูดได้คำเดียว
“ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณฟ้าดิน ขอบคุณเทพผู้พิทักษ์แผ่นดินทุกพระองค์”

“พล.ต.ท.จิรภพ” นี่แหละคือ รูปธรรมของคำว่า “ปฎิรูปตำรวจ” ที่จับต้องได้ ชนิดได้เห็นนายตำรวจตัวเป็นๆ เดินเข้าคุกแน่!

“จิรภพ-พล.ต.ท.” คนนี้แหละ อาจยังไม่คุ้นหู-คุ้นชื่อ
แต่อยากบอก “ให้จำกันไว้”

คนนี้แหละ “อนาคตใหม่” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ!

เปลว สีเงิน

๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

Written By
More from plew
ก็มันยาว “ก่อนจะเป็นศพ”
เปลว สีเงิน “แดงส้ม ๓ นิ้ว” เกิดการยิงกันเองในหมู่คณะ เป็นเรื่องไม่ผิดคาดหมาย! ประหนึ่ง “อาถรรพณ์แผ่นดิน” เคยเกิดเช่นนี้มาก่อนแล้วเมื่อ ๘๘ ปีก่อนโน้น!
Read More
0 replies on “ปฎิรูปแบบปฎิวัติเงียบ-เปลว สีเงิน”