เปลว สีเงิน
ยินดีกับมิตรภาพ “ซาอุฯ-ไทย” ที่คืนกลับ
และยินดีกับ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
ในฐานะผู้นำ “รัฐบาลผสม”….
พลังประชารัฐ, ภูมิใจไทย, ประชาธิปัตย์, ชาติไทยพัฒนา, เศรษฐกิจใหม่, พลังท้องถิ่นไท, รวมพลังประชาชาติไทย, ชาติพัฒนา และอีกประมาณ ๑๐ พรรค
ได้สานสัมพันธ์ไมตรีที่เจือจางร้างรากันไปนานกว่า ๓๐ ปี ระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบีย ให้คืนกลับสัมพันธ์ดังเดิม
และวันนี้ (๒๕-๒๖ มค.๖๕)
นายกฯ พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯแ ละ รมว.ต่างประเทศ, นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน, และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
เดินทางไปเยือนซาอุฯ…..
ตามคำเชิญ “เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด” มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดิอาระเบีย
เยือนครั้งนี้ เป็นการเยือน “ระดับผู้นำรัฐบาล” ระหว่างสองประเทศ เป็นครั้งแรกในรอบ ๓๐ ปี
ความสำเร็จนี้ นับเป็น “ประวัติศาสตร์” ด้านสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญ ซึ่งต้องบันทึกไว้อีกวันหนึ่ง
ในอีกด้าน บ่งถึงรัฐบาลทำงานมีเป้าหมาย และมุ่งมั่นด้วยอุตสาหะ-วิริยะ ยึด “ประโยชน์ชาติ-ประชาชน” เป็นตัวตั้ง
ไม่ใช่แบบวัว-ควาย พอสวม “กระบังตาการเมือง” ก็เล็มหญ้า “เฉพาะตรงหน้าและรอบตัว-ข้างตีนตัวเอง!”
จะว่าไป นายกฯ นี่ ไม่ใช่คน “จิตแข็ง”……
แต่เป็นคนมีสมาธิกับงานตามภารกิจและยึดหลัก “เมื่อทำปัจจุบันดีแล้ว ก็ไม่ต้องห่วงว่าอนาคตจะไม่ดี”
ถ้าเป็นบางผู้นำ ตอนนี้จะต้องเครียดเคร่งอยู่กับเกมการเมืองเรื่องพรรค เรื่องล้มรัฐบาล เป็นเรื่องหลัก, เรื่องประโยชน์บ้าน-ประโยชน์เมือง เป็นเรื่องรอง
แต่นี่ท่านไม่ จัดลำดับงานที่ต้องทำไปตามความสำคัญก่อน-หลัง ก่อนไปเยือนซาอุฯ ยังประชุมครม.สั่งข้อราชการที่เป็นงานประเภท “กระทุ้งท่อ” ไว้อีก
เช่น เรื่องปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด ที่ปลดล็อกนี้ไปติดล็อกโน้น รัฐมนตรีสาธารณสุข “อนุทิน ชาญวีรกูล” บอกในครม.ว่า
“ผมเซ็นประกาศกระทรวงที่ไม่ระบุชื่อกัญชาเป็นยาเสพติดไปแล้ว
ขอให้ท่านนายกฯ ในฐานะ “ประธานคณะกรรมการปปส.” สนับสนุนร่างประกาศที่ “คณะกรรมการควบคุมยาเสพติด” มีมติแล้วด้วย”
เพราะคณะกรรมการปปส.จะประชุมพิจารณากันวันนี้ คือ ๒๕ มกรา.ที่นายกฯ ไม่อยู่นี่แหละ
นายกฯ ก็บอกครม.ทันที “เรื่องขัดอนุสัญญาฯ ที่มีกับสหประชาชาติ เอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปว่ากัน ให้ทำเรื่องกัญชาให้สำเร็จ ตามนโยบายรัฐบาลก่อน”
จากตรงนี้ ทำให้สะท้อนคิดในอีก “หลายปัญหา” ที่รอแก้ไขแบบ “กระทุ้งท่อ”
โดยเฉพาะปัญหา รัฐบาล สนองกฎ IUU “กฏระเบียบของสหภาพยุโรป ว่าด้วยการทำประมงผิดกฎหมาย”
ฉากหน้าที่สำเร็จ…
แต่ฉากหลัง ประหนึ่ง “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” อาชีพประมงไทยเลยทีเดียว!
ตอน พฤษภา.ปี ๕๗ “ยุโรป-สหรัฐฯ” โกรธ ที่นายกฯ รัฐประหาร “รัฐบาลเด็กดี” ของเขา ก็รวมหัวกันเล่นบท “หมาป่าขย้ำลูกแกะ”
การบินก็ผิด ICAO ติดธงแดงสายการบินประเทศไทย การประมงก็ผิดกฎ IUU ผิดกฎสหรัฐฯ “ใช้แรงงานเถื่อน”
เรียกว่าตอนนั้น “ประเทศไทย” ด้วยรัฐบาลคสช.จักรวรรดิอำนาจตะวันตกสหรัฐ-ยุโรป “เอาตาย”
ตีตราเป็น “รัฐบาลเถื่อน” ไม่คบ-ไม่ค้า ถึงขนาดนั้น!
