นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41 อย่างไม่เป็นทางการ เสนอแนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ พร้อมกระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอกให้แน่นแฟ้น เพื่อดำเนินความสัมพันธ์อย่างสมดุล
11 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.30 น. ณ ห้อง Ballroom III ชั้น Lobby (L) โรงแรมสกคา พนมเปญ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41 อย่างไม่เป็นทางการ (Retreat)
มีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ (เมียนมาไม่เข้าร่วม) และเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อสถานการณ์และพัฒนาการที่สำคัญในภูมิภาคและระหว่างประเทศ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวเสนอ 2 แนวทางที่อาเซียนควรดำเนินการไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญ ดังนี้
หนึ่ง เสริมสร้างความเข้มแข็งแก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ โดยดึงศักยภาพของแต่ละกรอบมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และการดำเนินการของแต่ละกรอบมีการสอดประสานกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน และสามารถรักษาคุณค่าทางยุทธศาสตร์ของโครงสร้างสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง
สอง กระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอกอื่น ๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของความไว้วางใจระหว่างกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน โดยอาเซียนดำเนินความสัมพันธ์อย่างสมดุล เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ อาเซียนสามารถเป็นส่วนหนึ่ง โดยใช้พลังของอาเซียนดึงฝ่ายต่าง ๆ ให้มาพบปะหารือกัน ซึ่งในช่วงหนึ่งสัปดาห์นี้ มีการประชุมสุดยอดอาเซียน การประชุม G20 และไทยเองก็จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค จึงควรใช้โอกาสนี้เป็นเวทีสำหรับการปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา นายกรัฐมนตรีเห็นว่า บทบาทของอาเซียนมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนต้องการเห็นสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมา เพื่อประโยชน์ของประชาชนเมียนมาและประชาคมอาเซียน ซึ่งทุกฝ่ายควรทำงานร่วมกันเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมส่งไปถึงประชาชนเมียนมาที่เดือดร้อน ไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกับเมียนมา พร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับอาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศในการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปสู่ประชาชนเมียนมา
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับกัมพูชาที่ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ประธานอาเซียน และไทยพร้อมสนับสนุนอินโดนีเซียสำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า เพื่อร่วมกันเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้ก้าวหน้าและเข้มแข็งต่อไป