นายชัชวาล แพทยาไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมและข้อมูล นายกิจประเสริฐ นพรัตน์ กรรมการกฎหมายและการเมือง น.ส.กมลมาศ มีสวัสดิ์ คณะทำงานไทยสร้างไทยร้อยเอ็ด เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาต้นทุนการทำนาสูงจากราคาปัจจัยการผลิตแพง โดยเฉพาะราคาปุ๋ยที่เพิ่มสูงขึ้นเท่าตัว และปัญหาราคาข้าวตกต่ำ
นายชัชวาล กล่าวว่าหลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ลงพื้นที่อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อรับฟังปัญหาจากเกษตรกรชาวนา ‘ทุ่งกุลาร้องไห้’กว่า 1,000 คน เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา จึงได้มอบหมายให้ตน และทีมงานพรรคไทยสร้างไทย เป็นตัวกลางเร่งประสานงานแก้ไขความเดือดร้อน และความทุกข์ของพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้ได้อย่างทันท่วงที จึงมายื่นหนังสือ เพื่อส่งผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน
เพราะในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้เกษตรกรชาวนา จะเริ่มใส่ปุ๋ยรองพื้นรอบแรก แต่ปรากฎว่าต้นทุนการทำนา โดยเฉพาะราคาปุ๋ยเคมีในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจากราคา 700 บาท เป็น 1,750 บาท และถูกซ้ำเติมจากราคาน้ำมันแพงขึ้นอีก ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3,700 บาท ดังนั้นหากราคาข้าวยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 8 บาท จะทำให้เกษตรกรขายข้าวได้ 2,800 บาท เท่ากับว่าจะขาดทุนไร่ละ 900 บาท
นายเทพฤทธิ์ กล่าวว่าพรรคไทยสร้างไทย ได้เสนอมาตรการระยะสั้นว่ารัฐจะต้องเข้ามาดูแลช่วยสนับสนุน และลดต้นทุนให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะราคาปุ๋ยที่ต้องควบคุมราคาปุ๋ยไม่ให้แพงเกินจริง ให้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าปุ๋ย และรัฐต้องช่วยอุดหนุน เพื่อลดต้นทุนราคาปุ๋ยให้กับเกษตรกร และเป็นการแบ่งเบาภาระของเกษตรกร
ส่วนมาตรการระยะยาว พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายมุ่งสู่การเป็น ‘เกษตรอินทรีย์’ ซึ่งเป็นการยกระดับราคาสินค้าเกษตรในอีกทางหนึ่ง อีกทั้งจำเป็นต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านโดยจะต้องไม่ใช่การผลักภาระไปให้กับเกษตรกร ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตปุ๋ยโพแทสเซียมได้เองที่เป็นธาตุหลักของการทำปุ๋ย N, P, K ซึ่งมีแหล่งโปรแทซส่วนใหญ่อยู่ในอีสาน
พรรคไทยสร้างไทย จึงมีนโยบายสนับสนุนให้ผลิตปุ๋ยโพแทสเซียมในประเทศไทยได้เพื่อลดการนำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่สามารถควบคุมกำกับการผลิตปุ๋ยไม่ให้เกิดมลพิษและสารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์อย่างครบถ้วน