รัฐบาลพินอบอียู เขาให้ทำแบบไหน ก็ลนลานทำแบบนั้น ด้วยกลัวอียูแบน “สินค้าประมงไทย” ที่นำเข้าแค่ ๕% แต่ไม่กลัวคนไทยอาชีพประมงจะอดตาย
ความจริง อาหารทะเลแช่แข็งประเภท “ปลาทูน่า-กุ้ง-ปู” บรรจุกระป๋อง ที่ส่งออกจากไทยไปต่างประเทศ รวมทั้งอียู-สหรัฐฯ
พวก “รายใหญ่” ไม่เดือดร้อน เพราะเขาสั่งวัตถุดิบเข้ามาจากนอกประเทศ
ดังนั้น ที่เดือดร้อนจริงๆ คือคนอาชีพประมง และธุรกิจการค้าเกี่ยวเนื่องประมง รวมถึงการจ้างงานในประเทศ ด้วย วงจรเม็ดเงินกว่า ๕ หมื่นล้านบาท/ปี นี่แหละ
การเอาใจอียู รัฐบาลคสช. “สั่งทหารเรือ” ปฏิบัติการกับประมงไทยเข้ม ๑๐๐%
ทหารเรือก็ใช้วิสัยทัศน์ทหาร มองชาวประมงเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” คือศัตรู
กาง “พระราชกำหนดการประมง” ที่เขียนขึ้นสนองอียู ตรวจจับแบบ “กวาดล้างให้เหี้ยน”
ทำนอง “ปะ-ฉะ-ดะ” เจอเป็นฆ่าหมด ยึดหลักอำนาจอย่างเดียว ไม่ยึดหลักรัฐศาสตร์ ทั้งที่หลักกฎหมาย มีข้อยืดหยุ่นบางกรณีให้ ก็ไม่สน
เอะอะปรับ ๓-๕ แสน บางราย เป็นสิบๆล้านก็มี ทั้งยึดเรือ ถอนใบอนุญาต
ไม่ว่าประมงชายฝั่ง ประมงในน่านน้ำ นอกน่านน้ำ เรืออวน เรือลาก ผิด-ถูกไม่ต้องพิสูจน์ ไม่ต้องอุทธรณ์-ฎีกา เอาฉิบหายให้หมด
เหมือนต้องการ “ขุดราก-ถอนโคน” อาชีพประมงไปจากคนไทย-ประเทศไทย
ทั้งที่ จริงๆ แล้ว อียูเขาเพียงต้องการให้ “ห้ามเรือทุกประเภท” จับลูกปลา “มาทำปลาป่น” เป็นหลักเท่านั้น!
ที่ผมปรารภยืดยาว เรื่องมันต่อเนื่องมาจาก ๕๗-๕๘ ถึงวันนี้ อียูพอใจ แต่อาชีพประมงไทยตาย และ “นับวันยิ่งตาย” โดยรัฐบาลไม่สนใจที่จะแก้ไขให้ “ถูกฝา-ถูกฝั่ง” เลย
ขณะนี้ ปัญหา “หมาป่า-ลูกแกะ” หมดไป ได้ยินนายกฯ บอกวันก่อน นอกจากไม่ยุบสภา-ไม่ลาออกแล้ว จะสะสาง ทบทวนปัญหาเก่าๆ ที่ค้างคา
ในฐานะผม “คนทะเล” พอรู้วิถีอยู่บ้าง
ประกอบกับคนแม่กลองบ้านเดียวกัน “คุณมงคล สุขเจริญคณา” จาก “สมาคมประมงแห่งประเทศไทย” หอบเอกสารมาเกือบครึ่งรถกระบะ มาให้ผมอ่าน
เขาบอกว่า ในฐานะแชร์แมนสมาคมการประมงฯ ไปมาแล้วทุกที่ ที่คิดว่าจะรับฟัง ทั้งที่สภาผู้แทน ทั้งวุฒิสภา ทั้งทำเนียบ
แต่เงียบหมดทุกที่ ปัญหาประมงกลายเป็น “ผีไม่มีญาติ”
มีแต่รับเรื่อง-รับเอกสารไป แล้วก็เงียบหาย หาคนรับเป็นเจ้าภาพไม่ได้!
ผมถามเขาว่า เคยนำเรื่องไปเสนอรัฐมนตรีเกษตรฯ มั้ย เขาบอกเคย แต่เรื่องนี้นายกฯ มอบ “พลเอกประวิตร” ประธานคณะกรรมการประมงแห่งชาติ เป็นเจ้าของเรื่อง
โถ…..
