เปลว สีเงิน
“เขื่อนศรัทธา” ประชาธิปัตย์
ดูท่า “แตกแน่”!
เพราะ “กระแสเสื่อม” จากปริญญ์ไหลเชี่ยวกราก ล้นสันเขื่อน-ล้นสปิลเวย์ โถมกระแทก แหกทำลาย ทุกอย่างที่ขวางหน้า
ขืนใช้แค่คำ “ขอโทษ” เบี่ยงทางน้ำ
ที่เลขาพรรค “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” บอกว่า เลือกตั้งครั้งหน้า การันตี ๕๑ ที่นั่ง นั้น
ที่ฝัน “ไม่ใช่สส.”
แต่จะเป็น “แตงโม” ใต้น้ำ ซึ่งนั่นละ ที่จะเป็นจริง!?
วันนี้ (๒๓ เมย.๖๕) ประชาธิปัตย์ จะประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีที่พรรค ข้างโรงพยาบาลวิชัยยุทธ
ประชุมเช้าวันนี้……..
แต่บ่ายวาน (๒๒ เมย.) “นายวิทยา แก้วภราดัย” ยื่นใบลาออก จากสมาชิกพรรคไปอีกคน!
นายวิทยา อดีตสส.นครศรีธรรมราช อดีตรัฐมนตรี อดีต กก.บห.พรรค และอดีตนิสิต นิติจุฬาฯ ที่ร่วมชุมนุม ๖ ตุลา.จนถูกยิงบาดเจ็บที่ธรรมศาสตร์
นั่น…เมื่อเอ่ยชื่อ “วิทยา แก้วภราดัย” จึงน้อยคน ที่จะไม่รู้จักชื่อนี้
ก็ไม่มีใครคิดว่า “ลูกหม้อ” ประชาธิปัตย์ระดับอาวุโสอย่างนายวิทยา จะลาออก
แต่เมื่อฟังเหตุผลที่ลา ทุกคนพยักหน้า
ไม่ใช่เพราะเห็นเขื่อนกำลังจะแตก จึงฉวยโอกาส “ทิ้งพรรค” หนีเอาตัวรอด ซึ่งนั่น มิใช่วิสัย “แก้วภราดัย” อยู่แล้ว
หากแต่ “ลาออก” เพื่อใช้ปฏิกริยานี้….
ส่งเป็นสัญญานไปถึงรัฐมนตรีจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ “หัวหน้าพรรค” และกรรมการบริหารพรรค ทั้ง ๓๗ คน ให้ “สะดุดต่อมคิด”
ว่าการแสดง “ความรับผิดชอบ” ในกรณีนายปริญญ์ แค่ออกมาขอโทษ แล้วตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงอย่างที่ทำนั้น
มัน “ยี่เกแก้บน”!
ขนาดเขา “คนประชาธิปัตย์” ยังทนดูไม่ได้ แล้วคิดซิ ประชาชน โดยเฉพาะคนเคยเลือกประชาธิปัตย์
เขาจะทนดู-ทนรับไหวหรือ?
ฟังที่นายวิทยาเขาแถลงดูเถอะ…….
“สาเหตุที่ตัดสินใจลาออก เพราะผมอยู่พรรคการเมืองมาหลายพรรค แต่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ นานที่สุดในชีวิตการเมือง
ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้นในพรรค โดยเฉพาะกรณี “นายปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรค
“อยากให้ “กรรมการบริหารพรรค” แสดงความรับผิดชอบ และแสดงสปิริตกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้มากกว่านี้
เพราะเรื่อง “มาตรฐานจริยธรรม” ต้องสูงกว่ากฎหมาย พรรค “ไม่ผิด” …….
