เปลว สีเงิน
คดี “ตู้ห่าว” ถึงวันมี “คำพิพากษา” ออกมา
คำพิพากษานั้น
ไม่ต่างคำพิพากษาสถาบัน “ตำรวจและอัยการ”
ดังนั้น พูดได้คำเดียว ตู้ห่าว “รอดยาก”!
ยิ่งอัยการสูงสุด “นางสาวนารี ตัณฑเสถียร” ลงมาคุมเองด้วยแล้ว เชื่อได้ ๘๐-๙๐% ว่าประเภท “มวยล้ม-ต้มคนดู” ไม่มี
แต่เพื่อความชัวร์….
ดูเหมือนตอนนี้ ภาคประชาชนตั้งให้ “คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เป็นตัวแทนฝ่ายประชาชน คอย “ติดตามคดี” ผ่านการทำงานของตำรวจและอัยการ
ก็ดีครับ คำว่า “ประชาชน” เป็น “คำพล่อยปาก” ของนักการเมืองและคนภาครัฐมานานแล้ว
ต่อไปนี้ ให้มันขลัง เป็นหนาม “ตำตา-แทงใจ” คนภาครัฐ-ภาคการเมือง จริงจังซะที
ชูวิทย์อย่าหยุดนะ….
ตรวจสอบต่อไป สำเร็จเมื่อไหร่ “ภาคประชาชน” จะจัดพิธี “ขลิบหนวด” ให้เท่เลย!
วานซืนบอกไปแล้วว่าตำรวจไปจับ “พ.ต.อ.หญิงวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์” เมียตู้ห่าว หลานสาว “พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” กับพวกมา รวม ๙ คน
เมื่อวาน (๒๖ ธค.๖๕) ตำรวจนำไปฝากขัง ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
นายสิทธิไพบูลย์ คำนิล ๔๙ ปี, นางพัชรินทร์ อิทธิวัฒนา ๕๑ ปี, นายสิทธิพงษ์ ถือสัตย์เที่ยง ๓๔ ปี, นายสิทธิกร ประภาจรัสวงศ์ ๕๖ ปี
นางสุรัสวดี ทองเพิ่มพลอย ๔๓ ปี, นายฉัตรชัย ลาภอำนวยเจริญ ๕๐ ปี, นายณัฐวุฒิ ศรีออน ๔๘ ปี, นายพีรพัฒน์ ทองเพิ่มพลอย ๒๕ ปี และ
พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ๔๗ ปี
กำหนดฝากขัง ๑๒ วัน ไปจนถึง ๖ มกรา.๖๖
อยากให้กัดฟันทน “อ่านข้อหา” ที่เกิน ๘ บรรทัดกันซักหน่อย จะได้รู้ เมื่อท่าน “อัยการสูงสุด” ลงมาคุมเอง
“เจ๋ง” ขนาดไหน …..
เห็นได้จากข้อหา ตามคำร้องขอฝากขัง ดังนี้
“โดยร่วมกันตั้งแต่ ๓ คนขึ้นไปเป็นคณะบุคคลได้รวมกันตัวกันช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยแบ่งหน้าที่กันดำเนินการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
จัดหาบัญชีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย จำนวนหลายบัญชี ที่ใช้บริการระบบอีแบงกิ้ง
ทำธุรกรรมผ่านบัญชีเงินฝากและบางบัญชีให้ผู้อื่น ซึ่งไม่ใช่เจ้าของบัญชีเป็นผู้นำไปใช้ ในการทำธุรกรรมฝากถอน และโอนเงินที่ได้จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
โดยเปิดอาคารจินหลิง อาคารลีลา และอาคารวิบวับ คาร์วอช เป็นสถานบริการจำหน่ายอาหาร สุรา โดยมีคาราโอเกะ เพื่อการบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
และไว้เป็นสถานที่จัดจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ เช่น เฮโรอีน, ยาอี วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท ๒ และ ๔
ให้กับกลุ่มคนจีนที่มาใช้บริการในสถานบริการ หรือจัดการ เพื่อให้มาใช้บริการในสถานบริการดังกล่าว
เพื่อใช้เสพโดยผิดกฎหมายและได้รับเงินทรัพย์สินในการให้บริการ จำหน่ายยาเสพติดให้แก่กลุ่มผู้มาใช้บริการเสพ
เป็นการรับเงินหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด
จึงเป็นการรับเงินหรือทรัพย์สินเพื่อแก่การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดการและกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดร้ายแรง
โดยการสมคบกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและฟอกเงิน อันเป็นความผิดร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติพ.ศ.๒๕๕๖
เพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์ทางการเงิน ทรัพย์สิน มีการกระทำความผิดในเขตแดนของประเทศไทย
และเขตแดนของสาธารณรัฐประชาชนจีน และเขตแดนราชอาณาจักรกัมพูชา”
ครับ…..
