เมื่อ “นิสิตจุฬาฯ” ซนข้ามชาติ

ขยะพิษ………
ไม่น่าห่วงเท่าผลิตผล “สังคมพิษ”
อย่างกรณีวานซืน วัยรุ่นในเครื่องแบบนิสิตจุฬาฯกลุ่มหนึ่ง ไปรวมตัวกันที่หน้าหอศิลปฯ


แสดงสัญลักษณ์ “ปฏิวัติร่ม” เป็นแนวร่วมนายโจซัว หว่อง
ชูป้ายข้อความ #THstandwithHK
ข้อความ”We are not seeking revolution. We just want democracy!” -Joshua Wong
และข้อความอื่นๆ ในภาษาจีน
นิสิตจุฬาฯ กลุ่มนี้ เรียกตัวเองว่า “กลุ่มพื้นที่เสรี” นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และ จ่านิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เป็นตัวนำ

เนติวิทย์ ยืนโชว์ปกหนังสือ “หลิว เสียว โป”
ผู้เคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในจีน ต่อต้านคอมมูนิสต์ เชิดชูประชาธิปไตย
เขาถูกจับข้อหายุยง บ่อนทำลาย ติดคุก ๑๑ ปี
ได้รับรับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ จากประชาธิปไตย ค่ายตะวันตก
เสียชีวิตในคุกด้วยมะเร็ง เมื่อปี ๒๕๖๑ ในวัย ๖๑ ปี

https://themomentum.co/th-stand-with-hk/ สื่อในเครือข่าย ขยายความการชุมนุมของพวกเขาไว้ ดังนี้
วันนี้เวลา 18.00 น..กลุ่มพื้นที่เสรี ซึ่งเป็นกลุ่มนิสิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ราว 20 คน
นัดชุมนุมเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการกางร่ม เพื่อสนับสนุนการชุมนุมในฮ่องกงต่อต้านระบอบอำนาจนิยมและเรียกร้องประชาธิปไตย ที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร
ตัวแทนนักศึกษากลุ่มพื้นที่เสรีระบุว่า เหตุที่เลือกใช้รูปแบบการกางร่ม
เพราะร่มเป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวในฮ่องกงมาตั้งแต่เมื่อปี 2014
หรือที่รู้จักกันในนาม การปฏิวัติร่ม หรือ (Umbrella Movement)
การรวมตัวกันของกลุ่มนิสิตและนักกิจกรรมในครั้งนี้ มีการชูป้ายข้อความ #THstandwithHK
ซึ่งแม้ล่าสุด จะมีการถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งเป็นที่มาของการชุมนุมประท้วงไปแล้ว
แต่ผู้ชุมนุมที่ฮ่องกง ยังคงขยายประเด็นไปสู่การเรียกร้องอธิปไตยจากจีน

ซึ่งการชุมนุมที่มีมานานกว่าสามเดือนนั้น มีการปราบปรามและจับกุมผู้ชุมนุมไปแล้วกว่า 1,2000 คน
การรวมตัวกันแสดงพลังในครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของกลุ่มกิจกรรมใหม่ภายใต้ชื่อ ‘กลุ่มพื้นที่เสรี’
โดยมีนักกิจกรรมอย่าง เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และ จ่านิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เข้าร่วมด้วย
สิรินทร์ มุ่งเจริญ นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเล่าว่า
สาเหตุที่ตั้งชื่อกลุ่มว่า ‘พื้นที่เสรี’ เพราะในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจจะหาเพื่อนที่มีความสนใจทางสังคมได้จำกัด
เช่น ถ้าสนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ปัญหาผู้ลี้ภัย หากคุยกับเพื่อน ก็อาจจะไม่ค่อยมีคนสนใจร่วมคุยด้วย
ครับ….