แต่มี “คนผิด” ดังนั้น ต้องมีคน “รับผิดชอบ”
เนื่องจาก กก.บห.ชุดนี้ เป็นคนชักจูงนายปริญญ์เข้ามาอยู่ในพรรค
ถือเป็น “ความรับผิดชอบทางการเมือง” ต่อประชาชน จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้”
……………อย่าให้พรรคช้ำจนไม่เหลือชื่อประชาธิปัตย์ ถ้าไม่เปลี่ยน ก็จะไม่เหลือพรรค
คำว่าประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นแบบนี้ เพราะเราถูกสอนมาว่า ต้องรู้จักรับผิดชอบต่อสังคม และความรู้สึกของประชาชน
ไม่ใช่เกาะเกี่ยวเหนียวติดอยู่กับตำแหน่ง
ผมถูกฝึกมาอย่างนั้น พรรคเป็นของทุกคน พรรคก็เป็นของผม แต่ผมต้องหาคนรับผิดชอบให้ได้ เมื่อไม่มีใครรับผิดชอบ ผมต้องเลือก “ปกป้องพรรค”
ทั้งนี้ “ผู้บริหารพรรค “ควรแสดงสปิริต” ลาออกทั้งคณะ”
เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะพรรคถูกทำร้าย พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองมายาวนาน ผมอยากเห็นพรรคอยู่ต่อไปได้
แต่เมื่อคนในพรรคทำผิด ผู้บริหารพรรคก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะสมัยที่ผมเป็น รมว.สาธารณสุข เคยถูกพาดพิง ก็แสดงความรับผิดชอบ
“เปลือยกลางแดด” ให้เห็นจะจะอย่างนี้แล้ว คงไม่ต้องให้ผมหรือใครต้องพากษ์ต่อว่า ที่นายวิทยาพูดนี้
ส่งแมสเซสถึงใคร?
ถ้าไม่ใช่หัวหน้าพรรคชื่อ “จุรินทร์” และกก.บห.อีก ๓๖ คน รวมทั้งหมด ๓๗ คน
เอ้า…ดูชื่อทั้งหมดก็ได้ ว่ามีใครบ้าง?
- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค
- นายนราพัฒน์ แก้วทอง,นายไชยยศ จิรเมธากร,นายสาธิต ปิตุเตชะ,นายเดชอิศม์ ขาวทอง,นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
- นายนิพนธ์ บุญญามณี,นายสามารถ ราชพลสิทธิ์,คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช,นายอลงกรณ์ พลบุตร,
นายกนก วงษ์ตระหง่าน,นายสรรเสริญ สมะลาภา,นายอัศวิน วิภูศิริ, นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และ - นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค
- นางสาวจิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร,นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ,นายชัยชนะ เดชเดโช,นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์,นายธนา ชีรวินิจ,พันโท สินธพ แก้วพิจิตร รองเลขาธิการพรรค และ
- นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ เหรัญญิกพรรค
- นายวิรัช ร่มเย็น นายทะเบียนสมาชิกพรรค
- นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค
- นางขนิษฐา นิภาเกษม,นางกษมา วงศ์ศิริ,นายชวลิต รัตนสุทธิกุล,นายถนอมศักดิ์ แป๊ะเส้ง,นายทวีโชค อ๊อกกังวาล,นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ, นางสุพัชรี ธรรมเพชร,นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล,น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ,น.ส.รัชดา ธนาดิเรก,น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล,น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ และ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข กรรมการบริหารพรรค
เอากันชัดๆเลยนะ…….
เท่าที่สดับ เลือดเนื้อเชื้อไขประชาธิปัตย์โดยตรง ส่วนหนึ่ง ถ้าจะบอกว่า “ส่วนใหญ่” ก็คงไม่ผิด
เขาอยากเห็น “นายจุรินทร์” ในฐานะหัวหน้าพรรค รับผิดชอบด้วยการ “ลาออก” จากตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค”
หรือไม่ก็ กก.บห.ลาออกทั้งคณะ!
เปิดทางให้ “ล้างพรรค-ถ่ายเลือด” เป็นประชาธิปัตย์สู่ศตวรรษใหม่ แบบนั้นแหละ ที่จะรักษาพรรคให้รอด โดย “เขื่อนศรัทธา” ประชาธิปัตย์ “ไม่แตก!