“ลุงป้อม” บางทีก็เหมือน “ตู้เย็น” ของนายกฯ มีเรื่องอะไรร้อน นายกฯ ก็ยัดตู้เย็นลุงป้อม เป็นร้อย-เป็นพันเรื่องแล้วมั้ง สงสารท่าน ใครจะไปชำระสะสางได้หมด
ผมจึงถามต่อ เคยเสนอถึงนายกฯ บ้างมั้ย คุณมงคลบอกว่าเคย ผมแย้ง “เอกสารมากมาย นายกฯ ไม่มีเวลาอ่านแน่ เอาเฉพาะที่สมาคมต้องการให้แก้ไข ฉบับไหนที่อยากให้ท่านนายกอ่าน?
คุณมงคลบอกว่า ..นี่ แล้วหยิบให้ผมดู ปกสีฟ้าอ่อน
(ร่าง) พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ…..(ฉบับที่มีกองทุน)
พร้อมอธิบายว่า ที่ใช้ทุกวันนี้ คือ พระราชกำหนดการประมง พศ.๒๕๕๘ และ ฉบับที่ ๒ พศ.๒๕๖๐ มีทั้งหมด ๑๗๖ มาตรา
พรก.นี้ รัฐบาลร่างตามกรอบ IUU คนร่างรู้วิธีเขียนกฎหมายประมง แต่ไม่รู้จัก-ไม่เข้าใจวิถีประมง ซ้ำผู้นำไปปฏิบัติ ปฏิบัติแบบ “จับปลาตัวเดียว โรยยาพิษทั้งทะเล”
สมาคมประมงจึงยึดพรก.ของรัฐบาลเป็นแม่บท แล้วระดมผู้รู้วิธีเขียนกฎหมายประมงกับคนในอาชีพประมงมาช่วยกันร่าง เสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพื่อเข้าสู่กลไกสภาตราเป็นกฎหมายใช้แทน
คุณมงคลเล่าน่าทึ่ง แกทำประมงแต่เด็ก พอมีปัญหากฎหมาย ขัดใจ ไปเรียนกศน.จบแล้วไปเข้ามหา’ลัย เรียนกฎหมาย จบแล้วบอก คนรู้กฎหมาย จะทำอะไรก็ผิดหมด มันแคบ
ก็ไปเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ต่อ แกบอกว่า จะได้รู้จักประยุกต์ใช้ทั้งนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์
เมื่อมาเป็นนายก-เป็นที่ปรึกษาสมาคมประมง เจอปัญหารัฐบาลออกกฎหมายชนิดประมงที่ทำผิด “กลับไม่ผิด” แต่ประมงที่ไม่ผิด “กลับผิด”
จึงช่วยกันยกร่าง “พรบ.การประมง” ฉบับที่อยากให้นายกฯ อ่านนี่แหละ
สรุป คือ…
คุณมงคลอยากให้ท่านนายกฯช่วยพิจารณา “ร่างพรบ.การประมง” ปกสีฟ้าอ่อน ที่เคยส่งถึงนายกฯ แล้วให้ด้วย
และเพื่อให้เรื่องนี้เป็น “ผีมีญาติ” อยากให้คืนงานแก้ไขปัญหาประมงจากพลเอกประวิตรไปให้รัฐมนตรีเกษตร “คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน” ดูแลแทน จะถูกคน-ถูกงานมากกว่า
ตรงนี้ ผมเห็นด้วยนะ สงสารลุงป้อม ทุกเรื่องไปกองที่ท่าน แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปจัดการ ทะเลน่ะ ลุงป้อมรู้จัก แต่การประมง ผมว่าลุงแกไม่รู้หรอก
ก็ฝากท่านนายกฯ ช่วยพิจารณาด้วย ความจริงคนทะเล ไล่ไปเลย ตั้งแต่มหาชัย แม่กลอง เพชรบุรี ประจวบ ชุมพร ระนอง สุราษฏร์ ปัตตานี สตูล สงขลา แฟนนายกฯ ลุงตู่ทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ ถูกยึดเรือ ถูกปรับ ถูกยึดใบอนุญาต ไม่ใช่คนละล้าน-ครึ่งล้านนะ เป็นสิบๆ ล้านเลยทีเดียว หมดเนื้อ-หมดตัว เลิกอาชีพกันมากต่อมาก
ผม “ลูกทะเล” ก็ช่วย “คนทะเล” ด้วยกันได้เท่านี้แหละ เขาก็ไม่ได้ขออะไรเกินเลยตามกรอบอียู
ขอเพียงให้เลิกพรก.ฉบับ “ล้างเผ่าพันธุ์ประมงไทย” แล้วใช้ฉบับที่สมาคมประมงฯ ยกร่างใหม่เท่านั้น
