ผักกาดหอม
มีข้อเสนอใหม่
เอางี้มั้ยครับ…
ส.ส.ฝ่ายค้านลาออกให้หมด บีบให้รัฐบาลยุบสภา จะได้ไปเลือกตั้งกันเร็วๆ
เอาเถอะครับ ในเมื่อกระเหี้ยนกระหือรือ อยากให้รัฐบาลไปเร็วๆ ก็ลาออกจาก ส.ส.เสียให้หมด
กล้าหรือเปล่า?
เห็นบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย “สุทิน คลังแสง” นำทีมป่วนสถานการณ์ ตีปี๊บว่ารัฐบาลอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ส.ส.เตรียมลาออกเพื่อย้ายพรรคให้ทันเงื่อนเวลาตามที่กฎหมายกำหนด
คือ ๙๐ วันก่อนเลือกตั้ง
ต้องก่อนวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
กรณีนี้คือรัฐบาลอยู่ครบวาระ
หากยุบสภาต้องย้ายภายใน ๓๐ วัน ก่อนวันเลือกตั้ง
มันคือไทม์ไลน์เดิมๆ ที่รับรู้กันอยู่แล้ว แต่ยังนำมาประโคมให้ดูราวกับว่า สภาผู้แทนราษฎรกำลังจะสิ้นสภาพ เพราะเหลือ ส.ส.ไม่เกินครึ่ง
ไมค์ส่องหน้าหิวแสงไปวันๆ
กล้ามั้ยล่ะพรรคเพื่อไทยนำทีมลาออกยกพรรค
ไม่ต้องเหนียมครับ ในอดีตเคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว
๒๘ มิถุนายน ๒๕๔๓ พรรคความหวังใหม่ นำโดย “พ่อใหญ่จิ๋ว” พาลูกพรรคตบเท้าลาออกจาก ส.ส. บีบให้ ชวน หลีกภัย ยุบสภา
ข้อหา ณ เวลานั้นคือ บริหารประเทศล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนยากจน ไม่ซื่อตรง มีการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แสวงหาประโยชน์เข้าตัว และปกป้องคนผิดที่เป็นพรรคพวกตนเอง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติพังเสียหาย
ทั้งๆ ที่วิกฤตต้มยำกุ้งเกิดในรัฐบาลพ่อใหญ่จิ๋ว
ไฟแนนซ์ล้ม ตลาดหุ้นพัง เศรษฐกิจพินาศ ลากเอาเศรษฐกิจดำดิ่งไปทั่วโลก
คนตกงาน
บางคนหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย
๓ ปีให้หลังดันจะแสดงบทพระเอก
แต่นายหัวชวนยุบสภาหลังจากนั้นกว่าครึ่งปี ไปยุบเอาวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔
“พ่อใหญ่จิ๋ว” กับลูกพรรคถึงกับแห้ง
ไม่รู้จะเรียกว่ากฎแห่งกรรม หรือ ธรรมชาติการเมืองไทยดี
พรรคความหวังใหม่เติบโตมาได้เพราะต้อนเอานักการเมืองจาก พรรคชาติไทย โดยกลุ่ม “ป๋าเหนาะ-เสนาะ เทียนทอง” กว่า ๓๕ คน
ควบรวมพรรคนำไทยของ “อำนวย วีรวรรณ” อีก ๑๐ กว่าเสียง
ใน กทม. ได้พรรคมวลชนของ เฉลิม อยู่บำรุง ทำให้พรรคความหวังใหม่แจ้งเกิดในเมืองหลวงได้
วันที่พรรคความหวังใหม่ชนะการเลือกตั้งเหนือพรรคประชาธิปัตย์ และได้จัดตั้งรัฐบาล วันนั้นคนไทยได้ยินคำว่า “ดรีมทีมเศรษฐกิจ”
สุดท้ายสำลักต้มยำกุ้งกันทั้งโลก
หลังทำเศรษฐกิจพินาศ เลือกตั้งปี ๒๕๔๔ กลุ่มป๋าเหนาะถูกกวาดต้อนเข้าพรรคไทยรักไทย “พ่อใหญ่จิ๋ว” ลดดีกรีตัวเอง
จากที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี ลงมาเป็นรองนายกฯ ในรัฐบาลทักษิณ
สุดท้ายพรรคความหวังใหม่ถูกกลืนหายไปกับพรรคไทยรักไทย
นี่คือสูตรแลนด์สไลด์ที่ใช้กันในอดีต
วันนี้พรรคเพื่อไทยคือซากที่เหลือของพรรคไทยรักไทย ต้องการชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุด และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ถึงได้บอกไงครับถ้ามั่นใจว่า แลนด์สไลด์แน่ก็ลาออกยกพรรคเลย
ไม่ต้องกลัวอีกขั้วการเมืองจะเอาไปด่า เพราะมีอีกตัวอย่างเอาไว้ปิดปากได้
วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๖ พรรคประชาธิปัตย์มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ ส.ส.พรรคลาออกทั้งหมด!