ผมอ่านข้อความแล้วดูภาพในมุมต่างๆที่เขาเผยแพร่ด้วยความเข้าใจคนวัยแตกเนื้อหนุ่ม-เนื้อสาว
ยิ่งเห็นหน้าบางคนเขลอะสิว ก็ยิ่งเข้าใจ ว่าวัยรุ่นในเครื่องแบบนิสิตกลุ่มนี้ ฮอร์โมนกำลังทำงาน
“วัยแตกพาน” ไม่ว่าหญิงหรือชาย อยู่ในช่วงฮอร์โมนจะกระตุ้นความรู้สึก-นึก-คิด ผ่านการแสดงออกในลักษณะ
อยากเด่น อยากดัง อยากให้คนสนใจ อยากได้การยอมรับ อยากเป็นฮีโร่
ทุกคน เมื่อเข้าสู่วัยนี้ ต่อมอีโก คือต่อมมิจฉาทิฐิ กับต่อมสติ-สำนึก คือต่อมสัมมาสติ จะขับเคี่ยวกัน
เป็นช่วง “หัวเลี้ยว-หัวต่อ” ใครจะเป็นแบบไหน วัดได้จากช่วงนี้แหละ
“วัยรุ่น” ที่เรียกกันตอนนี้ว่า “คนรุ่นใหม่” จึงเป็นเป้าหมายของ “นักล่า” กลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มดีและกลุ่มร้าย
เพื่อต่อตา, ทาบกิ่ง, ตัดต่อ ฟอกย้อมโลกทัศน์ และชีวทัศน์ เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือ

ดังนั้น วัยรุ่น จะเป็นแบบไหน ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ว่า เขาจะให้ต่อมอีโก้นำหรือต่อมสำนึกนำ?

พระพุทธเจ้าตรัสบอกทางอันเป็นมงคลสูงสุดของชีวิตไว้ ๓๘ ข้อ ๓ ใน ๓๘ ข้อ มีว่า
อะสวะนา จะ พาลานัง การไม่คบคนพาลทั้งหลาย
ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา การคบแต่บัณฑิตทั้งหลาย
ปูชา จะ ปูชะนียานัง การบูชาคนที่ควรบูชา
เอตัมมัง คะละมุตตะมังฯ ๓ ข้อนี้ เป็นมงคลสูงสุด

คำถามมีว่า………
การที่นิสิตจุฬาฯที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มพื้นที่เสรี” ชุมนุมแสดงตนเป็นแนวร่วมโจซัว หว่อง ในปฏิบัติการฮ่องกง นั้น
-เป็นกิจกรรมเหมาะสมหรือเสือกสะเหร่อไปยุ่งในเรื่องราวของบ้านเมืองเขาโดยใช้ที่?
-เป็นกิจกรรมด้วยความเห็นชอบของมหาวิทยาลัย ของสภานิสิตฯ
หรือด้วยเขลาในคราบนิสิตเฉพาะตน สมคบ ยอมให้เขาชักนำจากกลุ่มคน, พรรค, ขบวนการใด-ขบวนการหนึ่ง?
– สมควรหรือไม่ ที่สวมเครื่องแบบนิสิตไปแสดงกิจกรรมเสือกสอดในประเด็นที่กำลังปัญหาของประเทศอื่นเขา
แถมยังใช้ความเป็น “ประเทศไทย” ไปในความตื้นเขินที่ไร้ความรับผิดชอบ โดยติดเครื่องหมาย #THstandwithHK ?
-ด้วยความเป็นนิสิต……….
คำว่า จุฬาฯและพระเกี้ยวบนหน้าอก ไม่ทำให้พวกเธอสำนึกเลยหรือว่า สิ่งที่พวกเธอทำครั้งนี้
ตื้นเขิน น่าอับอาย ทำคนทั้งสถาบันพลอยแบกรับสายตาดูแคลนจากสังคม
การเอาชื่อประเทศไปรองรับความเป็นนิสิตสะเหร่อ รู้ไหมว่า มันสะท้อนถึงระบบการบ่มเพาะของสถาบันด้วย