ข้อหายาวเหยียด แต่ทั้ง ๙ คนนั้น องค์ความผิดต่างกัน ข้อหาจึงไม่เหมือนกันทุกคน ดังคำร้องฝากขังที่มีต่อไปว่า
“ความผิดที่กระทำในประเทศไทย มีการตระเตรียมการ วางแผน สั่งการ
การสนับสนุนการกระทำความผิด บางส่วนได้กระทำในเขตสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรกัมพูชา
ผลการกระทำที่สำคัญเกิดขึ้นในประเทศไทย
โดยผู้ต้องหากับพวกที่เป็นองค์กรอาชญากรรมได้สมคบกัน โดยตกลงกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท ๑
และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท ๒ และ ๔ และจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท ๒ และ ๔
เป็นการกระทำเพื่อการค้าก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน โดยมีอาวุธปืน โดยมีหัวหน้าผู้มีหน้าที่สั่งการผู้มีหน้าที่จัดการในเครือข่ายอาชญากรรม
กระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ จากการที่ได้สมคบกัน ซึ่งผู้ต้องหากับพวกได้สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวกับข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
ร่วมกันกระทำการโดยตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
มีผู้จัดการ สั่งการ ช่วยเหลือ ยุยง อำนวยความสะดวกในการกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมหรือรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
โดยจัดหาและได้มาซึ่งบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย ที่บุคคลมีชื่อหลายคนได้เป็นผู้ขอเปิดบัญชี
และขอใช้บริการในระบบอีแบงกิ้งทำธุรกรรมผ่านบัญชีธนาคารดังกล่าว รวมทั้งบัญชีเงินฝากของตนนอกจากการทำธุรกรรมโดยวิธีทั่วไป
บัญชีธนาคารที่เปิดไว้ในนามคนอื่นได้มอบให้พวกผู้ต้องหาที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชีเงินฝากสำหรับนำไปใช้ในการทำธุรกรรมรับฝากเงิน ถอน โอน รับโอนเงิน ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้
หรือสนับสนุนและเงินที่ได้จากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อให้ยากในการตรวจสอบการทำธุรกรรมผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารนั้น ๆ
เป็นการซุกซ่อน ปกปิด แหล่งที่มาของเงินที่มีการฝากถอนผ่านบัญชีธนาคาร ปกปิดและอำพรางลักษณะการได้มาของทรัพย์สิน แล้วได้ร่วมกันฟอกเงินทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าวที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐานนั้น
ได้มีการฝาก ถอน โอน รับโอน หมุนเวียนไปมาผ่านบัญชีธนาคารต่าง ๆ จำนวนหลายบัญชี ทั้งบัญชีที่มีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของบัญชี
แต่ผู้ต้องหากับพวกนำมาใช้ โดยผู้ต้องหากับพวกได้รับทรัพย์สินและประโยชน์ในการกระทำแต่ละครั้ง เป็นการปกปิด หรืออำพรางการได้มา แหล่งที่มา การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ครับ….แค่อ่านยังเหนื่อย!
ฉะนั้น ตู้ห่าวโดนทั้งฟอกเงิน ทั้งอาชญากรรมข้ามชาติต่อให้พรรคไหนๆ ทั้งอินทรีอีสาน ทั้งอีแร้งเมืองกรุง
แน่แช่แป้งขนาดไหน ก็ยากจะเอื้ออาทร
ทั้ง ๙ ขอประกันตัว ผลเป็นดังนี้
นายสิทธิไพบูลย์, นางพัชรินทร์ และนายสิทธิพงษ์ ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า
“พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้ง ๓ คนนี้ ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน”
เป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง….
หากปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ส่งเข้าเรือนจำไป
นายฉัตรชัย, นายณัฐวุฒิ และนายพีรพัฒน์ ก็เช่นกัน ศาลพิจารณาแล้ว ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เข้าคุกไป
มี ๓ ผู้ต้องหา ที่ศาลให้ประกันตัวออกไป….
คือนายสิทธิกร, นางสุรัสวดี และ พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ เมียตู้ห่าว ตีราคาประกันคนละ ๒ ล้าน
ห้ามเดินทางออกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาล
ถ้าผิดสัญญา ปรับ ๒ ล้านบาท!
สนใจกันมากว่า พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ เมียตู้ห่าว ถูกข้อหาอะไร?
คำตอบคือ ข้อหา “ฟอกเงิน”!
เท่าที่ผมฟัง “นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์” อธิบดีอัยการ สำนักงานการสวบสวนกับ “นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง” รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงเมื่อวาน
ท่านว่า นอกจากที่จับมาชุดนี้แล้ว ยังจะมีออกหมายจับอีก ผู้ต้องหา ความผิดแยกเป็น ๒ กลุ่ม คือ
-กลุ่มฟอกเงินอย่างเดียว
-กลุ่มสมคบกันฟอกเงิน สมคบกันทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและองค์กรความผิดข้ามชาติ
นายตู้ห่าว ชัดเจนแล้ว เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน จะไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในเรือนจำวัน-สองวันนี้
ส่วนการยึดทรัพย์ ในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและฟอกเงิน อยู่ในอำนาจของป.ป.ส.ซึ่งแยกส่วนจากคดีอาญา
ป.ป.ส.จะยื่นขอให้ศาลยึดทรัพย์ โดยไม่ต้องประสานป.ป.ง.
ส่วนคดีตู้ห่าว ที่จะให้ DSI รับเป็นคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงินนั้น ตอนนี้ เป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว
DSI ก็ไม่มีอำนาจสอบสวน อยู่ที่ อสส.จะพิจารณาว่าจะสอบสวนเอง หรือจะมอบให้ใคร?
สรุป ก็คือ….
คดีคืบหน้าไปเร็วมาก รวบรวมพยานได้กว่า ๑๐๐ ปากแล้ว คอยตามดูต่อละกันว่า ล็อต ๒ ที่จะถูกจับ มีใครบ้าง?
คุณชูวิทย์ก็ อย่าไปไล่ต้อน ผบช.น. “พล.ต.ท.ธิติ” ท่านให้มากนักนะ
ตำรวจน่ะ “ใครไม่กลัว”
“ผมกลัว”!
เปลว สีเงิน
๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