สละตำแหน่ง-อำนาจในพรรค ให้บรรดาสมาชิกเขาได้ตัดสินใจ “แปงพรรค” กันใหม่
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี-รัฐมนแตะ อะไรนั่น ถ้าอยากกอด ก็กอดไปให้สมอยากจนครบพรรษา แล้วค่อยไปว่ากัน
แล้วคิดว่า “ใคร-คนไหน” ที่มีบารมี สามารถเรียกศรัทธาประชาธิปัตย์กลับมาได้ล่ะ พอเห็นหน้า-เห็นตัวกันหรือยัง?
จะเอา “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมาเป็นเรอะ?
ผมก็ว่า ใครก็ไม่ต้องไปกันทางคุณอภิสิทธ์หรอก ถึงสงเทียบเชิญไป คุณอภิสิทธิ์เขาก็ไม่รับ
ถึงรับกลับมาเป็นหัว
ก็ “ค่าเท่ากัน” กับที่คุณจุรินทร์เป็นอยู่ ซ้ำจะ “เกิดปัญหา-ซ้อนปัญหา” เข้าตำรา ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก!
หรือจะไปเรียก “ศิษย์อาวุโส” อย่าง คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม, คุณพีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หรือ คุณกรณ์ จาติกวณิช กลับมา
แล้วให้แข่ง “ตำแหน่งหัวหน้าพรรค” กันใหม่?
ผมก็ว่าดี……
แต่ “มันเป็นไปไม่ได้” แล้วตอนนี้ เพราะแต่ละแขนงที่แตกออกไป ต่างเป็นกอ-เป็นลำใหญ่ ระดับ “เจ้าสำนัก” กันไปหมดแล้ว!
แล้วจะเอาใคร-ที่ไหนล่ะ มาต้านรับกระแสปริญญ์ที่เชี่ยวกราก กระแทก “เขื่อนศรัทธา” ประชาธิปัตย์จะแตก-มิแตกแหล่ตอนนี้?
ผมเห็นมีอยู่คนเดียวที่จะเป็น “เขื่อนศรัทธา” รักษาพรรคประชาธิปัตย์ให้รอดได้เวลานี้
คือ ประธานรัฐสภา “ชวน หลีกภัย”
อดีตนายกฯ ที่เคยกอบกู้วิกฤตประเทศให้รอดมาแล้วถึง ๒ สมัย
นอกจากท่านชวนแล้ว ………
ผมมองไม่เห็นใคร ในภาวะ “วิกฤติ-ฉุกเฉิน” นี้ ที่สังคม และประชาชนทุกฝ่าย จะให้เครดิตทางเชื่อถือ “ด้วยศรัทธา”
แล้วคลายเกรี้ยวเกลียวคลื่นที่จะกลืนประชาธิปัตย์ ชะลอแขยงที่เป็นแรงสาดซัด ให้โอกาสยืนหยัด ฟื้นประชาธิปัตย์ ได้ซบหน้าสาบานต่อแม่พระธรณีบีบมวยผมอีกครั้ง
ผมเดาใจได้ ท่านชวนปฎิเสธแน่!
แต่ถ้า คุณจุรินทร์พร้อมคณะกก.บห.พรรค ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ทั้งอดีตและปัจจุบัน พร้อมกันไปอ้อนวอน ขอให้ท่าน “เสียสละ” อีกสักครั้ง
รับรั้งตำแหน่งหัวหน้าประชาธิปัตย์แทนไปจนครบวาระ ปี ๒๕๖๖ จากนั้น ค่อยว่ากันใหม่
ท่านชวน “อาจจะ” รับ….
เพราะยังไงๆ ท่านยอมไม่ได้ที่จะเห็นประชาธิปัตย์ต้องพินาศแตกสลายไปต่อหน้า-ต่อตาของท่าน!
แล้วใครล่ะ ที่จะอาสาไปขอร้องท่าน?
เนื้อที่ผมน้อย ไม่ต้องอ้อยสร้อยพูดละ เอากันตรงๆ เลย
คุณจุรินทร์พร้อม กก.บห.๓๗ คน นั่นแหละ
ตัดหัว “ใส่พาน”
ลำเลียงเข้าไปกราบกราน “ท่านชวน” เดี๋ยวนี้เลย!