ถ้าไม่เจตนาสร้างปัญหา….
ก็แสดงว่านิสิตไร้เดียงสาต่อเรื่องที่เปราะบางระหว่างประเทศเอามากๆ
พวกชุมนุมฮ่องกงก็ใช่ว่าจะซูฮกยกย่องพวกเธอ ทั้งพวกสิทธิมนุษยชน ก็ไม่มีเหรียญให้ นอกจากแอก (ที่แบกกันอยู่)
นิสิตจุฬาฯ มีเกือบ ๔ หมื่นคน…….
แต่พวกเธอแค่ ๒๐ คน ทำให้นิสิตเกือบ ๔ หมื่น พลอยต้องถูก “ประเมินต่ำ” จากพฤติกรรมอีโก้พวกเธอไปด้วย
จากที่ “สิรินทร์ มุ่งเจริญ”
นิสิตชั้นปีที่ ๓ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม เล่า…..
“สาเหตุที่ตั้งชื่อกลุ่มว่า ‘พื้นที่เสรี’ เพราะในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจจะหาเพื่อนที่มีความสนใจทางสังคมได้จำกัด
เช่น ถ้าสนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน ปัญหาผู้ลี้ภัย หากคุยกับเพื่อน ก็อาจจะไม่ค่อยมีคนสนใจร่วมคุยด้วย”

ตรงนี้สะท้อนชัด…….
นิสิตเป็นหมื่นๆ ในจุฬาฯ เขาไม่ต้องการส้องเสพเสวนาคบหากับกลุ่มนิสิตวิปลาศ อย่างพวกเธอ ๒๐ กว่าคน
ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่สนใจสังคม ไม่สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือปัญหาผู้ลี้ภัย อย่างที่พวกเธอเข้าใจ
เขาเข้าใจ…….
แต่เขาเหล่านั้น รู้พาล รู้บัณฑิต มีสำนึกใคร่ครวญ รู้การณ์ควร-ไม่ควร และรู้กรอบดำรงตนในเครื่องแบบนิสิต
ทุกอย่างมีกรอบ ขอบเขต ใช่ว่าอ้างสิทธิมนุษยชน แล้วกูจะทำอะไรก็ได้ในโลกนี้
มันไม่ใช่……
อย่างนิสิตหญิงคนหนึ่งที่ยืนชูป้าย ขอถามคำ ทำไมจึงทาลิปสติกแดงแจ๋เฉพาะขอบปาก?
ทำไมไม่ทาลากไปถึงจมูก แก้ม ลูกตาด้วยล่ะ ในเมื่อปากเธอ หน้าเธอ มีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้มิใช่หรือ?
คำตอบ คือ ทุกอย่างมันมีกรอบ ถ้าเลยกรอบ จากสวย มันจะกลายเป็นทรามทันที
ลิปสติกนั้น ถ้าทาเลยขอบปาก มันก็ไม่สวยแล้ว จากงามเพราะแต่ง จะกลายเป็นอีบ้า เพราะเกินงาม

นัยเดียวกัน คำว่าสิทธิเสรีภาพ การใช้ ก็ต้องมีกรอบเช่นกัน จึงจะงาม
การแต่งนิสิตไปชูป้าย มันเกินงาม ถึงขั้นยุ่มย่ามเข้าไปในประเทศอื่นเขา เช่นนี้ เรียกว่า สิทธิเสรีภาพ “ล้นกรอบ”
อาจเป็นบูมเมอแรง ย้อนกลับมาทำลายทั้งประเทศและตัวปัญญาชนเขลาเองได้ ชนิดที่ต้องบอกว่า
น่าอดสูและสมเพช!
แต่งเครื่องแบบนิสิตจุฬาฯ แต่ว่ามี “เนติวิทย์-จ่านิว” เป็นตัวนำ แค่นี้ มันตอบทุกข้อสงสัย และทุกเจตนาให้ทุกคนได้รู้หมดแล้วว่า
กลุ่ม “พื้นที่เสรี” นี้ สวะลอยน้ำมาจากไหน?
จุฬาฯ นี่………
“เปลืองชื่อ-เปลืองตัว” ไปมากแล้ว
หรือระดับบริหาร ใช้คำว่า “สิทธิเสรีภาพ” บนตรรกะฐานเดียวกับบางนิสิต-บางอาจารย์ด้วยก็มิทราบ?

Written By
More from plew
กฎหมาย-กฎกรรม – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน “คอรัปชัน” ในวงราชการ “ครองชาติ”! ผมใช้คำนี้ ….. “เกินความเป็นจริงไปมั้ย?” ช่วยบอกด้วย ถ้าเกินไป จะได้กราบขอโทษ
Read More
0 replies on “เมื่อ “นิสิตจุฬาฯ” ซนข้ามชาติ”