เหตุผลในขณะนั้นคือ
สภาไม่มีความชอบธรรม รัฐบาลต้องคืนอำนาจให้ประชาชน
และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่มีความรับผิดชอบต่อสถานการณ์การชุมนุมต่อต้านกฎหมายนิรโทษโกง หลังกลุ่มกปปส. เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน
วันรุ่งขึ้น “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ประกาศยุบสภา
ครับ…ไหนๆ พรรคเพื่อไทยก็อยากไปเลือกตั้งอยู่แล้ว
ก็ลาออกวัดดวงเอา
รัฐบาลประยุทธ์ อาจอยู่ลากยาวจนสิ้นเดือนมีนาคม
หรืออาจยุบสภาทันทีหลัง ส.ส.แห่ลาออกก็ได้
ทีนี้มาดูข้อเท็จจริงกัน
“สุทิน คลังแสง” พูดไว้แบบนี้ครับ
“…หากเขาคิดว่าสภาจะอยู่ครบวาระ เขาก็ต้องสังกัดพรรคให้ได้ ๙๐ วัน เขาก็จะเริ่มพูดกันว่าประมาณเดือนกุมภาพันธ์
แต่ถ้าคนคิดว่าจะมีการยุบสภาไม่มีความแน่นอน เขาก็ต้องรีบอาจจะเป็นช่วงประมาณ ๒๓-๒๔ ธันวาคมคือเดดไลน์…”
“…หากลาออกเกินครึ่งก็ต้องยุบสภา หากอยู่ต่ำกว่า ๒๕๐ ก็อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว แต่คงไม่ถึงขั้นนั้น
แต่ถ้าไปกันเยอะแต่ก็ยังไม่ต่ำกว่าครึ่ง ทางสังคมก็จะเรียกร้องว่าสภาไม่สมบูรณ์และไม่ชอบธรรมแล้ว แม้จะไม่เกินครึ่ง ไม่ควรจะอยู่แล้ว
ฉะนั้น หากมีการลาออกกันเยอะ แม้จะไม่เกินครึ่ง ผมคิดว่าก็มีความเป็นไปได้ที่จะยุบสภา…”
“สุทิน” ต้องลงมือเองครับ
ไหนๆ ก็ไล่รัฐบาลทุกวันอยู่แล้ว เรียกร้องยุบสภาตั้งแต่กฎหมายเลือกตั้งยังเป็นวุ้นอยู่ด้วยซ้ำ
รอเลยครับ กฎหมายเลือกตั้งประกาศใช้วันไหน วันนั้นแถลงข่าวใหญ่เลย ส.ส.เพื่อไทยลาออกยกพรรค
แต่เท่าที่เห็นขนาดเรียกร้องให้ยุบสภายังยืมจมูกคนอื่นหายใจ
รอว่า ส.ส.พลังประชารัฐจะลาออกไปพรรครวมไทยสร้างชาติ
หรือรอว่าอาจมี ส.ส.พลังประชารัฐกลุ่มสามมิตร ยกโขยงไปพรรคภูมิใจไทย
ก็รอต่อไป อย่าพูดเรื่องยุบสภาให้เหม็นขี้ฟัน แล้วเรียกส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าประชุมสภาทำงานหลักคืองานนิติบัญญัติ ไปออกกฎหมาย
ไม่ใช่งานบุญ งานบวช
ฉะนั้นอย่ารอครับ
ถ้ารอ ส.ส.พลังประชารัฐ เขาจะย้ายพรรคกันช่วงก่อนวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ปีหน้า เพราะรัฐบาลเขาวางแผนไว้แล้วว่าอยู่ครบเทอม
ไม่มีหรอกครับย้าย ๒๓-๒๔ ธันวาคม
อยากรีบเลือกตั้งต้องลงมือเอง
แต่ถ้าไม่กล้า ก็หุบปากเสีย